ดุจกำนัลขวัญ
เกรียงไกร หัวบุญศาล
๑
ข้าจะเอาเหล่าดวงดาริกา...............................มาร้อยเรียงเป็นมาลัยฝากให้หล้า
เอาศศิสว่างพร่างนภา...................................มาแทนเทียนส่องจ้ามรรคาลัย
เอาวายุแทนดนตรีคีตะการ...........................ขานขับกล่อมทุกราตรีที่หลับไหล
ปลอบขวัญผู้ลึกร้าวหฤทัย.............................ในยุคเมืองรุกฆาตธรรมชาติวาย
เชิญหยาดเพชรแห่งน้ำค้างพร่างพราวหล้า.....มารดรินสร้างค่าและความหมาย
เชิญหิ่งห้อยน้อยพระพริบทิพย์แสงพราย.......ว่ายแหวกเล่นราตรีที่หลับฝัน
เพื่อร่วมสร้างนาฏกรรมแสนล้ำเลิศ.................เกิดทิพยะสุนทรีย์นิมิตรมั่น
รักค่าแห่งธรรมชาติยิ่งมิ่งชีวัน.........................สรรค์สร้างฝันยิ่งใหญ่ในม่านเมือง
๒
ดุจกำนัลขวัญหล้ามาจากสรวง.........................ร่วงสู่ห้วงแห่งฝันอันฟูเฟื่อง
เพราะตื่นฝันเหมือนฝากค่ามาเปล่าเปลือง.........เรืองรุ่งคือนวัตกรรมการทำลาย
คงแต่เมืองมณีค่าอนาคต...................................ทดแทนด้วยสิ่งปลูกสร้างอันหลากหลาย
ครอบงำสิ้นดินน้ำฟ้าอันตราย............................หมายมุ่งในผลประโยชน์แม้โฉดทราม
ขยายอาณาเขตล้ำธรรมชาติ...............................อาจหาญกล้าท้าทายคล้ายเหยียดหยาม
มิเคารพดินน้ำฟ้าศรัทธาตาม............................ความคิดกล้าว่ายิ่งใหญ่ในโลกา
เสกสร้างสิ่งใดใดดังใจนึก................................ผลึกวิทยาการลึกซึ้งจึงทายท้า
เสมือนผู้ควบคุมกุมชะตา................................พาเมืองรุกล้ำไปไม่คำนึง
เมืองยังรุกล้ำไปไม่ว่างเว้น..............................เห็นค่าเมืองยิ่งใหญ่คล้ายที่พึ่ง
มุ่งมั่นจะพัฒนาหาคำนึง.................................ถึงดุลยภาพแห่งธรรมชาติอาจวอดวาย
ความเจริญพาเพลินไปไร้เขตขอบ..................มอบทั้งจิตวิญญาณนี้พลีถวาย
แด่สิ่งที่เสกสร้างดั่งเรือนกาย.........................คล้ายน้อมไว้ชั่วหล้าอนันตกาล
ฤารอถึงวันธรรมชาติประกาศกร้าว...............ร้าวร่องลึกรอยโลกสั่นวันประหาร
คลื่นถล่มดินโถมทับดับวิญญาณ...................จารรอยโศกลึกซึ้งจึงเกรงกลัว.
เกรียงไกร หัวบุญศาล
๑ สิงหาคม ๒๕๔๙