ห่างมนต์แห่งเหมันต์ กลอนกลบท กบเต้นกลางสระบัว เหมันต์หันเมินเหมือนเหินเห หันรวนหวนเรราวเร่หัน งันเศร้าเหงาสร้อยเงียบหงอยงัน แปลงเพี้ยนเปลี่ยนผันนับวันแปลง พิษร้าวผ่าวร้อนไม่ผ่อนพิษ แหนงจิตนิตย์จึงคำนึงแหนง แคลงสุมคลุมซ้ำยิ่งย้ำแคลง ใดกล่นดลแกล้งด้วยแรงใด หรือชาติราษฎร์เฉาร้อนเร่าหรือ? ไข้รมขมฤานี่คือไข้ ไฟยังฝังอยู่ฟูมฟูไฟ ตรอมหมองตรองไหม้เมืองไทยตรอม หมู่พรรคมักแผกคงแตกหมู่ หลอมยากหลากอยู่ไม่รู้หลอม มอมเหลือเมื่อหล้ามายามอม ทุกข์หลั่งถั่งหลอมทนยอมทุกข์ ขัดแย้งแข่งยังแค้นคลั่งขัด สุขพลัดสัตย์แพลงจึงแล้งสุข ยุคท้อย่อถดรันทดยุค ทานขุกทุกข์ขื่นต้องขืนทาน ร้างหวังรั้งไว้ดวงใจร้าง ผ่านวันผันว่างเวิ้งว้างผ่าน ซานหวนซวนเหเมืองเซซาน เพลิงรุ่งพลุ่งร่านยังพล่านเพลิง ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
13 ธันวาคม 2549 10:41 น. - comment id 635670
ฤดูกาลมันเอาแน่ไม่ได้เสียแล้วครับ กรุงเทพคงไม่มีฤดูหนาวแล้วมั้งผมว่า.. แวะมาทักทายครับ
13 ธันวาคม 2549 10:51 น. - comment id 635673
สวัสดีครับ คุณแมวคราว ดีใจครับที่กรุณามาเยี่ยมกัน เรื่องลมฟ้าอากาศนี่ ก็มนุษย์เรานั่นแหละครับเป็นผู้ทำร้ายธรรมชาติ หน้าหนาวแบบสมัยก่อน ชนิดต้องสวมเสื้อกันหนาวตัวหนาๆ เดินห่อตัวฝ่าลมแรงไปตามท้องถนน คงหายากแล้วในกรุงเทพฯ เสียดายจริงๆครับ
13 ธันวาคม 2549 10:58 น. - comment id 635675
ชื่อเรื่องหวานเนาะ แต่แหมอ่านแล้วเครียดนิ...
13 ธันวาคม 2549 12:54 น. - comment id 635714
ชอบชื่ออ่ะครับ เพราะดี แต่อ่านแล้วเครียดเหมือนว่าอาะครับ 55 อยุธยามิสิ้นคนดีฉันได รัตนโกสินทร์นั้นไซร้ มิสิ้นคนดีฉันนั้น แวะมาอ่านผ่านมาชื่นชมครับ
13 ธันวาคม 2549 15:38 น. - comment id 635776
ขออนุญาติมีส่วนร่วมด้วย ............................. เหมันตะหันจะผละจะผวน ฤตุรวนสิปรวนแปร ปรุงโศกสยามทุกขแบ ระอุเร่าระเร้ารุม เผาแผดเพราะท่ามทุรอธรรม มุหะนำจะครอบคลุม พล่านพิษฤทธิ์อัคนิสุม สวะชุ่มผชุมหมาง เขตคามสยามบุพพิสุทธิ์ ก็ประดุจจะสุดทาง กาลผันก็พลันอุบัติสาง อสุร์ร่ายทลายหน น้าวเพลิงพระกาฬทุษประเทศ ระดะเลศกลอกกล มอมหล้าลุเหตุทุรทุรน ปะทุปนพิบากกรรม กอปรการณ์กระทำพิกลกระแส ตละแง่ก็เงื่อนงำ เฉกเป็นเสมือนอริระยำ ระบุนำจะล่มไทย เหมันตะผันจะผละจะผล็อย ยุคกร่อยเพราะการณ์ใด เพลิงพล่านจะผลาญอุระไผท ก็เพราะใครน่ะก่อเชื้อ? จะมารอคำตอบจากท่านตราชู
13 ธันวาคม 2549 16:32 น. - comment id 635800
หลายแรงระรานและทุจริต ทุรจิตอุบาทว์เจือ แหล่งหล้าจะลาญนิธิมิเหลือ เพราะปะโลภละโมบลาม แก่งแย่ง, เยาะเย้ย, เยอะแยะมิหยุด มนะสุดฉกาจทราม ยล, ยิน, สยอนบุระสยาม กลยับจะพับเยิน เราชาวประชานิกรช้ำ เคราะหกรรมกระหน่ำเกิน แต่.....หากจะห่างผละสละเหิน ดุจให้หทัยหิน ควรเราจะร่วมมนสรัก- ษอนรรฆสุธานินทร์ ล้างหมู่เถมินคณะทมิฬ มุหะมารทุพาลมี หล่อหลอมพลังพิริยะหลาม อริยามตริย่ำยี เราหนุนประนังนระมิหนี ริปุนาศอนาถนอง สามัคคิมุ่งมนสะมั่น สุขครันสฤษฎิ์ครอง คำนึงคุณาธิกสนอง ภภนาม สยาม นันท์
14 ธันวาคม 2549 13:03 น. - comment id 636066
บางที ชีวิต วิปริตกว่า
14 ธันวาคม 2549 18:11 น. - comment id 636160
สวยงามมากเลยค่ะ ทั้งความหมายและการเล่นกลบท มาชื่นชมผลงานค่ะ
14 ธันวาคม 2549 18:57 น. - comment id 636166
ภาษางดงามมากเลยครับ
15 ธันวาคม 2549 10:06 น. - comment id 636344
สวัสดีอีกรอบครับทุกท่าน ขอบพระคุณมากๆครับที่ติดตามผลงาน แรงบันดาลใจของผมในการเขียน คือความร้อนอบอ้าวของกรุงเทพฯ ภาคอื่นๆ แม้อุณหภูมิจะลดลง ก็ยังไม่หนาวเท่าที่ควร ผมจึงขออนุญาตนำฤดูกาล มาเกี่ยวโยงกับความเป็นไปของบ้านเมืองเสียเลย เพราะยังมีความเชื่อลึกๆว่า อุณหภูมิทางการเมืองก็คงยังไม่ลดง่ายๆ ฟังข่าวทีไร มีประเด็นถกเถียงใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ อะไรๆยังไม่เข้ารูปเข้ารอยเสียที ก็คงต้องรอชมกันต่อไปหละครับ อย่างน้อย นี่คืออีกช่วงหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยเรา แหละผมก็ถือว่า ตัวเองโชคดีที่ได้เห็น (ด้วยหู ด้วยใจ) ครับผม