.....มวลหมู่คนฝูงชน บนแผ่นดิน ยิงมิสิ้นกลิ่นไอ ในโทสา โลภลาภะมากมาย กลิ่นกามา แย่งยื้อฉุดคร่าน่าอาย ให้วายชีวี อวดตนดีมึงเลว เหลวทุกอย่าง อวดสรรคสร้างสิ่งทำ ดูเป็นศรี ดีบังหน้าเลวซ่อนหลัง ปิดบังชีวี กอบโกยอ้วนพลีมิอิ่มหนำ ซ้ำยังเอา อีกใจแคบความคิดคด โป้ปดนัก สร้างภาพลักษณ์ให้ดูตน คนเป็นศรี กินอย่างเดียวไม่เอาออก ไม่รู้ชอบดี คนอย่างนี้จัญไร ไพร่ในเมือง ยกตนข่มว่าตัวข้า ประเสริฐแน่ คนอื่นคือไพร่ขี้แพ้ ข้าแน่มิสงสัย ประเสริฐเหลืองดงาม เกินกว่าใคร ขี้คนอื่นเหม็นไซร้ ขี้ข้าหอมชวนดอมดม อย่ายกตนว่าประเสริฐ เกินใครเขา ปัญญาจะเบาหากคิด จิตผิดผี เขาเหมือนเราปัญญา ความคิดมากมี ปวดท้องทีขี้ออกมา เหม็นเหมือนกัน..... *หมายเหตุ* บทกลอนนี้ แต่งขึ้นมา ประชดคนที่คิดว่าตนเองเลิศกว่าคนอื่น ใจแคบ ไม่ยอมคืนอะไรให้สังคม กินฝ่ายเดียว และ เฝ้าคอยแต่ถามว่า "สังคมจะให้อะไรกับเค้าบ้าง" ไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นความคับข้องหมองใจส่วนตัว
7 เมษายน 2549 04:03 น. - comment id 570343
7 เมษายน 2549 11:30 น. - comment id 570382
วางแบบคล้ายกับโคลง แต่เมื่ออ่านได้ความไพเราะหลายสิ่ง กลอนกวีรวมถึงนักเลงกลอน มักสรรคำเพื่อประชดประชันสังคมบ้าง ชมดอกไม้ธรรมชาติบ้าง มีบ้างค่ะ เคารพและเห็นด้วยในความคิดเห็นนี้ค่ะ ถ้าสังคมมีแต่คนแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้จะได้มาอ่านไหม เอาเถอะค่ะ ถือว่าเป็นความอลังการของคำ และอารมณ์ความรู้สึก ที่ถ่ายทอดออกมา ได้อย่างได้รสชาติ น่าชื่นชมค่ะ
7 เมษายน 2549 13:27 น. - comment id 570396
โห้ .. เอาน้ำเย็นมาให้ดื่มจ้า คริๆๆจะได้จ๋ายเย็นๆๆเนาะ อากาศร้อนใจ๋ฮ้อนต่วยบ่ดีๆๆ