..๏ ครอบคลุมคือคลุมเคลือ.....ยามล้นเหลือจึงเรรวน คุกคามดั่งล่ามตรวน...............คราวใคร่ครวญชวนอัดอั้น รุมเร้าจนเร่าร้อน....................ทุกข์กัดกร่อนยากกีดกัน หมายไล่ให้ลดหลั่น.................แล้วห้ำหั่นให้เหือดหาย ..๏ กานท์กวียังกู่ก้อง...............ผู้ร่ำร้องยังมากราย หากเลวและชั่วร้าย.................นั่นความหมายอาจคล้ายเรา ขอขมาถ้าพร่ำเพ้อ..................ดูพลั้งเผลอเหมือนมึนเมา หลงจิตติดรูปเงา.....................แท้คือเถ้าแห่งกานท์กวี ฯ ..๏ ภาพรวมคือลวงหลอน........มันกัดกร่อนและย่ำยี ยากเย็นเป็นหลบลี้..................ลืมวาทีที่ร้อยเรียง หักหาญด้วยฮึกเหิม................แล้วจึงเริ่มมาขว้างเขวี้ยง เศษคำอันรายเรียง..................กระนั้นเยี่ยงมวลศรพิษ ฯ ..๏ ทบทวนโอ้ทิ่มแทง..............อย่างรุนแรงคราวพลั้งผิด ขัดข้องยามครุ่นคิด.................ผู้น้อยนิดขอนอบน้อม หนักหน่วงหากเนิ่นนาน...........ความร้าวรานฤๅพาลยอม ตำต่ำย้ำตรมตรอม..................จนผ่ายผอมคือผลพวง ฯ ..๏ ขีดเขียนด้วยขัดเขิน...........สิ่งส่วนเกินเยี่ยงบาศก์บ่วง คล้องใจจนลิ่วร่วง...................ให้ตกห้วงคนดูแคลน ขัดขวางอย่างเคี่ยวเข็ญ............ผู้ลำเค็ญสาหัสแสน เฉกเราเช่นตัวแทน.................ออกปากแค่นว่าชาชิน๚ะ๛
15 มกราคม 2549 21:49 น. - comment id 553385
...กล่าวถึงมิตรภาพ...ของผู้คน... ...ที่เริ่มดูเย็นชา..และถูกปล่อยวางให้อ้างว้างในห้วงแห่งอดีต... ...ครั้นเริ่มรู้สึกว่าขาดหายไป...กลับเอื้อมใจไปไขว่คว้ากลับคืนมาไม่ได้... ...ก็ทำได้เพียงแต่..นึกย้อนไปว่า... ...ณ ขณะนั้น ๆ น่าจะ คิด พูดและทำ เช่นนั้น... ...หากย้อนเวลากลับไปได้ อาจจะแก้ไขบางเหตุการณ์ได้เช่นกัน... ...คงไม่ปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไปเรื่อย ๆ... ...กระทั่งฝุ่นแห่งร้าวฉาน...และสนิมแห่งความแตกต่างมากัดกร่อน... ...ให้จมปลักในมุมอับแห่งโลก ...จนชาชิน...
15 มกราคม 2549 22:18 น. - comment id 553389
เออ คำยาก ๆ เนี่ย ไม่พูดได้ไม๊ นี่นั่งโทรตามผู้เข้าอบรมอยู่ ใกล้ตายเหมือนกันแล้ว เหนื่อย คำง่าย ๆ แต่สื่อได้เหมือนกันนะอิม พี่เหนื่อยจัง
15 มกราคม 2549 22:19 น. - comment id 553390
งามคิดงามคมคำค่ะบทนี้ พี่พุดพลีบทกวีบทนี้ให้ด้วยรักนะคะ พลีลั่นทมรัดร้อยแทนสร้อยรัก ศรัทธาภักดิ์ยังคงอยู่ตราบคู่ฟ้า คืนและวันผันผ่านเนิ่นนานมา ใจเหว่ว้ายังดายเดียวเปลี่ยวระทม... เพียงซบหน้าในอ้อมกอดแล้วร้องไห้ ได้ชิดใกล้ได้กลิ่นแก้มไม้แซมผม ได้ดอมดมพรมจูบลืมตรอมตรม ได้กลิ่นผมกลิ่นเกศเกล้าเจ้าจอมใจ กี่ปีเดือนเลื่อนลอยหลงคอยขวัญ แสงตะวันส่องหล้าเยือนฟ้าใหม่ น้ำผึ้งหวานยังหยาดสายร่ายมนต์ใจ หากทำไมใจดวงร้าวยังหนาวนัก พลีเทียนหอมหลอมละลายหมายสร้างฝัน ท่ามคืนวันอย่าท้อพ้อที่รัก เศร้าล้ำลึกนึกเหนือโลกย์โศกประจักษ์ คือทุกข์รักให้หยุดรู้ดูมายา ท่ามแสงเทียนเสียงฝนภวังค์ฝัน ในเงียบงันนิ่งงามยามโหยหา ไม่มีเราไม่มีเขากาลเวลา แค่ผ่านมาผ่านไป..ไยระทม หลับตานิ่งทิ้งใจไปกับฝน วางกมลกระจ่างให้ว่างห่ม คือดวงใจใสงามวางทุกข์ตรม ไม่ระทมไม่สุขเศร้าดับหนาวใจ คือความจริงสิ่งไม่มีที่รายรอบ แค่ประกอบกรรมวิบากฝากหวั่นไหว ราวสายลมพัดแผ่วจางร่างหายไป ลมหายใจเพียงนิดน้อยชรอยบุญ ให้..หัวใจให้ความดีพลีแด่โลก การอยโศกใจเจ้าคลายหนาวอุ่น ให้น้ำใจใสพร่างน้ำค้างคุณ ฝากหอมกรุ่นดั่งดวงดอกไม้ดับไร้รอ... ................. ใกล้ค่ำ......... จุดตะเกียงเพียงแสงเดียว ล้อเรียวจำปีเขียวใสใบระบัด วิบวับ วูบไหว กลางกระท่อมใบไม้... กังหัน..เหนือชายคาหมุนวน ตามแรงลม... แต่..ใจคนที่นอนเฝ้าดูกลับนิ่งงันเงียบงาม.. โมบาย..กระทบกันกรุ๋งกริ๋ง..ๆ หรีดหริ่ง จิ้งหรีด พากันกรีดปีกร้องระงม.. เสี้ยวจันทร์แรม.. ราวเคียวสีทองส่องทอทอดลอดริ้วเรียวไผ่ โผล้พ้นกลีบเมฆ เหนือทิวไม้ตะคุ่ม.. ดาวดวงละออ ทอแสงแข่งกันพริบพรายฟ้า.. มนต์จันทรา..พาให้นวลใจ..นุ่มเนียนนึกลึกล้ำ..... ใช้กิ่งไม้แทนตะเกียบ.. คีบก๋วยเตี๋ยวในชามกะลา อาหารค่ำง่ายๆ ใต้แสงตะเกียงเพียงลำพัง... ท้องอิ่ม.. หลับตานิ่งๆ ทิ้งหน้าที่ ทิ้งสรรพสิ่ง สรรพเสียงไว้ ภายนอก..ร่าง...ใจ มิไหวรับรู้ จิตจับ กับความว่างเปล่า เบาสบาย คล้ายสายลมบางเบา พัดร่างให้ลอยละลิ่ว..ปลิวคว้าง.. เหนือโลกย์..เหนือโศกสุข ของทุกข์ผู้คน และ.. บางครั้งครา ราวกับว่า ได้ถอยจิต ทอดร่าง ไปวางไว้บนฟองคลื่น เหนือริ้วทะเลสีคราม น้ำใสใส.. ปลดปล่อยดวงใจ... ปล่อยผมสยาย แผ่พลิ้วพราย คล้ายสาหร่ายงามละเลื่อม กับร่างไร้น้ำหนัก ที่มีเพียงรักจากผืนฟ้า คลุมร่าง พร่างพรมด้วยลมรำเพย โลมไล้แผ่วเบาละเมียดละไม เหนือนับ..กับ นาน..นี้..ที่ใจ..เพียรพยายาม ... ใฝ่หางามภายในใส่ตัว แม้นานนับชั่วกับป์กัลป์ มิถึงไหน หวังเพียงขณะ ที่นวลใจพบนิ่งงันนั้น พลันพอเพียง ได้ปิติ ดื่มด่ำ กับความว่างเปล่า เบาสบาย ไม่ว่าใจดวงนี้ จะผ่านดี ผ่านร้าย ผ่านร่ำ ผ่านรวย ผ่านสวย ผ่านงาม ผ่านหวาน ผ่านสุข ผ่านทุกข์ ผ่านโศก ผ่านโลก..ที่โชคชะตาเลือกหยิบยื่นให้.. ก็ใช่จะนานนักหนอ กับชีวีนี้ที่..รอวันโบกมือลา .. มิช้านาน..มิยาวยืน แล้วอะไรกันเล่า จะช่วยเราได้ เท่าจิตวิญญาณ ที่จะตามติดให้งาม กับเนื้อนวลใจเราทุกผู้ ทุกภพ ทุกชาติไป..... ใช่ไหมเล่าทุกเจ้ายอดดวงใจ ในเรือนใจเรือนไทยในร่มรัก ผู้พร้อมเต็มไปด้วยน้ำใจ เนื้อใจงามละม่อม พร้อมพลี..ที่จักหวังได้ครองจิตวิญญาณแห่งงามนั้น ขอเพียงโอบเอื้อฝัน ปันอ้อมอุ่น กรุ่นกลิ่นรักสามัคคี ด้วยความงาม ด้วยความดี ที่ล้ำค่านี้แด่กันและกันทั้งฉันเธอ นะดวงใจ! ................
15 มกราคม 2549 23:28 น. - comment id 553400
เป็นกลอนไหว้ครูก่อนจะร้องจะรำได้เลยนะเนี่ย
16 มกราคม 2549 10:40 น. - comment id 553462
สวัสดีค่ะ คุณอัลฯ *ชาชิน* เหมือนเป็นการยอมรับ... ไม่อยากรับ แต่ต้อง ยอมรับ...ว่านั้นคือความจริง...
16 มกราคม 2549 11:39 น. - comment id 553471
..ชาชิน จนเฉยชา คุณค่า...จึงร้างไร้
16 มกราคม 2549 12:48 น. - comment id 553473
ก๊อกๆ ... ชาชิน แต่อย่าถึงกับ เฉยเมย เลยนะคะ เวลาพิสูจน์อะไรมานักต่อนัก เพียงแต่เวลานั้น อาจยังมาไม่ถึงเท่านั้นเอง
16 มกราคม 2549 22:21 น. - comment id 553587
คุณพระจันทร์เศร้า .. ชาชิน ต่างกับ คุ้นชิน ตรงที่ สภาพความชินไม่เหมือนกัน .. คำง่ายสื่อได้ แต่สภาวะตอนนี้ มันเหนื่อยจนเขียนซะไม่ง่าย .. งานก็ชุลมุนเหมือนกันค่ะ คุณพุดพัดชา .. ขอบคุณค่ะ :) คุณครูใหญ่โรงเรียนเล็ก .. คราวก่อนก็ติดระบำใบตองหน้าดวงจันทร์หนนึงแล้วนา .. คุณแมงกุ๊ดจี่ .. เป็นสภาพที่ต้องยอมรับค่ะ ทว่า สุขหรือเปล่า .. ไม่รู้ คุณเพชรพรรณราย .. บ้างก็ขี้เกียจจะดิ้น บ้างก็ดิ้นไม่หลุด คงไม่มีอะไรดีไปกว่า ทำใจให้ชาชิน ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ค่ะ คุณเพรง.พเยีย .. กาลเวลา เงื่อนไขแห่งบทพิสูจน์ อัลมิตราก็เฝ้ารออยู่เช่นกันค่ะ
17 มกราคม 2549 00:06 น. - comment id 553605
กลบทนี้สนุกดี พยายามลองอยู่ ไปไม่รอด แฮ่ ๆ
17 มกราคม 2549 07:22 น. - comment id 553618
คุณดาวอังคาร .. รอดสิ ต้องรอด แล้วจะคอยอ่านค่ะ
17 มกราคม 2549 07:54 น. - comment id 553630
อยากเขียนแบบนี้ได้จัง ทั้งคำทั้งความดีเลยครับ ลงตัว ชาชิน ไม่ชินชา..อะนะ..สรุปว่ายังมีหัวใจอยู่..อย่าสร้างเงื่อนไขของเวลาก็แล้วกันเนาะ
17 มกราคม 2549 09:35 น. - comment id 553646
สมัครสมาชิกนานแล้วยังไม่ได้ password เลย ช่วยเช็คให้หน่อย
17 มกราคม 2549 11:45 น. - comment id 553657
รสชาดมันขมๆ อยู่น่ะ ชารสนี้.. :)
17 มกราคม 2549 12:31 น. - comment id 553672
คุณร้อยแปดพันเก้า .. เพราะว่ามีหัวใจ .. ที่ทำได้ จีงต้องทำใจให้ชาชิน ค่ะ คุณgawgla .. แจ้งปีกฟ้าให้แล้วค่ะ คุณกุ้งหนามแดง .. ชาเขียวที่หนอนน้อยเต้นดุ๊บๆ คงฝาดเนอะ
17 มกราคม 2549 12:39 น. - comment id 553680
ความชาชินจะมาเยือนถ้าเรารู้สึกไม่อยาก เปลี่ยนมุมมองใหม่จากที่เคยมองไปจาก ทุก ๆ วัน หรือเปล่า ? จำโฆษณาสินค้าตัวหนึ่ง ได้มะ \" เชียร์ \" อ่ะ (อันนี้ไม่ได้ช่วยเค้าโฆษณานะ) แต่เห็นด้วยตรงที่เราก็ต้องเจอ อะไรเดิมๆ ทุกวันไม่ใช่รึ ถ้างั้นก็ลองมองอะไรที่มันเดิมๆ แต่มองจากมุมอื่นดูบ้าง จะได้ไม่เศร้า...เหงา...หงุดหงิดไง (ขอโทษฮับ ที่โผล่เข้ามาร่วมแจมด้วย พอดี มีคนแนะนำ...ใครหว่า)
17 มกราคม 2549 12:47 น. - comment id 553684
คุณชมพูภูคา .. :) ทว่าเป็นความคิดเห็นที่เยี่ยมยอด ความจริงแล้ว บางอย่างอาจยากที่จะเปลี่ยนแปลง แต่มันก็มีหลายมุม ให้เลือกยืนถูกจุดที่มอง ความแปลกก็จะเกิดขึ้นได้เอง .. บางทีการรอให้อะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลง มันยาก กว่า การที่เราจะปรับเปลี่ยนตัวของเราเอง คุณคิดงั้นไหมคะ :) ปล. ชอบรูปลิงจัง ต้องมีคนบอกแน่ ๆ เลย ว่าเป็นรูปโปรดของอัลมิตรา
17 มกราคม 2549 16:29 น. - comment id 553743
ชาชิน...ชินชา..เย็นชา..เฒ่าชรา...เฮ้อ..เกี่ยวกันไหมเนี๊ยะ...รู้สึกนาฬิกากรุงเทพกับเชียงใหม่เดินไม่ค่อยเท่ากันนะยิ่งแถวพระามสามเดินช้าจัง...ดึกช้าด้วยใช่มะ...
17 มกราคม 2549 17:15 น. - comment id 553751
คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. ปกติจะมีแต่นกฮูก นกเค้าแมว ค้างคาว .. ที่ออกยามวิกาล อัลมิตราคิดว่า คุณไม่ใช่นกสามประเภทดังกล่าว คุณเคยบอกว่า จะเป็นเช่นนกไฟ กลางคืน .. ถ้าจะสว่างนะคะ หากนกไฟบินผ่านบ้าน .. มิน่าเล่า จึงอบอุ่นเสมอ :)