ดื่มกินแสงดาว จนใจเจ้าเมามาย บางครั้งก็คล้าย-คล้าย เหมือนหลุดหายไปในความฝัน โลกฝันแสนงาม แต่จะลาลับตามพระจันทร์ แค่เพียงโดนแสงตะวัน ทั้งหมดนั้นก็มอดมลาย ค่ำคืนเหน็บหนาว ดื่มกินความเหงาจนเมามาย อนิจจา แสงดาวลับหาย ใครที่ไหน จะช่วยหา ดิ่มกินแสงจันทร์ ที่ดูไหวสั่นเลือนพร่า คงไม่ใช่เพราะหยดน้ำในดวงตา แต่คงจะเพราะว่าเราเมาเล้วใช่ไหม ดื่มกินแมรัยรัก สุขนิ่งนัก หากน้ำตายังบ่าไหล เป็นเพราะเมามายหรือเปล่าใจ จึงหลับละเมอไปจนใครๆมาได้ยิน สุดท้าย...ดื่มกินความฝัน จนมันใกล้จะหมดสิ้น ที่เหลือคงมีเพียงลมหายใจรวยริน ที่ไม่นานจะถูกกลืนกินด้วยวันเวลา
3 เมษายน 2550 11:29 น. - comment id 679551
แวะมาอ่าน งานบรรเจิด
3 เมษายน 2550 20:56 น. - comment id 679838
**.. สวัสดีครับพี่เสี้ยว ไม่ได้เจอกันนาน ( มากๆ )เลยนะครับพี่ ผมต้องยอมรับเลยว่า ผมชอบกลอนเรื่องนี้ของพี่ครับ โดยเฉพาะในบทสุดท้าย ความหมายดี ประกอบกับท่วงทำนองกลอนแบบนี้ ผมไม่เคยอ่านมาก่อน อันนี้จะเรียก กลอนเปล่าก็คงไม่เชิงมั้งครับพี่ แต่ผมชอบทำนองและจังหวะของมันครับ
5 เมษายน 2550 12:29 น. - comment id 680452
สวัสดีครับ ยังจำกันได้ไหมจ๊ะ