เหรียญหนึ่งนั้นมีมุมมองทั้งสองด้าน อยู่ที่การพินิจคิดด้านไหน ด้านหนึ่งดูงดงามตามที่ใจ จึงสร้างใส่สิ่งสวยด้วยอัตตา จึงตัดสินสิ่งใดอย่างใจคิด เห็นวิจิตด้านหนึ่งจึงไขว่หา ด้วยลืมใช้สติพิจารณา ลืมไปว่าที่ดูอยู่ด้านเดียว อีกด้านหนึ่งไม่พลิกดูให้รู้แจ้ง ทำเหมือนแกล้งเชือนแชมิแลเหลียว กลัวผิดหวังในดวงแดแน่นักเทียว กลัวไม่เกี่ยวกับสิ่งนั้นฝันให้เป็น แล้ววันหนึ่งเหรียญนั้นมันกลับด้าน ทรมานหัวใจเมื่อได้เห็น มองเห็นสิ่งลำบากยากลำเค็ญ ที่ซ่อนเร้นปิดไว้ไม่อยากมอง ทั้งชีวิตเศร้าสลดแสนหดหู่ เมื่อได้รู้ด้วยสองตาพาหม่นหมอง สิ่งสวยงามที่รู้สึกนึกลำพอง กลายเป็นของไม่คาดคิดในจิตใจ เพราะเพียงมองด้านหนึ่งจึงไม่ทราบ มองเพียงภาพด้านดีมิสงสัย พอมารู้มาเห็นความเป็นไป จึงมิอาจปลงได้ใจตัวเอง
2 พฤศจิกายน 2548 17:27 น. - comment id 528190
กว่าจะเรียนรู่อะไรได้รอบด้าน คงต้องพึ่งเวลาและความเป็นกลางทางทิฐิเป็นสำคัญ
1 พฤศจิกายน 2548 17:04 น. - comment id 530839
ใช่คะ เราอยู่คนละ อาจมองกันคนละแบบ หรือบางที อยู่ในจุดเดียวกันแต่ก็มองต่างกันออกไป... เพราะ...เรามีหัวใจคนละดวง จึงคิดแตกต่างไป
1 พฤศจิกายน 2548 11:45 น. - comment id 533983
สิ่งที่เห็น อาจไม่เป็น เช่นตัวคิด วิตกจริต เกินไป ใจมัวหมอง มองแววตา อาจไขว้เขว ใช่ดั่งมอง ค่อยตรึกตรอง ก่อนเงื้อง้า คิดฆ่าใคร ...สิ่งที่คุณเห็นนน อาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิดดดด....อย่าเพิ่ง ..ฟันธง!! (คำนี้เค้าฮิต!!)
1 พฤศจิกายน 2548 11:58 น. - comment id 533989
เพียงเพราะมองคนละมุม จึงกลุ้มใจ..เป้นแหล่งที่มาที่ถูกใจมากค่ะ
1 พฤศจิกายน 2548 12:39 น. - comment id 534008
ครับแต่ละคนมุมมองแตกต่างกัน เพียงแต่ว่าใครจะมองส่วนไหนห่างกันเท่าไหร่ครับ เป็นงานให้ข้อคิดดีครับ แก้วประเสริฐ.
1 พฤศจิกายน 2548 13:49 น. - comment id 534034
เห็นด้วยกับความคิดของkatanaเลยเจ้าค่ะ
2 พฤศจิกายน 2548 19:17 น. - comment id 535481
ชีวิตไม่ต่างกับเหรียญ มีสองด้าน ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาด้านไหนขึ้นมา ^_^