กอดก้านแก้ว...แก้วจะกร้านเพราะรานร้าว คืนขื่นคาวหนาวผสม...อกห่มไห้ เหล้ารสเฝื่อนเลือนระโหย...โรยรสใจ.. ระบำไฟ...ระบำคนทุกข์ทนรอ ดาวบางดวงช่วงรวีที่ปลายฟ้า ดาวในตารำไรอยู่ไหนหนอ ดาวกลางใจสิ้นแสงแรงถักทอ อยากจะก่อวิมานแก้วรอแววดาว รักจะหวนทวนคืน...ชื่นอีกหน ฤๅทุกข์ทนห่วงใยกับไฟหนาว แก้วเจ้าเอ๋ยเคยกระพริบวิบวับวาว เคยเจ็บร้าวมาเถิดเจ้า...ยังเฝ้าคอย อกนี้อาจไม่กว้างอย่างอกอื่น แต่หลับตื่นห่วงใยไม่เคยถอย สองแขนโอบกระหวัด...ชัดรูปรอย เป็นน้องน้อย...กลอยแก้ว...เป็นแววตา กอดก้านแก้วไม่เคยคลายให้หายกร้าน เติมความหวานดับความขื่น...ชื่นเสน่หา รสเมรัยสีกุหลาบ...ซาบอุรา พักสายตาพักใจ...ไว้นะเธอ แก้วเจ้าหวิววูบไหวให้รับรู้ บอกแก้วอยู่ด้วยบางคำย้ำเสมอ บางเวลาอาจไม่ได้พบเจอ แต่ละเมอคราใด...ไม่เคยลืม
19 มิถุนายน 2549 11:45 น. - comment id 584702
แม้นแก้วกร้านรานร้าวแต่คราวไหน แม้นหัวใจสิ้นแรงแห่งความฝัน ยังรอคอยนงคราญทุกวารวัน เพียงเจ้านั้นยังคำนึงถึงคนคอย...
19 มิถุนายน 2549 12:35 น. - comment id 584715
ถึงแก้วแตกแยกริ้วปลิวเป็นผง มารแมงมุมยังคงอยู่ในฝัน จะเร้ารุ่มแรงร้อนเพียงไรกัน สืบสัมพันธ์กันไว้คงได้รู้..... มาชมกลอนงาม
19 มิถุนายน 2549 17:06 น. - comment id 584785
กลอนพลิ้วไหวรับได้ด้วยอารมณ์ หอมดอกแก้วแก้วตายอดยาหยี ช้างริบหรี่นางแก้วเจ้าแจวหาย มือจับแก้วจ่อจูบปากน้ำหลายพราย เริ่มตาลายนอนกอดแก้วอีกแล้วเรา
19 มิถุนายน 2549 21:24 น. - comment id 584808
.. แก้วร้าวรานแตกยับกับมือเธอ .. .. .. ไพเราะจริงๆ .. ... ..
20 มิถุนายน 2549 09:05 น. - comment id 584862
ภาพสวยกลอนไพเราะจริงๆๆค่ะ