สิ่งที่เป็นไปแล้ว

กรกฎายน

๐.อย่างเคย
ความเกลียดชัง
หลั่งไหลใจหนึ่ง
กระหวัดรัดรึง
อุดอู้อลอึงอกเอย
จนล่มจมดิ่ง
นอนครางอิ๋งอิ๋งโถ่เอ๋ย
พ่ายแพ้ย่อยยับอย่างเคย
ภูตผีเยาะเย้ยไยไพ
๑.  เดินลากหาง
สัมภาระหนัก
รองเท้าสึก
เร่งตะวันตก
ความผิดพลาดพอก
เดินลากหาง
เสียงสายน้ำร้องเรียก
ลมพัดแรง
เกลียวหมอกม้วนขมวด
วิญญาณในหม้อทุรนทุราย
จิ้งหรีดร้อง
น้ำค้างตก
นอนหลับตาอ้าปาก
ความทุกข์ของท่าน
ชุบชีวิตข้า
แรงดึงดูดดาว
ยินดีต้อนรับ
ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ
ลมหายใจ
จนมาถึงที่นี่
ข้า
เดินลากหาง
๒.แลกเปลี่ยน
ไม่ไหวแล้วล่ะ
โลกภายในวุ่นวายเสียยิ่งกว่าโลกข้างนอก
แทบไม่มีที่ให้หลบเร้นอีกต่อไป
ไม่มีมุมไหน
ที่สายลมร้ายจะโบกโบยไปไม่ถึง
ข้าไม่สามารถตื่นจากฝันร้าย
ไม่มีใครกำลังตื่นอยู่เลย
ผู้คนเดินละเมอสวนทางกันไปมา
คุยกับใครไม่ได้
กับตัวเองยิ่งคุยไม่รู้เรื่อง
ร่างนั้น
นอนหลับใหลลึก
คล้ายกำลังทะยานท่องอยู่ในอีกโลก
ใบหน้าบิดเบี้ยว เหยเก
คิ้วขมวด
ลมหายใจถี่
หลังหมอกแห่งความลังเลจากจาง
ข้าโน้มตัวลงไปจุมพิตเจ้ากวีนิทรา
๓. แอบ
บ้ า น เ  อ๋ ย บ้ า น ร้ า ง
มี ใ ค ร อ ยู่ บ้ า ง ไ ห ม 
เ ปิ ด ห รื อ ปิ ด จิ ต ใ จ 
แ ม ง มุ ม ชั ก ใ ย ส บ าย อุ ร า
ทอดร่างเดียวดายบนพื้น
กี่วันกี่คืนแล้วข้า
เปิดประตูทิ้งไว้เผื่อใครเข้ามา
ไขลานนาฬิกาเรือนนั้น
อีกครั้งลุกขึ้นปัดกวาดถู
อุดหูร้องเพลงเสียงลั่น
เปิดหน้าต่างบานแหว่งรับแสงตะวัน
โลกจริงโลกฝันซ้อนกันกี่ทบ
........
..........
....
...............
                                          
แล้วก็ถึงยามพราจากไป
ปล่อยบ้านร้างไว้ในความสงบ
ข้างนอกนั่นไร้ใครคบ
อาลัยสถานซบหลบเร้น
บ้ า น เ อ๋ ย บ้ า น ร้ า ง 
 สำ ห รั บ ค น อ้ า ง ว้ า ง แ ว ะ นั่ ง เ ล่ น 
 ห ลั ง ต ะ วั น ต ก โ ล ก มื ด ชื ด เ ย็ น 
กางปีกตระเวณรัตติกาล.
 
๔.ชู
สร้างงานไม่ได้
ด้วยเหตุอันใด
ตุบตุบหัวใจยังเต้น
เหน็บปวดรวดร้าวหนาวเย็น
แร้นแค้นยากเค้น
ป่วยเป็นอะไรไปฤๅ
แม้ยังไม่ตาย
แต่ยังความหมายใดหรือ
วิญญาณวิ่นว้างครางฮือ 
หลังค่อมตาปรือ..ขื่อคา
สะเก็ดใจกระจายรายรอบ
จะกอบก็เจ็บเกินกว่า..
ล่วงหน้าไปเถิดกาลา
นอนท่ายมฑูตกับที่
ท่านคงไม่มาง่าย ๆ
มากมายภาระเพียงนี้
ตื่นจากหลับนะฤดี
ไป่มีหรอกใดใครปลุก
ชันกายลุกขึ้นยืนท่าม
ไม่เหลือโมงยามทุกข์สุข
นักโทษเหม่อดูประตูคุก
คนล้มได้เวลาลุกแล้ว
รอบราย
ในความระส่ำระสายใดแว่ว
ภายนอกลมเริ่มพัดแผ่ว
จันทร์เพ็ญผ่องแผ้วก่นกู่
ขังตัวเองไว้ในห้อง
จนตรอกจนต้องต่อสู้
กระดืบก้าวขาลารู
ข้างข้างคูคูชูก้าม
ข้างข้างคูคูชูใจ
๔. อย่าระย่อ
ดึกดื่นคืนค่อน
ลุกจากนอนล้างหน้า
ตีสองกว่าๆ
ใต้ฟ้าราตรี
ประกายตะเกียงหม่น
เปลวกมลหรี่
ก่อนรุ่งพรุ่งนี้
อีกกี่ลี้กี่ฝัน
ตั้งหลักตั้งต้น
ผ่านพ้นด้นดั้น
พงร้างถางฟัน
ฤๅหวั่นรีรอ
ราตรีไร้รุ้ง
ยุงเยอะแยะหนอ
เลือดเท่าไรถึงพอ
อย่าระย่อวิญญาณ.
๖. จนกระทั่ง
บทกวีกลางอากาศ
ถูกสายลมพัดลอยไปพร้อมกับเมฆ
พร้อมกับลูกโป่งสวรรค์ที่เพิ่งหลุดจากมือเด็กน้อยคนนั้น
ข้าถึงกับอาลัยอาวรณ์
รำพึงรำพัน
ภาวนา
เอาใจช่วย
สิ่งที่ลอยอยู่
อย่าเพิ่งตกลงมา
แต่
เด็กน้อย
น้ำตาไหลไม่ขาดสาย
วิ่งตาม
มารดาวิ่งตาม
สุนัขน้อยรั้งท้าย
ลูกโป่งสวรรค์ลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ชนเพดานโลกดึ๋ง ๆ ๆ
เสียงจากดาวอื่นแผ่วเบา
สายลม
ควงลูกโป่งลอยไปไกลลิบ
ไม่ไยดีเสียงกู่ตะโกน
มารดาวิ่งตามเด็กน้อยจนทัน
เงื้อมือตีก้นปั่บๆๆ
เด็กน้อยสะอื้น ฮั่ก ๆ ๆร้องแงๆ
สุนัขน้อยหอบลิ้นห้อยวิ่งตามหนูน้อยจนทัน
หางกระดิกดิ๊ก ๆๆ
เห่าบ๊อก ๆ ๆ
ครางหงิง ๆ ๆ
เลียแผล็บๆๆ
เด็กน้อยอารมณ์บูด
เตะเจ้าสี่ขาตัวน้อยร้องเป๋ง ๆ ๆ
ใส่แว่นตาดำ
มอง
ดวงตะวัน
 มารดา อุ้มเด็กน้อยจากไปแล้ว
สุนัขน้อยย่างเหยาะตามต้วมเตี้ยม
ข้าหลับตาเห็นลูกโป่งสวรรค์ลอยทะลุเพดานดวงดาว
ถอดแว่นตาดำออก
ขยับดินสอขยุกขยิกบนกระดาษ
แสงทองสุดท้ายมาถึง
ดึกดื่น
กระดาษเปื้อนรอยดินสอยับย่นยู่ยี่
จุดไม้ขีดจ่อ
อังมือเย็นเจี๊ยบเหนือเปลวไฟ.				
comments powered by Disqus
  • Ora

    4 กันยายน 2549 12:46 น. - comment id 603363

    36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน