เพื่อนๆทุกท่านครับ ก่อนที่ท่านจะอ่านผลงานชิ้นต่อไปของผม ผมขออนุญาตชี้แจงถึงแรงบันดาลใจบางประการ ในการสร้างงานสักน้อยหนึ่งเถิดครับ บัดนี้ เป็นที่สังเกตว่า สำนักสงฆ์ และอาวาส ได้เข้ามามีส่วนร่วมในความขัดแย้งทางการเมืองด้วย ฝ่ายสันติอโศกก็พวกหนึ่ง ฝ่ายวัดสวนแก้วก็อีกพวกหนึ่ง ผมสะเทือนใจอย่างยิ่งยวด ที่บรรดาแกนนำของฝ่ายการเมืองทั้งสองพวก พยายามดึงพุทธจักร ให้มาวุ่นกับอาณาจักร โดยกิจกรณีย์ทั้งหลายนั้น หาได้เกี่ยวกับสมณสงฆ์แม้สักน้อยไม่ จริงอยู่ แม้มีบางท่านอ้างอิงโยงใยไปถึงโบราณกาลว่า ในยามสงคราม พระสงฆ์องคเจ้าท่านยังเปลื้องผ้าเหลืองมากุมดาบ แต่..... บัดนี้ บ้านเมืองเราวิกฤตขนาดนั้นแล้วหรือ? ต้องเดือดร้อนถึงเพศบรรพชิตแล้วหรือ? ผมยังเชื่ออยู่เสมอว่า ด้วยแรงฆราวาสก็น่าจะเพียงพอแล้ว อย่าให้ร้อนรนถึงบุตรพระพุทธเจ้าท่านเลยครับ สันติ ณ สวนแก้ว จุดธูปเทียนเวียนทัศน์ถึงสัจแท้ โลกนี้แลโกลาการล่าไล่ แข่งก่อฟืนขึ้นฟูมแล้วสุมไฟ จึงลามไหม้หมองหม่นผู้คนมวล ท่านคือสงฆ์ทรงศีลผู้สิ้นเศร้า แม้หมอกเทาสมทบคลุมภพถ้วน ท่านถือธรรมงามถ่องไตร่ตรองทวน ย่อมไม่ด่วนบันดลกังวลแด โลกร้อนสุมรุมสู่มิรู้สร่าง ทุกสิ่งสร้างสิ่งส่ำจากกรรมกระแส เมื่อรู้หลักตระหนักแล้วนิ่งแน่วแล ก็รู้แน่, รู้หน่ายมากมายมนุษย์ ท่านควรเร้าเร่าเรียนเพื่อเพียนรู้ เพื่อเพียรสู่ผ่องใสเพ็ญไพสุทธิ์ ท่านผู้พึงพึ่งภักดิ์ในหลักพุทธ์ โลกหมุนรุดเร่งเร่าอย่าเร้ารน เรื่องการเมืองเรื่องมัวเรื่องมั่วมาก ต่างฝ่ายพากเพียรเพื่ออวยเอื้อผล เห็นแก่ตัว, ชั่วติดใกล้ชิดตน ปลอมแปลงปนเปป่ายวุ่นวายไป ท่านคือสงฆ์ทรงศีลผู้สิ้นโศก ย่อมละโลก, ล้างเลว, ล้างเหลวไหล ใครใคร่ครองปองคลั่งก็ชั่งใคร ท่านพิไลธรรมเลิศประเสริฐแล้ว ขอสันติผลิตามงดงามต่อ ไร้เรื่องก่อรบกวนในสวนแก้ว สันตินำธรรมน้อมพริ้งพร้อมแนว สวนแก้วแพร้วพรูพร่ำศีลธรรมพราย สุขในท่ามความทุกข์ย่อมสุขท้น เมื่อโลกวนแต่ละวันผวนผันว่าย ขอสันติผลิแต่งอย่าแล้งตาย สวนแก้วรายร่มรื่นฉ่ำชื่นนิรันดร์
18 กันยายน 2549 17:28 น. - comment id 607181
การเมืองกับธรรมะดูมันไกลกัน เพราะนักการเมืองไม่ค่อยใฝ่ธรรมะ ชาวบ้าน(อย่างผม)..ก็ไม่ค่อยใฝ่ธรรมะ
18 กันยายน 2549 21:36 น. - comment id 607234
จริงอยู่ แม้มีบางท่านอ้างอิงโยงใยไปถึงโบราณกาลว่า ในยามสงคราม พระสงฆ์องคเจ้าท่านยังเปลื้องผ้าเหลืองมากุมดาบ อยากขอทราบข้อมูลว่าจรืงหรือเปล่า ว่าพระสงฆ์ออกสู้รบจริง ๆ
18 กันยายน 2549 21:51 น. - comment id 607241
ท่านคือสงฆ์ทรงศีลผู้สิ้นโศก ย่อมละโลก, ล้างเลว, ล้างเหลวไหล ใครใคร่ครองปองคลั่งก็ชั่งใคร ท่านพิไลธรรมเลิศประเสริฐแล้ว เป็นความจริงอย่างที่ท่านกล่าว และกลอนที่แต่งมา โดยเฉพาะบทที่เรา copy มานี้ ถูกใจเรามากเลย
19 กันยายน 2549 07:46 น. - comment id 607322
สวัสดีครับ เพื่อนๆทุกท่าน ก็อย่างที่คุณครูใหญ่ว่ามานั่นแหละครับ นักการเมืองส่วนใหญ่ไร้ธรรมะ (ถ้ามีธรรมะคงไม่เล่นการเมืองหรอกครับ) ทั้งๆที่จริงแล้ว ธรรมะคือเรื่องจำเป็น ไม่ว่าจะในกิจการใดๆก็ตาม แต่เมื่อคนห่างธรรมะ โลกจึงมิคสัญญีอยู่อย่างนี้ครับ สำหรับท่านซึ่งถามว่า สมัยก่อน เวลามีศึก พระสงฆ์ท่านไปรบจริงๆหรือเปล่า ผมไม่ขอยืนยันชัดเจนนะครับ เพราะตัวเองก็ได้ยินได้ฟังมาจากคำเล่า ผ่านทางหนังสืออีกทีหนึ่ง เมื่อครั้งไทยทำศึกกับพม่าครั้งที่สอง (ศึกที่สมเด็จพระสุริโยทัยโดยเสด็จสมเด็จพระมหาจักรพรรดิด้วยนั่นแหละครับ) เล่ากันว่า พระมหานาค ท่านลาเพศบรรพชิต ออกมาบัญชาการป้องกันพระนคร โดยให้ขุดคลองขึ้นแห่งหนึ่ง คลองนั้นมีชื่อเรียกว่า คลองมหานาค ครับ ในช่วงอยุธยาตอนปลาย เมื่อพม่ามาประชิตกรุง ก็เล่ากันว่า พระสงฆ์บางรูปท่านละจีวรมาถือเพศฆราวาส ส่วนจะได้ออกไปรบพุ่งดุเดือดหรือไม่ ไม่ขอให้ความเห็นนะครับ เพราะผมเกรงจะผิดพลาดครับ คุณผู้หญิงไร้เงาครับ กลอนบทที่คุณคัดมานั้น คือใจความหลักของงานเขียนชิ้นนี้ครับผม
19 กันยายน 2549 10:02 น. - comment id 607401
ศรัทธาที่คนมีต่อวัดวา ศรัทธาที่คนมีต่อพระสงฆ์องคเจ้า...เขาพยายามที่จะดึงคนพวกนี้มาอยู่ฝั่งของตนเอง..
19 กันยายน 2549 11:29 น. - comment id 607456
เห็นด้วยกับคุณดอกข้าวครับ เดี๋ยวนี้ ศาสนา กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองไปแล้ว น่าสลดใจจริงๆครับผม
19 กันยายน 2549 12:57 น. - comment id 607506
ลงชื่อว่าเข้าอ่านคะ