http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4658.html (คิดถึงพี่ไหม..) อาทิตย์..ดวงอุทัยแสนหวานแย้มบานมาทายทัก.. มวลหมู่ดวงดอกไม้รายรอบวิมานดินและ..ดวง ในยามอรุณรุ่งวันนี้.... วันที่.. ฟ้าสีฟ้าสดกระจ่าง เมฆสวยใส..ลอยพร่างพรายคล้ายสายไหมนวลนุ่ม ดวง...หยิบผ้าถุงผืนงามมานุ่ง ผ้าถุงที่ดวงได้รับเป็นของขวัญ ของกำนัลจากดวงใจจากใครบางคน ที่มอบให้พร้อมปิ่นปักผมพร้อมลูกปัดเงินวะวาววับ.. ยามที่.. เขาต้องต้อนรับแขกระดับชาติ พาไปดูงานที่เชียงใหม่ ดินแดนล้านนาไท ที่แสนสวยสงบร่มเย็นเป็นสุขมาอย่างช้านาน แดนดิน.. ที่ก่อให้เกิดตำนานรักแสนหวานปานน้ำผึ้ง คลอคลึงเสียงสะล้อซอซึงมากมาย และ.. ดวงเคยใช้เป็นฉากรจนา ในหลายเรื่องราว... อย่างเช่น *เรื่อง.. คุณ..ผม..จักรยาน..ร้านกาแฟ.. แล้วไย..ดวงดอกกาสะลองต้องร้องไห้! http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem67471.html* และ.. พร้อมผ้าลายดวงดอกพิกุลดิ้นทองที่มีช้างพลาย ตรงปลายชายให้เห็นความงามอลังการ และ ดวงได้แขวนไว้ที่เตียงสี่เสาโบราณ นานมาจนถึงวันนี้ พร้อมกับที่.. ดวงหยิบเลือกตุ้มหูทองระย้าระยับ ที่แทรกประดับด้วยโกเมนแดงเด่น ที่.. ดวงเพิ่งซื้อจากเนปาลมาสวมใส่ ที่แสนให้อารมณ์ลึกเร้น ราวกับ.. จิตจักได้ถอยหลังกลับกลายเป็น สาวโบราณย้อนยุค ดวง...ได้กลิ่นดวงดอกลั่นทม หลากสีสรร พรรณราย หอมพรายพรมมากับสายลมชื่น..ในยามเช้า นกเขาไพร ในใจดวง ยังคงเฝ้ามาเกาะกิ่งจำปีพลีเสียงเสนาะไพเราะร้องขับขาน แม้น.. วันคืนจะผ่านล่วงลาเลย...มานานแสนแสนนาน เสียงโทร..ดังขึ้น พร้อมเสียงใครคนหนึ่ง นุ่มๆซึ้งๆตรึงให้ดวงคลี่ยิ้มหวานๆได้อย่างบานเบิกใจ เขา... เริ่มด้วยบทเพลง*คิดถึงพี่หน่อย* ราวยิ่งย้อนรอยให้ใจดวงนวลดวงนี้ยิ่งแสนเต็มตื้นตันใจ น้ำตาแห่งความรักปิติเกษม กำลังพร่างสายระรินไหล อยู่ ณ..ภายใน..กลางใจ อย่างยากที่ผู้ใดจะแลเห็น ไปกับ... *บทเพลงแห่งความทรงจำระหว่างเรา* ที่ผ่านคืนวันพันผูกรัดร้อยทั้งเศร้าสร้อยสุขทุกข์คลุกเคล้า ราวปีแรกพบ..เพิ่งมาเยือน..... ....................... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4658.html คิดถึงพี่ไหม คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจพี่ ห่างกัน อย่างนี้ น้องคิดถึงพี่ บ้างไหม อย่าลืม อย่าลืม อย่าลืมสัจจา สัญญาที่ให้ ว่าตัวห่างไกลหัวใจชิดกัน คิดถึง พี่ก่อนน้องนอนก็ได้ เมื่อยาม หลับไหล น้องเจ้าจะได้ นอนฝัน ข้างขึ้นเมื่อใดแก้วใจโปรดมอง แสงของนวลจันทร์ เราสบตากัน ในแสงเรื่อเรือง คืนไหน ข้างแรม ฟ้าแซมดารา น้องจงมองหา ดาวประจำเมือง ทุกคืนเราจ้องดูเดือนดาว ทุกคราวเราฝันเห็นกันเนืองเนืองถึง สุดมุมเมือง ไม่ไกล คิดถึง พี่หน่อย นะกลอยใจเจ้า พี่ตรม พี่เหงา เพราะคิดถึงเจ้า เชื่อไหม ฝากใจกับจันทร์ ฝากฝันกับดาว ทุกคราวก็ได้ เราต่างสุขใจเมื่อคิดถึงกัน...
30 กันยายน 2549 21:52 น. - comment id 610757
ชอบเพลง-คิดถึงพี่ไหม เหมือนกันครับพี่พุด แต่ชอบที่คุณศรคีรี ศรีประจวบร้องไว้ เก่าน่าดูแล้วหละ เวอร์ชันที่คุณอ๊อด โอภาสร้องนี่ยังไม่เคยฟัง.. ------------------------------ ฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาวทุกคราวก็ได้ ฝากกลิ่นดอกไม้วานลมช่วยพาไปกล่อมเธอฝัน ฝากความคิดถึงไปในทุกช่วงของคืนและวัน ฝากความผูกพันฝากเป็นบทเพลงไปผูกหัวใจ -------------------------------------- เขียนไปเรื่อยแระ ผมนี่..
30 กันยายน 2549 23:26 น. - comment id 610772
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song975.html ....................... เรื่องรักโรแมนติกแสนเศร้ารานร้าวใจของผม เริ่มต้นณ..ที่นี่...ร้านกาแฟเล็กๆ ริมถนนสายงามนามห้วยแก้ว ที่มีมหาวิทยาลัยแสนงาม นามไพเราะตามชื่อจังหวัดตั้งอยู่ คุณ.. เป็นเจ้าของร้านกาแฟหอมกรุ่นละมุนลิ้น ส่วนผม..ไม่ได้ชอบดื่มกาแฟ แต่กลับมาแอบชอบบรรยากาศ เพื่อมานั่งจินตนาการสร้างงานรักรจนาสวยๆ ที่ผมชอบระบายเป็นงานคลายเครียดงานอดิเรก และ ด้วยอีกเหตุผล คือมี..คุณคนสวยรวยศิลปเจ้าของร้าน ที่งามราวดอกกาสะลองของเมืองเวียงพิงค์ดั่งเวียงสวรรค์ ที่ราวจะเพิ่งคลี่แย้มแต้มโลก ให้หวานระยับจับดวงจิตทุกดวงใจที่แวะมา แล้ว ไหนยังจะ ประดับร้านด้วยภาพศิลปล้านนาที่ผมแสนประทับใจ และที่แสนสวยงามในใจผมอย่างที่สุด จนหาคำใดมาเปรียบปานมิได้ ที่ยังมิหมดเพียงนั้น ยังมีฝันพิลาสพิไลให้ฝันไกลให้ฝันต่อ เพราะ ร้านคุณคนดีไม่เคยขาดดอกไม้สด ทุกทุกวัน จะงามงดด้วยดวงดอกไม้หวานๆตามฤดีกาล และ ผมเดาเอาว่าตามฤดีคุณ..เจ้าของร้านคนสวยด้วยแน่ๆเลย เพราะ ดูจากการที่คุณแต่งตัวแบบสาวโบราณ ที่ยังนุ่งผ้าซิ่นตีนจกงามละมุน ห่มพาดสไบสวยคลุมพันทับเสื้อ และยังเหน็บดอกเอื้องสวยนวยนาด ราวสาวล้านนาย้อนยุคแสนงามอยู่เลย และ ไหนยังจะให้เชยชมชิดดวงดอกไม้ไทยไทย ที่ทำให้ร้านคุณทั้งสดชื่น ทั้งหวานหอมกรุ่นด้วยกลิ่นขมกาแฟ และ ในขณะเดียวกัน ก็หวานหอมพลันพร่างด้วยกลิ่นดอกไม้ไพร ดอกไม้ไทยนานาพันธุ์ ที่มีทั้ง มะลิ พุดซ้อน ลำดวน ลั่นทม แก้ว กุหลาบ กล้วยไม้ กาสะลอง ชมนาด เล็บมือนาง .. แต่ ทว่าที่ผมว่างามล้ำงามกว่างามงามเหนืองาม ใดก็คือคุณนั่นแหละ ที่ ผมคิดว่างามแบบชวนให้น่าหลงใหลเสน่หา ราวเอื้องแซะดอกขาวพราวพิสุทธิ์จากยอดดอยดอกงาม เพราะ คุณมุ่นมวยผมที่ดูราวเส้นไหมนุ่มงามทุกวัน และไม่มีสักวันที่ผมแวะมาแล้ว จะไม่เห็นเรียวหน้ารูปไข่หวานละมุนของคุณ จะไม่ถูกล้อมให้หอมกรุ่นน่าดอมดมด้วยดวงดอกไม้ริมเรียวแก้ม หรือหวานหอมล้อมไว้ด้วยมาลัยรัดเกล้า ราวร้อยเป็นสร้อยเสน่หาบนมวยผมให้ชมชื่นใจ และในทุกวัน ผม..จะสั่งชาหวานๆธรรมชาติมาดื่ม และเช่นกัน ที่คุณไม่เคยถามราวกับจะจำได้อย่างขึ้นใจ ใหม่ๆคุณก็แค่แย้มยิ้ม ทักทาย พอนานวันนานเดือนเข้าคุณก็เริ่มให้ความเป็นกันเอง ที่ผมคิดแบบไม่เข้าข้างตัวเอง ว่าเพราะคุณกลัวจะเสียน้ำใจแขกขาประจำ ทั้งๆหน้าตาผมก็งั้นๆแหละ วันที่ผมเริ่มรู้สึกดี กับคุณ..มากกว่าตานอกที่เห็น คือวันที่ผมแอบเห็นหยาดน้ำตาคุณพร่างรินไม่สิ้นสาย หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากใครบางคน นาทีนั้น ใจดวงละมุนของผมเริ่มละเมียดมากพอ ให้ผมชักหวั่นไหว และเริ่มวาบหวามแบบไม่เข้าใจตัวเอง ที่จะอยากเดินเข้าไป โอบไหล่ประคองให้คุณซุกซบอกอุ่นผม เพื่อปลอบประโลมใจและเช็ดหยาดน้ำตาให้ เพราะ ผมเป็นโรคใจไหวอ่อน วาบหวานอ่อนโยน หากเห็นน้ำตาของผู้หญิงทั้งโลกที่โศกครวญ มิใช่แค่เพียงคุณดอกนะ เพราะผมเคยได้รับการอบรมมาจากคุณแม่ผม ที่เพียรสอนให้ผมเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเต็มตัว อย่าได้ไปทำให้ผู้หญิงคนใดหมองมัวมลทิน จนต้องรินน้ำตาหลั่งราวฟ้าร้องไห้ เพราะ นั่นคือบาปกรรมราวทรยศกับเพศแม่ผู้อ่อนแอทางใจ หากไม่จำเป็น จงพยายามทะนุถนอมใจดวงอ่อนหวานปานเรียวรุ้งยามรัก อย่าไปทำร้ายหาญหักใจหากไม่รักเธอจริง วันนั้น.. ผมเพียงแค่ได้แต่คิด และ แสนเสียดายดวงตางามซึ้ง ราวหยาดน้ำผึ้งเพชรที่ช้ำหมอง ที่ผมเห็นราวนางฟ้ากำลังร้องไห้ตรงหน้า หากไม่กล้าเอื้อนเอยคำใด นอกจากรีบพาตัวไปนอนรำลึกคิดถึงคุณด้วยความสงสาร ในภาพม่านน้ำตาที่ช่างแสนน่าทะนุถนอมเสียไม่มี หลังจากนั้นไม่นาน คุณ..เริ่มแย้มบานหัวใจอีกคราและ ตั้งหน้าตั้งตาขยันบริหารร้านงามของคุณอย่างแสนมีอัธยาศัย และ.. อย่างคนที่มีหัวใจเป็นผู้ให้.. แบบมิใช่แค่บริการแขกแบบธรรมดาๆ หากทว่าทุกแขกคือคนพิเศษ ที่ราวเพื่อนฝูงแวะมาเยี่ยมเยือน จนคุณมีขาประจำมากมาย ที่ได้ใช้ร้านแสนงามของคุณมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ราวกับร้านกาแฟโบราณตามบ้านนอกทุกถิ่นที่ ที่คือสภากาแฟไว้แลกทุกข์สุขแลกทุกอย่าง ทั้งเรื่องส่วนตัวเรื่องงาน การบ้านการเมือง และ แม้นราวเรื่องมากมายในมุ้งของคนในหมู่บ้าน ที่ข่าวสารจะแพร่กระจายเร็ว..ราวลมพัด ก็มักจะมาจากร้านกาแฟ..กาแฟ..นี่แหละนะ ระหว่างเรา.. จากแขกรู้จักรู้ใจ..ทายทักธรรมดา และ คุณสามารถชงชายี่ห้อโปรดให้ผมได้อย่างแม่นยำ บางครั้ง ผมเริ่มสัมผัสไออุ่นจากถ้วยชาที่ละมุนอวลตรงหน้า และ อุ่นไอจากนัยน์เรียวตางามหวานซึ้ง ผ่านม่านฟ้าฝนเป็นใจ ในยามที่ผมเดียวดายอ้างว้าง และกับบางคืนฝนพรำ ที่ผมมักจะชอบพาตัวเองมานั่ง ดูสายฝนพร่างสายละออละออง ทอทอดหยาดย้อยเป็นดวงดอกแสนงาม ยามกระทบม่านกระจก จนพร่างพรายราวดอกไม้เพชรพรหมแสนสวยเศร้าสิ้นดี และ สำหรับคนหนุ่มใจหนาว ไร้ร่างสาวไร้เนื้อสาวหนั่นแน่น มาคลุกเคล้าให้หนาวคลาย ให้หนาวทรวงมานานปี ที่เริ่มชักมีชีวีชินชา กำลังจะหันหน้าไปบวชยามบั้นปลาย เพราะคิดว่า สุดท้ายคงไม่มีเนื้อใครให้ผมเบียดหอมห่ม คงนอนหนาวลมจนตาย สู้ไปหอมห่มด้วยธรรมะจะดีกว่า หากหาคู่ใจคู่ธรรมคู่ทองไม่ได้ ก็จะยอมหนาวเพียงร่าง หากจะมิอ้างว้างจิต คิดคิดก็ดีกว่าเลือกทางโลกย์ หากไม่อยากโศกสุข หมุนเวียนไปอีกยาวนานจนตราบชั่วกาลกัปป์ เพราะมาหลงในดงกรรมกามพงกิเลส คุณ..จะเริ่มแย้มยินดี และกุลีกุจอช่วยเก็บจักรยาน หากวันไหนผมมาในยามค่ำคืนและรุ่มร่ามด้วยเสื้อฝน คุณ..ก็จะอุ่นชาร้อนๆ และเตรียมขนมปังปิ้งหอมๆไว้รอรับ คุณ..เริ่มรู้จักรู้ใจผมมากขึ้นๆทุกวัน และยิ่งนานวัน ผมราวกับจะมาฝากชีวิตไว้ที่ร้านคุณเสียครึ่งหนึ่ง นอกนั้นคือวิถีประจำงาน ที่ผม...ต้องพร่ำบ่นเพียรสอนลูกศิษย์ในมหาวิทยาลัย.. และ เตรียมเอกสารมากมายก่ายกองเป็นพะเนินภูเขาเลากา น่าระกำว่าจะตกลงมาทับศรีษะตัวเองเข้าสักวันไม่ช้านาน หากต้องทำด้วยอุดมการณ์ และ จะได้มีงานสุจริตไว้เลี้ยงชีพชอบ แถมยังได้ประกอบกุศลจิตแสนดี.. หากชีวีได้สั่งสอนวิทยาการ แถมพยายามใส่ธรรมให้งามจิตไปพร้อมกัน เหมือนยิงนัดเดียวได้นกสองตัวแบบ สุภาษิตก่อนเก่าเขาว่าไว้ ที่ในยามนี้ผมขอคิดเองจะดีกว่า.. ให้เข้ากับสถานการณ์เลิกทำร้าย ว่า *ไม่ยิงนกหากยกมาเพาะเลี้ยงให้ได้ดีทั้งนกทั้งต้นไม้เลย* อันนี้เป็นสำนวนผมเอง ที่จดลิขสิทธิ์คำไว้แล้วห้ามใครนำไปเผยแพร่นะ กลับมา.. ยังเรื่องรักหวานฉ่ำ ที่ยังไม่ถึงบทเศร้าร้าวระกำช้ำระทมดีกว่านะ กับ ในคืนค่ำที่ฝนพรมพรำพร่างสายหนักจะดีกว่า คืนที่ ผมยังเหว่ว้าบ้าพอที่จะคว้าจักรยานปั่นลิ่วมาหาคุณ ด้วยร่างที่เปียกโชก จนคุณต้องคอยใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่ม คอยเช็ดหัวหูผมและเนื้อตัวให้อย่างละมุนละไมละม่อม ราวกับผมเป็นเด็กชายตัวน้อยๆผู้ซุกซน หนีคุณหนีใครออกไปตากฝนราวลูกนกตกน้ำ..หนาวสั่น และ สิ่งนี้คือความดี ที่โดนใจประทับใจ ที่ทำให้ผมแสนซาบซึ้งจนอยากรินน้ำตา เมื่อคิดถึง *คุณแม่ยอดดวงใจของผมที่พรากลา* ที่ทิ้งผมไปแสนนานแล้ว และ เคยทำแบบนี้กับผมมาก่อน อย่างแสนรักแสนทะนุถนอมพอกัน ราวกับหัตถาครองพิภพ จบด้วยรักเหมือนกันทั้งคู่เลยเชียว และ คืนนั้นร้านทั้งร้านแสนหนาว หากใจดวงดายเดียวกลับอบอุ่นอ่อนหวาน ปานดอกไม้กำลังค่อยๆคลี่แย้ม รับสายแสงแห่งหยาดหวาน จากพรายน้ำผึ้งพระจันทร์เสียมากกว่า ทั้งฟ้าฝนพิไรร่ำเป็นใจราวสวรรค์ยิ่งใหญ่เมตตามากกรุณา ให้คุณมีเวลานั่งคุยกับผมอย่างเข้าใจในทุกเรื่องราว และ ราวกับคนที่รู้จักกันมานานแสนนาน คุณ.กระซิบบอกผม.. ว่าผม..นั้นมีบุคลิกบางอย่าง ที่ทำให้คุณอบอุ่นทุกครา สงสัยตรงนัยน์ตาสีสนิมเหล็กของผม ที่ทำให้คุณรู้สึกถึงความมั่งคงลึกๆราวผู้ชายโบราณ ที่ยังมีงามนวลในเนื้อใจ ยังมีกระแสอบอุ่นไหลหลั่ง เป็นพลังบวกสู่ร่างใจคุณยามได้พบสบตา และ นาทีนั้น คุณพูดแทบมิทันสิ้นคำ แม่เหล็กแห่งรักภักดีที่รอเวลาดูดพลังเข้าหากัน ก็ค่อยๆเคลื่อนร่างอย่างช้าช้าเข้ามา หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างดูดดื่ม และ ด้วยรอยจูบที่แสนหวานหอมสดชื่นชุ่มฉ่ำ ที่ค่อยๆทวีบดขยี้แรงขึ้นๆด้วยแรงรักแรงเสน่หา จนเลือดในกายฉีดพล่านราวมีไฟแผดเผา ให้ร่างใจแทบมอดละลาย กลายเป็นเนื้อเดียวกันมิทันนานนาที ผมพึมพำไม่เป็นภาษาส่ำศัพท์ ภาวนา ให้โลกหยุดหมุนสักเวลานาทีก็ยังดี ในยามที่อ้อมอกอุ่นผมนั้น ได้ทำหน้าที่ทลายปราการ แห่งความเหงาเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงา ให้มลายหายวับไป เหลือก็เพียงพลังหวังหวานแห่งรัก ระหว่างเราสอง..อย่างไม่มีปราการใดใดอีกเลยแล้ว และ ราวได้เพิ่ม..เติมความรักความฝัน อันคือขั้วบวกแห่งหยินหยางชายหญิง ที่จักสามารถสกดให้โลกทั้งใบเป็นของเราสอง อย่างงามสิ้นอย่างไม่มีคำว่าฉันเธอ..อีกต่อไป ให้โลกนี้ยังคงดำรง..คงหมุนไปหมุนไป ได้ด้วยไฟรักไฟปรารถนา หากดวงชีวามนุษย์ยังมิพ้นวิบากเก่าวิบากกรรม ให้จำต้องชดใช้หนี้รัก และ ด้วยพลังแห่งความภักดีพลังที่จะสรรสร้างโลก ให้งามแสนงามหวานแสนหวานผ่านร่างรักสนิทเสน่หา และ ในยามนั้นทุกสิ่งในคลองตา ทุกความหวานหอมในร้าน ที่ผมเคยเล่าไว้ ไม่ว่าจะจากดวงดอกไม้ไทย หรือจากายงามภายนอกของคุณ ก็มิประมาณหวานหอมเทียบได้ ยามเราอยู่ในอ้อมกอดกันและกัน กับ คืนที่ฝนสั่งฟ้าให้น้ำตาคุณหลั่งรินแทนด้วยซึ้งซ่านสุข ในปิติรักในอ้อมภักดิ์อ้อมใจผม ที่เพียรกระซิบพลี..ตลอดเวลา ยอดรัก ๆๆๆๆๆ นาทีหวานหอม.. ที่จะตราไว้จนตราบวันตาย และ นี่คือสิ่งที่โลกได้สอนบทเรียนให้ตามมา ให้ผมกำลังระรินหลั่งน้ำตาสังเวยไม่สิ้นสาย ในวันนี้ หลังจากคืนค่ำที่แสนดีผ่านมานาน จนผ่านงานพิธีมงคล ที่เราสองได้ตกลงปลงใจใช้ชีวิตรักร่วมกัน คือชีวิตช่วงที่งามกว่างาม จนผมมิอาจบรรยายได้ถึงหยาดน้ำผึ้งฝันพระจันทร์หวาน ทีเราได้ปันแบ่งจนโลกแล้งไร้ เหลือเพียงมองไปทางไหนมีแต่สีชมพูและสีรุ้งเรียว คนดี... แล้วทำไมพระเจ้า..ให้มาแล้วเรียกคืน ให้ผมสะอื้นหวนไห้อาลัยอาวรณ์ ราวจะมาสอนใจให้ซึ้งถึงคำที่ว่า*ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์* *การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์* และ อย่าให้ลืมล่วงประมาท ให้ทุกชีวิตได้รำลึกถึงความพลัดพรากจากลา ให้รู้คุณค่าของความรัก และ ยามมีชีวิตอยู่ ให้รู้จักใช้คุณค่าของเวลาอย่างคุ้มค่ารักทุกนาที ให้เพียรเพาะบ่มห่มหอมด้วยดอกธรรมในจิต ที่จะเป็นดั่งดวงแก้วนิรมิตตามติดเราไปได้เพียงสิ่งเดียว ไม่เกี่ยวกับคนกับใครกับใจผู้ใดทั้งสิ้น เราต้องไป..เพียงลำพัง... กับพลังพร่างแห่งปิติเกษม ที่จงเพียรสร้างสะสมไว้เป็น..*เสบียงบุญ*ก่อนคำว่าสายเกิน ที่ไม่รู้ว่านาทีไหน ..วันของใครของคนนั้นจะมาถึง วันนี้ที่ยังคงซึ่งมีชีวิตแสนสุขสดใส และ อีกนาทีถัดไปพญามัจจุราชก็อาจไม่ปรานีเมื่อถึงวันที่ต้องไป ท่านจะมาทำหน้าที่อย่างซื่อตรง ไม่เลือกเศรษฐีผู้ดีมีจน..ทุกคนต้องไปที่เดียวกัน ดั่งค่ำคำมรณาณุสตินี้ที่ไม่เคยเข้าใครออกใคร ให้..*เตรียมตัวเตรียมใจตายก่อนตาย..*ไว้ให้ทุกคน เหมือนอย่างผม..ในนาทีนี้ ที่วันเวลาแสนดีแสนงามแสนหวาน ได้พรากลาพาคุณไป ให้หัวใจผมมานั่งย้อนระกำย้ำระทมทับ แทบรำงับดับไม่ได้ เมื่อจู่ๆสายฟ้าฟาดลงบนกลางใจผม กับเสียงร่ำไห้ของใครบางคน ที่โทรมาบอกผมว่า...*คุณถูกรถชนและเสียชีวิตแล้ว* วันที่ ฟ้าสีโศกและโลกสีหวานของผมพรายพลัด ตกแตกกระจายหายวับไปแบบไม่มีชิ้นดี! แหลกธุลีไปต่อหน้าต่อตาผม! ให้หัวใจผมกระโจนเร็วกว่าร่างอย่างไม่คิดชีวิต ไปตามเส้นทาง ที่ร่างไม่มีชีวิตของคุณรอผมอยู่.... ให้หัวใจผมแทบไม่อยากอยู่เป็นผู้เป็นคน กับภาพอันแสนสะเทือนใจสะเทือนขวัญ ภาพที่ทำให้ผมต้องหลั่งรินน้ำตายิ่งกว่าฟ้าร้องไห้ อย่างไม่อายใครไม่อายฟ้าดิน! ภาพที่ผมจะไม่มีวันลืมสิ้น ที่ยังจดจำในรอยถวิล แม้นจะเป็นภาพสุดท้ายของคุณ ผู้เป็นที่รักนี้ และจักไม่มีวันลบเลือนหาย..! ภาพคุณกับเลือดสีแดงที่หลั่งรินไม่สิ้นสาย! ไปกับฝนหยาดสุดท้ายในฤดูฤดี กับจักรยานที่เราเคยซ้อนซบโอบกันไปในทุกที่ ที่ใครๆพากันกระซิบบอกว่า วันนี้คุณตั้งใจจะมารับผมกลับบ้าน หากทว่า.... คงเหลือเพียงร่างไร้จิตวิญญาณของผมกลับบ้านอย่างดายเดียวลำพัง..... ไม่มีทั้งร่างคุณ.. และ จักรยานที่รานแหลกรวมกันอย่างไม่มีชิ้นดี เหมือนกันกับหัวใจผมดวงนี้ ที่คงรานแยกแตกยับพอกัน ที่คงต้องใช้เวลาเกือบชั่วชีวิต เพื่อใช้ยาธรรมะมาน้อมนำมาเยียวยารักษาใจ ให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเมื่อสิ้นไร้คุณนะคนดีนะดวงใจ... กับสายน้ำปิงที่ยังระรินไหล กับหวานหอมของเอื้องไพร กับกลิ่นกาสะลองแสนเศร้าเฝ้าครองใจมาในหนาวคำนึง กับเสียงสะล้อ ซอ ซึง ที่พาให้ผมยิ่งถูกตรึงราวถูกพันธนาการด้วยรัก..นี้ที่หนีไม่พ้น! *************** http://thaipoem.com/web/songshow.php?id=975 ไม่อยากให้โลกนี้มีความรัก อรวรรณ เย็นพูนสุข : : Key Cm อัน แสงสูรย์ ส่องสว่าง แต่ กลางวัน อัน แสงจันทร์ ส่องประจำ ยามราตรี อัน ความรัก ร้อนเร่า เผา ฤดี ส่อง ชีวี ทุกโมงยาม ประจำใจ มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย มีรักแล้ว ไม่คลาดแคล้ว ต้องตรมฤทัย เหมือน แบกโลก ทั้งโลกไว้ ให้โศกหนัก ไม่อยากให้ โลกนี้ มีความรัก แต่ฉัน สมัคร แบกรักไว้ ไม่หนักเลย...
1 ตุลาคม 2549 18:44 น. - comment id 610820
.... เรนสงสารเธอจังนะคะ.. หากเธอล่วงรู้.. คนรักที่สูญเสีย.. เธอจะรู้สึกอย่างไรหรอคะ.. .. ผู้ชายที่แสนอบอุ่นคนนั้น..เค้าจะอยู่ได้อย่างไรหรอคะ..หากไม่มีเธอ.. คนที่เค้ารัก.. .. เรนไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยนะคะ..
1 ตุลาคม 2549 19:23 น. - comment id 610824
แวะมาอ่านงานงามที่แสนเศร้า.. การจากไปของเธออันเป็นที่รัก กลิ่มดอกโศกหอมเศร้าจริงๆนะคะ
2 ตุลาคม 2549 08:29 น. - comment id 610950
เป็นกำลังใจให้คนเขาคนดี คนที่รักเธอ....
18 ตุลาคม 2549 21:31 น. - comment id 616682