เมื่อดอกคูณบาน...อีกครั้ง
ทาสกวีแลเทพธิดากวี
๑ แสงแดดร้อนหลอมละลายใจชายหนุ่ม
ระอุรุมเร้าคะนึงถึงความฝัน
ไออบอ้าวผะผ่าวแผ่วแว่วจำนรรจ์
จำเรียงเสียงจอมขวัญวันเคียงกาย
๒ วันเคยกอดแอบอุ่นใต้คูณเหลือง
พระจันทร์เรืองพราวโพยมดั่งโคมฉาย
นวลชดช้อยจับช่อเหลืองเลื่อมพราวพราย
ระย้ารายดั่งสายทิพย์ขลิบเรือนทอง
๓ คล้ายเรือนทิพย์รโหฐานของสองเรา
คลอคู่เคล้าข้างเคียงเพียงเราสอง
เจ้าอิงแอบ พี่แนบเนื้อนวลละออง
ในเรือนทองสองรักมั่นนิรันดร์กาล
๔ นานเหลือเกินเกินกาลจะหมุนกลับ
มองคูณทองย้อยระยับกับลมผ่าน
เจ้าปลิดปลงลงถมทับดุจสายธาร
เป็นพยานใจรักที่เปลี่ยนแปลง
๕ ที่เปลี่ยนไปใครหรือมาแปรเปลี่ยน
ใจจึงเวียนหมุนลอยไร้หลักแหล่ง
คูณปลิดผล็อยละลิ่วร่วงไร้เรี่ยวแรง
ดังใจเจ้าหมายแกล้งปลิดชีวิต
๖ ปล่อยชีวาเคลิ้มไปในไอร้อน
จงช่วยผ่อนละลายรักยะเยือกจิต
ไอกลิ่นกายจงเหือดหายสลายฤทธิ์
เผาบ่วงรักสลักติดทั้งขุมทรวง
๗ ถ้อยคำซึ้งครวญซ้ำย้ำให้เศร้า
ว่าสองเราสิ้นรักและสิ้นหวง
ที่ห่วงหาจงเหือดหายอย่าหมายทวง
ทิ้งแดดวงโศกซ้ำซ้ำกับคำลา
๘ กองคูณเหลืองเรืองทองคือกองเถ้า
เศษซากเศร้าเผาไหม้ในแดดจ้า
จงเผาเถิด! เปลวแดดแผดแสงมา
เผารักข้าให้มอดไหม้ใต้ร่มคูณ