http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song635.html (รักข้ามขอบฟ้า...ลาวดวงเดือน) เสียงขิมหวานแว่วแผ่วมากับ..ฟ้ากว้าง ที่..ณ..กาลราตรีนี้.. ลม....ก็ราวจักหยุดพัดรำเพย ดาว...ก็ประดุจดั่ง..นิ่งเฉยเงียบงัน จันทร์...ดวงทอง ดูท้อแท้ ไม่..! ยอมแม้...จัก ยอม..หยาดสายน้ำผึ้งหวาน.... ผม..ยืนนิ่ง.....ใต้เงาจันทร์รำไร ที่.. กำลังทอทอดสายลงมาขับหมองหม่นมัว ขับมืดดำดั่งเมฆหมอกสลัวที่คลี่คลุมดวงใจผมในยามนี้ แสงหิ่งห้อยพร้อยแพร้วพริบพราว ราวกับ.. แสงเพชรวะวิบวับระยับยิบ*ใต้ต้นลำพูคู่ใจ * และหวังคงจักไม่เป็นดั่งเฉกเช่น*คู่กรรม....* สายน้ำรักนิรันดร์ยังระรินร่ำ จำปี โมก พุดซ้อน ราตรีริมเรือน ยังส่งกลิ่นหอมหวานเศร้า เคล้าลั่นทมพันธุ์ขาวพวงจากกอมาพ้อพร่างร่างผม ให้.. ยิ่งไหวตรม กับค่ำคืนสุดท้าย และ.. กับบทเพลง*นางครวญ* ที่กำลังคละคลับคล้ายทอดเสียง ราว.... กับจะหวนไห้..ไห้หวน..อาลัยอาวรณ์เสียเต็มประดา... ผม...ก้าวขาไม่ออก ที่จะเดินขึ้นเรือนริมน้ำ เรือนแห่งรัก แห่งนี้ เพื่อมากล่าวคำฝากภักดิ์พลี แด่..เธอ.. ผู้เป็นที่รักแห่งจิตวิญญาณผมเพียงผู้เดียว.. เรือนที่... ทุกคราคราว.... ไม่ว่าจะรานร้าว เหน็บหนาว เศร้าฤาสุขล้นสักปานใด ผม...ก็จะเก็บกำหัวใจของผม กลับคืนมา ให้ยอดดวงหฤทัยแห่งผมของผม..รับขวัญ... มานอนนิ่งนิ่งเอนอิงหมอนขวานดูงามจันทร์ ในท่ามดงดอกไม้ไทยหอมหอมโศก แล้ว... วางโลก ลืมโลกย์วายวุ่น ไว้ภายนอกใจ ให้... รักแสนซื่อใสน้ำใจแสนพิสุทธิ์ ได้คลี่ห่ม..ลบระทม..ลืมระกำ ลืม.. เรื่องราวแห่งกงกรรม กงเกวียนเวียนวิบาก ที่แสนมากมายมากมี ตราบใดที่... ดวงชีวีชีวันเราจำต้องผันร่างใจ ไปพบผัสสะกระทบทุกวี่วัน อย่างยากจะหนีพ้นพันธนา.. ที่.. ดั่งโซ่ตรวนมายา ตราบจนกว่า เราจักพบนาวาธรรม นาวาทอง พาเราลอยล่องข้ามพ้น มหานทีสีทันดร กลายเป็นคนเต็มคน. เป็นมนุษย์....ผู้ประดุจดั่งบัวไสว เหนือโคลนกามกินเกียรติ กิเลสมากมี ไม่ยินดี ทั้งทุกข์ สุข หยุด...ทิ้งทุกสรรพสิ่งไว้ณ..เบื้องหลัง ไม่...แม้นหันไปมองย้อนอย่างอาวรณ์อาลัย ในอดีตอันงามใจฤาเศร้าดาย คล้าย... ตัดได้ ไร้เยื่อใยโยง มาถึงลมหายใจในปัจจุบัน ให้พลัน.... พบความพร่างใส สว่างสงบ สยบร้อน ได้ผ่อนพักจากรักนี้ที่หนีไม่พ้น จนมากมายปัญหาตามมา ขาดสติ ปัญญา หากว่า... ไม่รู้ทันเท่า เฝ้าเอาแต่รักไม่เป็นรักไม่เย็นไม่เห็นงาม ก็..คงกลายเป็ภักษาหาร *แห่งพรานผลาญพล่าใจ* เป็นเหยื่อเต่าปลา พาให้.. ติดตมจมโคลนแห่งกิเลสโลภหลงให้พะวงในภวังค์ ตราบจนกว่าจะหมดสิ้นกรรม ในเกมกาม.. ที่ดั่งเชื้อไฟไหม้ลามทุ่งใจไม่สิ้น หากเรายังไม่ถวิลเพียรใช้น้ำอมฤตธรรมพร่ำรินรด ดับให้ไม่เหลือ.... ผม....มายืนรำพึง หากคงมิใช่รำพัน ใกล้กอไผ่...ริมสายน้ำรักนิรันดร์แห่งเรานี้ ด้วยใจดวงเดิมดวงดี ดวงที่... มีสัญญาบารมี..เพียรพลีอธิษฐานจิตมา... มิให้หลงยึดมั่นถือมั่น พาให้พอมีมีปัญญา พาให้ผมค้นพบสัจจใจ สัจจธรรม สัจจจริง ที่.. พระบรมศาสดามหาบุรุษ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า.... ได้เฝ้าเพียรแผ้วถางสร้างทางทองทางธรรม รอ... ให้เราได้เดิน ตามรอย อย่างมิระย่อ มิยอมท้อแท้แพ้พ่าย หยุดเพียร แล้ว... ต้องกลับมาเวียนวนวงวิบาก แห่งการพรายพลัดพรากตายจากเจ็บจบ ทบทวีเหมือนๆกัน... ผม...ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว และ ร่างสล้างไสวพอกับจันทร์แจ่ม.... ก็...มายืนคลี่แย้ม..คลี่ยิ้ม..อยู่ตรงหน้า ร่างที่.. ผมเจนตาคุ้นใจ มาตั้งแต่ยามวัยเยาว์ เสียงอ่อนใสอ่อนหวานทายทักมาอย่างยินดี *คนดี..ทำไมมาไม่ให้สุ้มให้เสียงคะ แล้วเที่ยวนี้ พี่ลามาได้กี่วัน... ทำไมไม่ส่งข่าวให้น้องได้เตรียมต้อนรับละคะ* *มาเร็วค่ะ ขึ้นเรือนก่อนเลย พระจันทร์ลอยดวงกำลังงาม เดี๋ยวน้องจะไปเตรียมอาหารไทยง่ายๆให้ทานนะคะ แล้วค่อยคุยกัน...* *อย่าบอกน้องนะคะว่า มาลาไปนานอีกเหมือนครั้งก่อน หกเดือนค่ะ ที่น้องรอนรอ รักแรม* ว่าแล้ว... เธอก็หัวเราะขำกับคำหวานพ้อแกมตลกของตัวเอง ผม..เอ่ยคำไม่ออก ได้เพียงหวังจะค่อยๆกระซิบบอกเธอ ว่า... เที่ยวนี้ ผม..ไม่รู้... จะ..ได้คืนเรือนมาให้เธอได้รับขวัญอีกคราครั้งฤาไม่ ฤาอาจจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย เหมือนหมายมาลาดั่งลางสังหรณ์ ด้วย.... มีคำสั่งด่วนลับ ให้ผมจำต้องกลับไป *ประจำการหน่วยงานเฉพาะกิจแห่งความมั่นคง* ไปลงพื้นที่อันตราย ที่.. ถึงมาตรหมายต้องลงไปตาย ผม..ลูกผู้ชายชาติทหารก็ไม่เสียดายดวงชีวาชีวิต ดั่งคำสัตย์ปฏิญาณ...ที่หาญให้ไว้ยามสาบานตน ดั่งยามดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ต่อพระพักตร์.. อย่างนักรบผู้หาญกล้า ผู้รอท้าทายคมหอกดาบแห่งอริราชศัตรู ผู้จะไม่ยอมแพ้แลก้มหัวให้ใครมาย่ำยี แผ่นดินแม่มาตุภูมิแห่งนี้ และ..จัก ขอพลีเลือดหลั่งชโลมดินรักษาไว้ ตราบจนหยดสุดท้ายก็อย่าหวังได้หมายยอม.. .................. และ.. ในราตรี ....ที่ดารารายพรายพร่างกระพริบ วะวิบวับ จับจิต จับใจ..แสนงาม ผม...ครวญเพลง *ลาวดวงเดือน*คลอเสียงขิมที่แสนพริ้งพราว* ด้วยฝืมือเธอ คนดี ที่ผมแสนรัก แสนภาคภูมิใจ ผม.... ตั้งใจร้องเพลงนี้..พลีแด่เธอ..ด้วยหัวใจลูกผู้ชาย ที่.. ยอมพลีให้แด่นางเดียวในดวงใจ ที่จักสนิทแนบในจิตวิญญาณรัก ที่ผมตอกสลักลั่นดาลมิให้ใครผ่านเข้ามาได้ มีเพียงเธอ ผู้เดียว ผู้เดียว. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3176.html เธอคนเดียว ละครคู่กรรม ฮืมดาวทั้งฟ้า ริบหรี่และมืดลงไป และเธอรู้ไหมหัวใจฉันมันจะขาด เมื่อเธอและฉัน ต้องจากต้องพรากกันไป ต้องทรมาน ต้องห่างกันไกล จากวันนี้จนสิ้นใจ จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเวลา หากวันนี้ยังพอมีหวัง ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว เธอรู้ไหม ฉันอยากให้ย้อนเวลา ให้เดินช้าช้า ให้อยู่ด้วยกันนานนาน อยากมีเวลา ทำสิ่งที่ต้องการ ไม่มีอะไรที่ทรมาน เท่ากับการจากพรากกัน จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเธออยู่ และไม่สายไปสำหรับฉัน ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว ไม่มีอะไรที่ทรมาน เท่ากับการจากพรากกัน จะให้ฉันทำใจยังไง จะให้ฉันทนได้ยังไง ขาดเธอไปซักคน ก็ไม่มีไม่เหลือใคร หากวันนี้ยังมีเธออยู่ และไม่สายไปสำหรับฉัน ฉันจะทำทำทุกอย่างเพื่อเธอ เพื่อเธอคนเดียว ฮืม... ................. เธอ...ปล่อยให้น้ำตาแห่งความระทม หาก.. แสนงามราวหยาดน้ำตานางฟ้าเพชรพลีแด่ชายผู้เป็นที่รัก ที่.. เธอกระซิบตอบกลับมาริมหูผม ในยามผมขอกอดลา ยามที่เธอรับรู้ว่า... ผมกำลังจะพลีร่าง และ.. ยอมถวายชีวิตจิตวิญญาณ เพื่อทำหน้าที่ทหารหาญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ปกบ้านป้องเมือง ให้สงบร่มเย็น ภายใต้ร่มรัตน์ร่มฉัตรเพชรพร่างแห่งพระบรมโพธิสมภาร ให้... แผ่นดินไทยยังคงเป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ให้ลูกหลานหลานเหลนโหลนทั้งปอง ได้ยังคงมีแผ่นดินหยัดยืนอย่างทรนง..! เธอ..บอกกับผม..เธอภาคภูมิปิติใจ และ.. ไม่ว่าร่างเราจักไกลกันสักปานใด หากหัวใจเราสองหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว มิมีวันเปลี่ยวเหงา และ... คงความศรัทธารักภักดีหนักแน่นงดงาม *ปานประดุจดั่งขุนเขาแห่งหิมาลัย* ที่ลอยเหนือหล้า ให้ฟ้าดินอินทร์พรหมยมพญา.... ได้รับรู้ว่า.... ไม่ว่า.. กี่ภพชาติ แม้นวิบากพิสวาทเรายังมิสิ้น... ก็เพียงถวิลขอ... ให้ได้ไปเกิดก่อเคียงกันเคียงขวัญ ใน*แดนสวรรค์ชั้นดุสิต* เพื่อขอเข้าเฝ้าพระพุทธองค์อีกสักคราครั้งหนึ่ง.... และ.. ในราตรีนี้ .. ในห้องพระที่มีมาลัยดวงดอกพุด และเพียงพระพักตร์พระพุทธพิสุทธิ์สมัยสุโขทัยที่งามสุกปลั่ง ในท่ามมลังเมืองของแสงเทียนทองทอทาบมาจับอาบเอิบอิ่ม ให้นวลหน้าเธอดั่งทองทาตาม เธอ...ยอมให้ผม...สวมแหวนทองลงยามีอักษราอักษรไขว้ ชื่อย่อสลักตราและกับคำว่ารักนิรันดร์ แทนค่าคำมั่นสัญญารักระหว่างเรา... ไป*ตราบชั่วนิรันดร์* อยากทราบว่าอักษรย่อสองตัวนั้นเป็นเช่นไร ให้นางในดวงใจ ของผมกระซิบบอกเองนะครับ... และ.. กับสายน้ำรักระรินร่ำ คลอท่วงทำนองบทเพลงไทยโบราณ * นางครวญ และลาวดวงเดือน* หวนพาให้หัวใจผม.... ติดปีกบินลอยเลื่อนเหนือโลกย์โศกสุข...อย่างแสนอิสราเสรี ขอเพียง... ได้เพียรพลีร่าางจิตถวายชีวิตแด่แผ่นดินไทยนี้ ให้ยังคงเป็นไท..ไท.. ......................... *ในสวนภักดิ์* เด็ดดอกไม้ในสวนล้วนหวานหอม นำมาล้อมดวงใจคนในฝัน แทนคำลามาลัยยามไกลกัน แทนนิรันดร์รักนี้พลีแด่เธอ กี่ร้อยไมล์แค่ไหนใจขวัญถึง ยังซาบซึ้งทุกสิ่งเคยสนองเสนอ ยังจำจดรสพิสวาทหวานล้ำเฝ้าบำเรอ ยังพร่ำเพ้อกระซิบคำย้ำรักนัก คงแนบหน้าริมหน้าต่างคว้างแลลอด ให้ดาวกอดเดือนเห่มาทายทัก แทนอ้อมแขนคนดีที่พลีภักดิ์ แทนแน่นหนักสัญญาขวัญซึ้งมั่นใจ เราพรากกันเพียงร่างใช่ไหมเล่า คืนเหน็บหนาววันยาวนานสักปานไหน สุดฟ้ากว้างทางช้างเผือก...ไกลแสนไกล สองดวงใจ..จักรอรักสถิต..นิจนิรันดร์.......! ............. http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song82.html ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น ใช่รักจะดั้น ยากกว่านก โบยบิน รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้าม แผ่นดิน เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล ขอบฟ้า ทิ้งโค้งมาคลุมครอบ อ้าแขนรายรอบโอบโลกไว้ ภายใน เหมือนอ้อมกอดรัก แม้ได้ โอบใคร ชาติภาษาไม่ สำคัญเท่าใจตรงกัน รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือ สื่อภาษาสวรรค์ อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์ ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว รัก ข้ามขอบฟ้า รักคือสื่อภาษาสวรรค์ อาจมีใจคนละดวง ต่างเก็บอยู่คนละทรวง ไม่ห่วงถ้ามีสัมพันธ์ ขอบฟ้า แม้จะคนละฟาก ห่างไกลกันมาก แต่ก็ฟ้าเดียวกัน รักข้ามขอบฟ้า ข้ามมา ผูกพัน ผูกใจรักมั่น สองดวงให้เป็นดวงเดียว...
9 กันยายน 2549 10:38 น. - comment id 604717
เพลงนางครวญ เถาสามชั้น โอ้ว่าป่านฉะนี้พระพี่เจ้า จะโศกเศร้ารัญจวนหวนหา ตั้งแต่ไปแก้สงสัยมา ไม่เห็นขนิษฐาในถ้ำทอง สองชั้น พระจะแสนโศกสร้อยละห้อยไห้ ร้อยราชหฤทัยหม่นหมอง จะดั้นด้นค้นคว้าเที่ยวหาน้อง ทุกประเทศเถื่อนท้องพนาลี ชั้นเดียว อกเอ๋ยทำไฉนจะได้รู้ ว่าน้องอยู่ประมอต้นกรุงศรี แม้นใครทูลแถลงแจ้งคดี เห็นทีจะรีบมาด้วยอาลัย (อิเหนา พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2) ประวัติ เพลงนางครวญนี้ เข้าใจว่ามีที่มาจากเพลง นางร่ำ 2 ชั้น ในเพลงตับนเรศวร์ ชนช้างตามตำรามโหรี ผู้แต่งคงจะเป็นคนเดียวกับผู้แต่ง *เพลงสุดสงวน * เพื่อให้มีทำนองคู่กัน และแต่งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ลีลาของเพลงแสดงความหมายตามชื่อเพลง คือเป็นการคร่ำครวญ รำพึงรำพัน ความโศกเศร้าของผู้หญิง เมื่อ พ.ศ. 2476 ครูมนตรี ตราโมท ได้ตัดแต่งจาก 3 ชั้นลงเป็น 2 ชั้น และชั้นเดียวจนครบเป็นเพลงเถา โดยเลียนทำนอง 2 ชั้น และชั้นเดียวจากเพลงสุดสงวน ............................ เพลงลาวดวงเดือน พระองค์ชายเพ็ญพัฒนพงศ์ พระโอรส ใน.. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ เจ้าจอมมารดา มรกฏ ประสูติเมื่อ วันที่ 13 กันยายน 2425 ได้เสด็จ ไปทรงศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อเสด็จกลับมาแล้ว ทรงเข้ารับราชการในตำแหน่ง ผู้ช่วยปลัดทูลฉลองกระทรวงเกษตราธิการ และ... ในปีวอก พ.ศ.2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนา พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ เป็น กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม หมื่นพิชัยมหินทโรดมทรงสนพระทัย ในดนตรีไทยเป็นอย่างมาก ถึงกับมีวงปี่พาทย์วงหนึ่ง ที่เรียกกันว่า \"วงพระองค์เพ็ญ\" และ... นอกจากนี้แล้ว พระองค์ยังทรงเป็นนักแต่งเพลงที่สามารถพระองค์หนึ่ง โดยได้ทรง พระราชนิพนธ์เพลง \"ลาวดวงเดือน\" ในขณะออกตรวจราชการโดยใช้เกวียน โดยทรงตั้งชื่อเพลงนี้ว่า \"ลาวดำเนินเกวียน\" เนื่องจากเพลงนี้มีเนื้อร้อง และทำนองซาบซึ้งติดอกติดใจ และเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง เมื่อนำออกเผยแพร่ ประกอบกับเนื้อเพลงมีคำว่า \"ดวงเดือน\" ตั้งแต่เริ่มและเน้นในส่วนสำคัญของคำว่า \"ดวงเดือน\" ตลอด... จึงเรียกว่า \"เพลงลาวดวงเดือน\" โดยแท้จริงแล้ว เพลงนี้ผู้ทรงนิพนธ์เพลง ตั้งชื่อว่า \"เพลงลาวดำเนินเกวียน\" http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song635.html เนื้อร้องมีดังนี้ \"โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย ข้อยมาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง โอ้ดึกแล้วหนอ ข้อยขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงรักเจ้าดวงเดือน เอย ขอลาแล้ว เจ้าแก้วโกสุมภ์ ข้อยนี้รักเจ้าหนอ ขวัญตาเรียม จะหาใหนมาเทียม เจ้าดวงเดือนเอย หอมกลิ่นเกสร เกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้าย คล้ายเจ้าสูเรียมเอย หอมกลิ่นกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชย เราละหนอ\"
9 กันยายน 2549 11:18 น. - comment id 604729
เราพรากกันเพียงร่างใช่ไหมเล่า คืนเหน็บหนาววันยาวนานสักปานไหน สุดฟ้ากว้างทางช้างเผือก...ไกลแสนไกล สองดวงใจ..รอ..สถิตนิจนิรันดร์.......! เราจะจากกันเพียงร่าง แต่ใจไม่ห่างกัน
9 กันยายน 2549 13:57 น. - comment id 604784
เราจากกันเพียงร่างกายแต่ใจนั้น ยังยืนยันความห่วงหามาเสนอ แม้จำพรากจากไกลไม่พบเจอ แต่ว่าเธอยังอยู่ในหทัยฉัน มาดมดอกไม้ เอ ดอกอะไรดีนะ อิอิ คิดถึงพี่พุดค่ะ
9 กันยายน 2549 16:53 น. - comment id 604819
สวัสดีค่ะ พี่พุด เพลง นางคราญ และ สุดสงวน เป็นเพลงเอกสำหรับบรรเลงกับเครื่องดนตรีขิม นางชอบเพลงนางครวญมากค่ะ ไปหัดเรียนขิมเพราะเพลงนี้ โน๊ตเพลงบรรเลงเถา จะยาวมาก กว่านางจะเล่นได้จบ นานอยู่ทีเดียว ดูพี่พุดคงชอบดนตรีไทยอยู่เหมือนกัน ฟังแล้ว สบายใจ เย็นใจ พี่ว่าอย่างนั้นมั้ยคะ
10 กันยายน 2549 12:08 น. - comment id 604937
กระต่ายชอบเพลงลาวดำเนินเกวียนค่ะพี่พุด ชอบเสียงขิมมากๆ...เพราะพริ้วหวาน..เย็น...เศร้า......ในบทเพลงที่พี่พุดเขียนไว้ร้องเล่นบ่อยค่ะ....พี่พุดสบายดีน่ะค่ะ... ด้วยรักและเคารพ กระต่ายใต้เงาจันทร์
10 กันยายน 2549 15:08 น. - comment id 604958
เคยฟังเพลง ๆ หนึ่งจำเนื้อได้นิดเดียว \"เดือนเจ้าเอย ลืมรักที่เคยชื่นทรวงเจ้าจากไปเมืองหลวง เหมือนเดือนคล้อยดวง มิเคยคิดห่วงท้องนา......ได้แค่นี้ อิอิ
11 กันยายน 2549 08:13 น. - comment id 605043
สวัสดีค่ะ พี่พุด บัวคิดถึงพี่เสมอค่ะ
13 กันยายน 2549 00:26 น. - comment id 605637
งามใดมิอาจเปรียบดั่งความงามแห่งใจที่มีรักใสบริสุทธิ์ เย็นฉ่ำ หวานล้ำ ซาบซ่าน แต่ไม่หึงหวง เพราะใจนั้นหลอมเป็นดวงเดียวกัน จะกี่วัน กี่เดือน หรือ กี่ปี รักนี้จักมั่นคง เป็นที่พักพิงแห่งสองดวงใจ หากดวงใจได้ก้าวข้าม ความร้อนรุ่ม ความยึดเป็นของตน ไม่แบ่งปัน ความหึงหวงกลัวถูกแย่งชิง กลัวคู่ของตัวไปใกล้ชิดผู้อื่นทั้งกายและใจ ทุรนทุราย ดุจเสพยา ณบัดนี้ กาวสู่ดวงใจไร้ภพ ไร้ชาติ ไร้กาลเวลา รักตราบชั่วนิรันดร