เมื่อสิ้นสุดเวลา ณ ราตรี หวังว่ามีแสงอรุณรุ่งบนฟ้า แต่ยามตื่นภาพที่เห็นเมื่อลืมตา เป็นหยดน้ำจากฟากฟ้าที่มาเยือน แสงแดดเคยส่องลอดเข้าส่องหน้า ไออุ่นเคล้านานมาหาใดเหมือน แต่วันนี้ไอเจ้าช่างลางเลือน กลับกลายเป็นเย็นเยือนสะเทือนใจ เสียงสายฝนดังแว่วแผ่วลมพัด กระเซ็นซัดสาดกระทบกระจกใส กลายเป็นขุ่นอีกมัวเห็นเป็นไอ มองสิ่งใดมิอาจเห็นเช่นทุกวัน เหลียวมองหมอนใบที่รองรับ เมื่อยามหลับข้ามคืนที่เคยฝัน อีกใบข้างอยู่เคียงเรียงต่อกัน ไม่เคยรองรับฝันใดใดเลย ใจเหมือนหมอนที่ไม่เคยถูกนอนหนุน ไออุ่นใจไม่เคยคุ้นโอ้อกเอ๋ย เหงาเกาะกินในใจโอ้อกเอย จะได้เชยบ้างไหมใจบ้างคน แม้ร่างกายอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ก็ไม่อาจต้านฤิทธาฤดูฝน น้ำตาไหลปนไปเคล้าระคน เมื่อ "วสันตอารมณ์" เข้าครองใจ
31 กรกฎาคม 2549 21:55 น. - comment id 594169
..เสียงฝนพร่ำ.. หมายถึงอากาศที่เริ่มเย็น ดีกว่าวันอันร้อนอบอ้าว และ แน่นอน การคิดถึงใครสักคน ย่อมเป็นความสุขกลางวสันตฤดูนะคะ แวะมาอ่านค่ะ
31 กรกฎาคม 2549 22:15 น. - comment id 594174
แต่งเสร็จอย่างงดงามจนได้นะกลอนบทนี้ วันก่อนที่เอามาให้ดูยังเห็นแต่งได้นิดเดียวเอง แป๊ปเดียวแต่งเสร็จซะแล้ว เอาเวลาที่ไหนจ๊ะเนี่ยรู้สึกว่าจะสอบอยู่นะ อิอิ
22 พฤศจิกายน 2550 16:18 น. - comment id 792257
งดงามมากค่ะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเต้จะแต่งกลอนเป็นด้วย พี่ชอบท่อนนี้ แสงแดดเคยส่องลอดเข้าส่องหน้า ไออุ่นเคล้านานมาหาใดเหมือน แต่วันนี้ไอเจ้าช่างลางเลือน กลับกลายเป็นเย็นเยือนสะเทือนใจ