สายลมเงียบเรียบเฉยล่วงเลยผ่าน ก้องกังวานความรู้สึกส่วนลึกน้อง สบสองเนตร...เฉยชาน้ำตานอง ยากประคองขื่นข่ม...ระทมขวัญ... มอบสัมผัสแห่งใจไปแนบเคียง หวังใจเพียง...รับรู้...พธูหวั่น เสียงหัวใจร่ำร้องดั่งกลองลั่น หัวอกสั่น...มิพูด...พิสูจน์ใด... ป้อมปราการความรักทิฐิกั้น เกินบุกบั่น...ก้าวล่วงสู่ห้วงใจ ได้แต่เงียบ...เก็บงำถ้อยคำไว้ หากเผยความในกลัวไม่รับฟัง... เนิ่นนานวันความเงียบยังเรียบเฉย ถูกละเลยน้ำตารินเหมือนสิ้นหวัง เหตุใดจึงปล่อยคว้างกลางภวังค์ คล้ายถูกขัง...ในคุก...ทุกข์เข้าครอง... หากแม้นมิเชื่อใจในซื่อสัตย์ น้องขอวัด!...ค่ารัก...จักสนอง ปลิดชีพนี้...บูชารักค่าดั่งทอง ปลดปล่อยล่องอีกภพ "จบนิรันดร์" Forward :ปราการแห่งทิฐิ จากน้องเอม ทะเลใจ
12 มีนาคม 2550 08:46 น. - comment id 669021
>>>>>> >> ปราการแห่งทิฐิ >>>>>> > >>>>>> >> อ่านแล้วกินใจจริงจริ๊ง......นะจะบอกไฮ่ยยยยย >>>>>> >> เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เวียดนาม >>>>>> >> เป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่บันทึกไว้ในข้อเขียน >>>>>> >> เรื่อง "เมตตาภาวนา: คำสอนว่าด้วยรัก" ของท่าน "ติชนัท ฮันท์ " >>>>>> >> อ่านจบหลายครั้งก็ยังประทับใจ จึงอยากนำมาเล่าต่อ >>>>>> > >>>>>> >> ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน >>>>>> >> ฝ่ายชายก็ถูกเกณฑ์ไปราชการสงคราม >>>>>> >> หญิงสาวไปส่งสามีจนสุดสายตา >>>>>> >> เขาหายไปในสงครามเป็นเวลากว่า 3 ปี >>>>>> >> จึงส่งข่าวคราวกลับมา >>>>>> >> เธอดีใจมากจูงมืออ้ายตัวเล็กไปรับผู้เป็นพ่อแต่เช้าตรู่ >>>>>> > >>>>>> >> ทันทีที่พบกันทั้งสองโผเข้าหากัน >>>>>> >> สัมผัสไออุ่นจากกันและกัน นิ่งนาน >>>>>> >> จนเกือบลืมไปว่ามีลูกชายตัวเล็กยืนจ้องตาแป๋วอยู่ >>>>>> > >>>>>> >> ผู้เป็นพ่อดีใจมาก ยื่นมือไปหมายกอดลูกชาย >>>>>> >>แต่เจ้าหนูถอยกรูด แม่ปลอบว่า "อย่าตกใจ >>>>>> >> เจ้าหนูไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อนก็เป็นเช่นนี้แหละ" >>>>>> >> ทั้งสามเดินกลับมาตามทางจนถึงตลาด >>>>>> >> หญิงสาวขอตัวเข้าไปซื้อข้าวของสำหรับ >>>>>> >> ทำกับข้าวมื้อพิเศษ >>>>>> > >>>>>> >> ชายหนุ่มมีโอกาสอยู่กับลูกชาย >>>>>> >> จึงขออุ้มเจ้าตัวน้อยอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ >>>>>> >> เท่านั้นยังไม่กระไร >>>>>> >> พอเจ้าลูกชายเริ่มพูดบางสิ่งบางอย่าง >>>>>> >> เขาจึงรู้สึกได้ถึงที่มาแห่งปฏิกิริยาอันผิดปกติ >>>>>> >> "น้าไม่ใช่พ่อของหนู พ่อหนูมาหาแม่ทุกคืน >>>>>> >> พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง พอแม่ยืนพ่อก็ยืน..." >>>>>> >> เพียงไม่กี่คำเท่านี้เอง >>>>>> >> หัวใจของชายหนุ่มผู้เหนื่อยหนักมาจากสงคราม >>>>>> >> อันแสนหฤโหดยาวนาน ก็พลันกระด้างยังกับแผ่นศิลา >>>>>> > >>>>>> >> สักพักหนึ่งพอหญิงสาวเดินกลับมาจากตลาด >>>>>> >> เธอก็พบว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว >>>>>> >> เขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน >>>>>> >> หากหน้าเธอเข้าก็ไม่ปรายตามองอีกต่อไป >>>>>> >> เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น >>>>>> >> >>>>>> >> เย็นวันนั้น อาหารที่เธอบรรจงทำอย่างสุดฝีมือ >>>>>> >> เพื่อต้อนรับการกลับมาของเขาจืดสนิท >>>>>> >> ทั้งคู่เข้านอนแต่หัวค่ำ >>>>>> >> ต่างนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด >>>>>> >> เธอถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่เธอแวะไปซื้อของ >>>>>> >> เขาถามว่าเธอยังเป็นผู้หญิงคนที่เขาสุดรัก >>>>>> >> อย่างจับใจคนเดิมอยู่หรือเปล่า >>>>>> >> ต่างคนต่างถามกันและกันในความมืด >>>>>> >> ทว่าเป็นการถามที่เงียบงำจนวังเวง >>>>>> >> เขาเย็นชากับเธอจากวันแรกจนถึงวันที่สาม >>>>>> >> ไม่มีการถามไถ่ ไม่มีการโอบกอดอันอบอุ่น >>>>>> >> ไม่มีการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย >>>>>> >> ไม่มีแม้แต่การปรายตามองกันและกัน >>>>>> >> อย่างเต็มสองตาฉันสามีหนุ่มภรรยาสาว >>>>>> > >>>>>> >> การณ์เป็นไปดังนั้นอยู่จนถึงเย็นวันที่สาม >>>>>> >> แล้วความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลง >>>>>> >> เธอตัดสินใจลาจากความระทมทุกข์ที่แม่น้ำสายหนึ่ง >>>>>> >> ทิ้งปมปัญหาทุกอย่างไว้ข้างหลังอย่างไม่ไยดี >>>>>> > >>>>>> >> เย็นวันนั้นเขารู้ข่าวการจากไปของเธอด้วยน้ำตานองทั้งสองแก้ม >>>>>> >> เขาไปรับศพเธอมาบำเพ็ญกุศลอย่างเงียบๆ ในบ้านของตัวเอง >>>>>> >> >>>>>> >> มีเพียงเจ้าหนูเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขาจนดึกดื่น >>>>>> >> และคืนนี้ความลึกลับทั้งปวงก็ได้รับการคลี่คลาย >>>>>> >> ตะเกียงน้ำมันก๊าดที่จุดไว้บนโลงค่อยๆ >>>>>> >> หรี่ลงจวนเจียนจะดับ >>>>>> >> เขาเติมน้ำมันแล้วจุดใหม่ เปลวไฟโชนแสงวูบวาบ >>>>>> >> เขาลุกเดินกลับไปกลับมา >>>>>> >> ขณะนั้นเองเงาของเขาทาบทอไปปรากฏยังฝาเรือน >>>>>> >> เจ้าหนูชี้ไปที่เงาพลางตะโกนลั่น >>>>>> >> "นั่นไง พ่อหนูมาแล้วพอแม่นั่งพ่อก็นั่ง >>>>>> >> พอแม่ยืนพ่อก็ยืน คนนั้นแหละพ่อของหนู" >>>>>> >> ชายหนุ่มมองตามเจ้าหนู เห็นเงาของตัวเองทาบทออยู่ที่ฝา >>>>>> > >>>>>> >> จึงเข้าใจขึ้นมาในนาทีนั้นเองว่า >>>>>> >> "พ่อ" ที่เจ้าหนูเอ่ยถึงก็คือ "เงา" ที่เห็นอยู่นี่เอง >>>>>> >> ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว >>>>>> >> เธอ...คงรักเขามากสินะ >>>>>> >> ถึงขนาดสมมุติให้เงาตัวเองเป็นเขา >>>>>> >> แล้วบอกเจ้าหนูว่าเงาก็คือตัวเขา คือ "พ่อ" >>>>>> >> ที่หายไปในสงคราม >>>>>> > >>>>>> >> โอ...ไม่น่าเลย ความจริงนี้เจ็บปวดเกินไป >>>>>> >> เจ็บเกินกว่าหัวใจของคนธรรมดาจะรับไหว >>>>>> >> รุ่งขึ้นอีกวัน >>>>>> >> เขาชดใช้ความผิดพลาดอย่างมหันต์ของตัวเอง >>>>>> >> ด้วยการให้แม่น้ำเป็นตุลาการผู้พิพากษาชีวิตเขาอีกชีวิตหนึ่ง... >>>>>> > >>>>>> >>เรื่องราวของเขาและเธอเป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรัก >>>>>> >> ที่เล่าขานกันมาอีกนานนับนาน >>>>>> > >>>>>> >> วันนั้น หลังจากเจ้าหนูพูดถึง "พ่อ" >>>>>> >> ของตัวเองให้เขาฟังที่กลางตลาด >>>>>> >> หากเขาไม่หุนหันพลันแล่น มีสติสักนิดหนึ่ง >>>>>> >> ถามไถ่จากเธอว่า "พ่อ" คนที่เจ้าหนูพูดถึงคือใคร >>>>>> >> และหลังจากที่เขาเย็นชา ปิดปากเงียบสนิท >>>>>> >> หากเธอจะอาจหาญถามเขากลับไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น >>>>>> >> เธอก็คงไม่ต้องเจ็บจนเกินเยียวยา >>>>>> >> และเขาเองก็คงไม่ต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนั้น >>>>>> > >>>>>> >> ไม่ใช่เธอไม่รักเขา และไม่ใช่เขาก็ไม่รักเธอ >>>>>> >> หากทั้งเธอและเขาต่างรัก ต่างภักดีต่อกันอย่างสุดซึ้ง >>>>>> >> ความรักของคนทั้งสองบริสุทธิ์ งดงาม หมดจด >>>>>> >> จนกลายเป็นตำนานเล่าขานดังเรื่องราวของวีรบุรุษวีรสตรีผู้พิชิต >>>>>> > >>>>>> >> ความผิดพลาดหากจะพึงมีบนเส้นทางแห่งรักแท้ >>>>>> >> จนกลายมาเป็นโศกนาฏกรรมของคนทั้งคู่ >>>>>> >> เกิดจากเส้นบางๆของปราการแห่ง "ทิฐิ" โดยแท้ >>>>>> > >>>>>> >> หากทั้งเธอและเขายอมวาง "ทิฐิ" ลง >>>>>> >> แล้วหันหน้าเข้าหากันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย >>>>>> >> ถามไถ่จากกันและกันอย่างให้เกียรติกันทั้งสองฝ่าย >>>>>> >> ไหนเลยจะต้องมาจำพรากทั้งที่ยังรักล้นใจเช่นนั้น >>>>>> > >>>>>> >> รักเอย รักนั้นงดงาม บริสุทธิ์ อ่อนหวาน >>>>>> >> ไม่ใช่ความผิดของความรักหรอกจะบอกให้ >>>>>> >> ผิดที่ใจอันมากด้วย "ทิฐิ" ของทั้งคู่นั่นต่างหาก >>>>>> >> ปรารถนารักที่ยั่งยืนหมื่นปี อย่าให้มี >>>>>> >> "ปราการแห่งทิฐิ" มากางกั้นแค่นั้นพอ........
12 มีนาคม 2550 08:49 น. - comment id 669024
จริงเหรอนี่ อิอิ
12 มีนาคม 2550 08:58 น. - comment id 669029
ความรักหากมีปัญหาแล้วไม่รีบปรับความเข้าใจมักทำให้ความรักกลายเป็นสีดำได้เนาะ เรื่องดีมากๆเชียว.. ถ้าลุกมาพุดคุยกันซ่ะเรื่องเศร้าแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ
12 มีนาคม 2550 09:18 น. - comment id 669040
ปราการรักปราการใจไยเหน็บหนาว เจ็บรานร้าวระบมตรมขมขื่น มันปวดแปลบแสบนักจักคลายคืน หลับและตื่นน้ำตานองสองแก้มนวล.
12 มีนาคม 2550 09:45 น. - comment id 669073
เอา "ทิฐิ" มาขวางทางหว่างรัก ใจทั้งสองต้องกระอักเพราะรักขม เพราะความ"ข้อง" ต้องเป็นเหตุให้ระทม สุดท้ายจบด้วยความตรมสุดเสียดาย ********************************************** การละทิฐิบ้าง บางครั้งมันอาจจะทำให้เรื่องร้าย ๆ กลายเป็นดีก็ได้ ......เฮ่อ เศร้าจังเลย
12 มีนาคม 2550 10:10 น. - comment id 669108
หลายคู่ ที่จบความรักเพราะคำว่าทิฐิคำเดียวนี่แหละค่ะ ถ้าคิดจะรัก ต้องรู้จักคำว่าให้อภัยด้วยนะคะ รักนั้นถึงจะยืนยง จาก ศิราเฌอ อิอิ ผู้เอาตัวบ่รอด ซันดอกว่า ปล.ซังคนขี้ตั๋ว อย่าทำให้เฌอผิดหวังนะ สิ้นเดือน มจ.มจ.
12 มีนาคม 2550 10:34 น. - comment id 669119
เรื่องนี้ถ้าถามกันสักคนนึง ทุกอย่างคงไม่จบเป็นเรื่องเศร้าแบบนี้หนรอกเนอะพี่ว่าไม๊ ...
12 มีนาคม 2550 10:56 น. - comment id 669145
โยนทิฐิลงแม่น้ำโขงไปแล้วค่ะ
12 มีนาคม 2550 11:55 น. - comment id 669198
คนบางคนใช้อารมณ์ตัดสินความสัมพันธ์ คนบางคนไม่ยอมทำความรักให้มีเสียง และคนบางคนยอมเจ็บปวดเพราะ"ทิฐิ" ความคิดของคนน่ากลัวครับน้อง... ทำงานให้สนุกนะครับ..คิดถึง..
12 มีนาคม 2550 11:57 น. - comment id 669200
ทิฐิ เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงสำหรับความรัก ลดๆบ้าง คงจะดี เน๊าะ คิคิ
12 มีนาคม 2550 12:34 น. - comment id 669236
ทิฐิ สร้างความเดือนร้อน และเข้าใจผิดได้เสมอ ถ้าไม่ยอมหันหน้ามาพูดคุยกันบ้าง....
12 มีนาคม 2550 12:37 น. - comment id 669244
กำลังสร้างปราการเหมือนกันค่ะ จะสร้างเสร็จหรือเปล่าหนอ
12 มีนาคม 2550 15:14 น. - comment id 669308
พอเรามีทิฐิ เราก็จะไม่เปิดใจยอมรับสิ่งที่เขาทำ เราจะมองว่ามันเลวร้ายไปเสียหมด มันเลยทำให้เราเสียคนดีๆนะเนอะ
12 มีนาคม 2550 15:26 น. - comment id 669319
ลดทิฐิ..ลงมาดีกว่าค่ะแล้วทำใจให้ผ่อนคลาย.. แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ..
12 มีนาคม 2550 16:50 น. - comment id 669406
คิดอะไรไม่ออก แค่อยากมายิ้มให้น่ะ
12 มีนาคม 2550 18:08 น. - comment id 669512
อืม....
12 มีนาคม 2550 18:29 น. - comment id 669551
รันทดเหลือ
12 มีนาคม 2550 21:00 น. - comment id 669625
12 มีนาคม 2550 22:14 น. - comment id 669649
สะพานรักสารสิน.... นี่เป็นอย่างหนึ่งของความรัก....
12 มีนาคม 2550 23:29 น. - comment id 669689
ไม่มีใครสร้างปราการได้...นอกจาก...ใจ..ของเรา....หากจะรักใคร...จงเปิดใจ...พร้อมที่จะรับ...ทั้งความสุขและความทุกข์....ที่จะเกิดขึ้น...พร้อมที่จะให้อภัย...และเรียนรู้จิตใจ...ของกันและกัน.... ..ที่สำคัญ..ต้องใจเย็น...มีสติ..และอดทน..นะคะ...คิดถึงน้องจ๊ะ...
13 มีนาคม 2550 01:42 น. - comment id 669731
อ่านแล้วเศร้าเลย...
15 มีนาคม 2550 16:39 น. - comment id 671233
ขอบคุณทุกคนนะคะ ช่วงนี้ยุ่ง นิดหน่อย...ขอโทษที่ไม่ได้คุยด้วย