เพื่อนๆทุกท่านครับ ผมนำงานเขียนบทนี้มาลง ถือเป็นการฉลองครบ ๑ เดือนในบ้านกลอนไทยให้กับตัวเองครับ ผมเข้ามาอยู่ที่นี่ วันแรก ๑๗ พ.ค. ถึงวันนี้หนึ่งเดือนพอดี ได้รับมิตรภาพอย่างล้นหลาม ทำให้ชีวิตไม่อ้างว้าง และสำคัญเหนืออื่นใด คือได้เห็นพลังแห่งกาพย์กลอนอันยังยืนยงคงอยู่อย่างทรงศักดิ์ ผมหวังว่า เรือนไทยหลังนี้ จะเป็นแหล่งรินถ้อยร้อยกรองเพื่อสังคม เพื่อธำรงวิถีไทยให้จีรังตลอดไป ชั่วนิรันดรครับ พลานุภาพแห่งกาพย์กลอน โคลง ๔ สุภาพ คราวใด ภัยแผดด้าว ภูวดล ร้อนรุ่มคลุมมวลชน ชีพช้ำ อาบเอิบเติบอิทธิพล พาลแผด ทนขื่นกลืนโศกกล้ำ กลบเศร้ากรมศัลย์ วันวันไหวหวั่นว้าง ว่างวาย โรยร่วงรารอนราย รวดร้าว ดูเดียวเดี่ยวโดยดาย แดดับ ดับดิ่งดาลแดนด้าว ดุ่มด้นแดนใด คาบนั้น ไกรกาพย์แก้ว กลอนโคลง ฉันท์เฉิดเจิดจรรโลง หล่อเลี้ยง เผยยุค...ผ่านยุคโยง ยืนหยัด พ่างเก็จพราวเพชรเกลี้ยง กลอกกลิ้งผกายฉาน คำขานไขขับขึ้น แข็งขัน ถางถากเทียวทางธรรม์ เที่ยงแท้ ฟูไฟใฝ่เฟื่องฝัน ฝังฝาก ก่อกิจ, ก่อเกียรติแก้ เกี่ยงกู้กาฬกรรม ลำนำลำนักเน้น ลำเนา พราวพร่างแพรวพรายเพรา เพริศพร้อย พูนเหมผ่องพรรเหา เห็นเผจิด ล้วนถักลายลักษณ์ถ้อย ถี่ถ้วนควรแถลง วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ ยามยากระยำเพราะทุรยุค ทรทุกข์กระทุ่มแทง ดาลเดชประดังรณแสดง ระดะดาสุธาดล ใครเย้ยฤหยามเยอะแยะเยาะหยัน วิถิมรรคะมืดมน กลอนกาพยก้องกิติถกล พละกล้าจะท้ากูณฑ์ ใดเล่าจะเลือนพหลหลาย ทิศภายพิพัฒน์พูน สาดส่องผสานประดุจสูรย์ รพิสรรค์พะบรรสาน เถิดเพื่อน, ผิว์เผยพจน์มิแผ่ว พจิแผ้วจะผลาญพาล มากหมู่เถมินริปุประมาณ มรณาศอนาถนันต์ กาพย์กลอนเถกิงถกลแก้ว กระจะแวว ณ ไกวัล ชุมโชติประชวมรศมิฉัน ประลุชัยพิไลชาญ กาพย์ยานี ๑๑ กี่ย้ำ กี่ย่ำแย่ กี่บาดแผล กี่บ่วงพราน กี่คราว กี่กล่าวขาน กี่ล้านคน กี่ล้นคอย ใจเหน็บยังเจ็บหนาว ถมรวดร้าว ทิ้งร่องรอย ยังท้อ ยังย่อถอย ดังหลงเถื่อนลืมเลือนทาง รอท่า รอหาทิศ แต่ทางปิดแทบทุกปาง คลุมหมอง คลุ้มครองหมาง จ่อมจมมิดจนจิตมัว กาพย์กลอนกำจรกล่น ชุบชีพชนม์ชื่นชมชัว ฟอกหล้า ฟอกฟ้าหลัว ให้วามหาว ให้วาวเห็น ทุกคำที่คร่ำเขียน คือบุญเพียรควรบำเพ็ญ แลขำ ลาญลำเค็ญ ไขรักเรื้องโคมเรืองราย กลอนสุภาพ กลบท สุรางค์ระบำ เพียรเรียงถักรักถ้อยเรียบร้อยถ้วน เป็นสิ่งมวลส่วนมิตรไพสิฐหมาย ด้วยวรรณแพรวแววพราววับวาวพราย เก็บรุ้งสายรายส่องรังรองทรวง มากำนัลกันนิตย์ในกิจนี้ ในทุกศรีที่สรรพบรรทับสรวง ทั้งร้อยดาวราวเด่นไม่เร้นดวง มาเสริมตวงทรวงแต้มแทรกแซมตาม รินรศจำร่ำเจื้อยรี่เรื่อยแจ้ว เพลินพากย์แว่วแผ่วหวานพลิ้วผ่านหวาม เชิญจิตไขว่ใจคว้าวาจาความ ให้รุ่งวามรามหวังจีรังวาร เปรียบคือเทียนเขียนทนเพื่อคนทุกข์ ที่ทนยุคทุกข์ยั่วทึมทั่วย่าน เนืองสุขนำสำเนียงส่งเสียงนาน คำไขจารขานจงเคียงคงใจ เรียบเรียงค่อยร้อยคำจดร่ำคิด แด่ผองมิตรพิศมองฟ้าผ่องใหม่ ก็สุขด่ำซ้ำดิ่งเกินสิ่งใด ซึ้งทรวงในใสนั้นสุขสันต์เนา หมายเหตุ กลบทกลอนชื่อ สุรางค์ระบำ นี้ ผมพบตัวอย่างจากบทกวีชื่อ รุ้งรุ่ง ประพันธ์โดย ท่านคมทวน คันธนู จากหนังสือ จตุรงคมาลา จึงลองเขียนดูเพราะใจรักครับ _____________________________________
18 มิถุนายน 2549 10:46 น. - comment id 584492
คุณเก่งมากเลยนะคะ.. เรนติดตามอ่านงานของคุณทุกครั้งที่เรนเข้ามาที่นี่นะคะ.... เพียงเรนไม่ได้คอมเม้นไว้นะดิคะ.. .. เรนเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ..
18 มิถุนายน 2549 12:26 น. - comment id 584504
เก่งมาครับตราชู อ่านแล้วได้หลายหลากอารมณ์ มีอารมณ์แล้วครับ
18 มิถุนายน 2549 13:29 น. - comment id 584517
เยี่ยมยอด ......................
18 มิถุนายน 2549 14:30 น. - comment id 584528
มาลงร่วมลงนามให้กำลังใจ ในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไปครับ
19 มิถุนายน 2549 07:41 น. - comment id 584645
ขอขอบพระคุณครับ สำหรับกำลังใจจาก คุณเรน คุณอัสสุ คุณ gold fish คุณห้วงคำนึง และเพื่อนๆทุกท่านครับ งานนี้ อย่างที่เรียนชี้แจงไว้แล้วในข้อความฝากถึง ว่าผมใช้เวลาแต่งนาน ฉะนั้น จึงเป็นอีกบทที่ตัวคนแต่งเหนื่อยมากครับ เพราะต้องร้อยคำประพันธ์แต่ละชนิดให้เป็นลูกโซ่เชื่อมโยงสัมผัสและเนื้อหาเข้าด้วยกัน กำลังใจจากเพื่อนๆ ทำให้ตราชูมีแรงสร้างงานต่อไป และขอสัญญาในที่นี้เลยครับ ว่า ถ้าผมยังเขียนกลอนอยู่ที่นี่ จะทำหน้าที่สะท้อนทุกข์แทนคนยากให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ครับ