คราวดอกฟ้ากิ่งโน้มประโลมหล้า หมื่นดาราโศกเศร้าเฝ้ากำสรวล เดือนเสียดายหมายปองร้องคร่ำครวญ สวรรค์ปรวนสั่นไหวในบัดดล ครั้นดินจูบดอกฟ้าอ้าแขนรับ ประจงจับพักตร์ดวงล่วงเวหน หล่อหลอมรวมร่วมรักหักกมล ยังจิตชนตื้นตันมั่นรักจริง มาตรแม้นต้องครองคู่อยู่ลำบาก แต่ใจฝากรักแท้แม้ยากยิ่ง ยังยอมทนหม่นกายหมายแอบอิง ดังมิตรมิ่งสิเน่หาชั่วฟ้าดิน ยอมตกตายร่วมกันสุขหรรษา มิระอาคำแคลนแม้นติฉิน เปิดเผยใจใสซื่อถือชีวิน ปราศมลทินมัวหมองครองชีวา ทวยเทพไท้ให้พรขจรกลิ่น สองชีวินสรวลเสเสน่หา มีอภัยในรักตระหนักพา อยู่คู่ฟ้าเคียงดินตราบสิ้นลม.....
10 พฤศจิกายน 2550 17:42 น. - comment id 786539
กลอนเพราะมากเลยครับ โดนใจครับ
10 พฤศจิกายน 2550 21:39 น. - comment id 786640
แบบนี้ เค้าเรียกรักแท้ค่ะ ชื่นชมในผลงานนะค่ะ ไพเราะมากเลย
10 พฤศจิกายน 2550 22:34 น. - comment id 786667
มาทักทายครับ อืมๆ ความรัก มันไม่ได้แบ่งชนชั้นกันครับ ไม่เหมือนคนเราที่แบ่งชนชั้นกันครับ
11 พฤศจิกายน 2550 02:21 น. - comment id 786704
May Aphrodite be with you
11 พฤศจิกายน 2550 12:30 น. - comment id 786857
จูบได้ยังไงหว่า....โคลอนเคยแต่จูบดิน...อิอิอิ
12 พฤศจิกายน 2550 08:48 น. - comment id 787126
กลอนไพเราะมากครับ ความหมายยิ่งชัดเจนเป็นสัจจะ เป็นความงามสำหรับเราชาวโลกิยชน แม้จะยังไม่หลุดพ้น ก็ขอดำเนินไปตามวิถี ที่งดงาม มีความรักแท้ เป็นประทีปส่องทางดำเนิน เป็นบทกลอนที่จับใจคนมีรักแท้ครับ
13 พฤศจิกายน 2550 12:34 น. - comment id 787758
ขอบคุณมิตรักแฟนเพลงทุกท่านคร๊าบ...