คล้ายท้องฟ้าเล่านิทานขานชีวิต แห่งมิ่งมิตรจันทร์ฉายเฉิดฉายแสง แต่ละคืนชื่นใจในบทแสดง บางคืนแจ้งนวลจันทร์อันงามตา คล้ายฟ้าเปรียบชีพสร้าง ........... นิทาน ฉายเฉิดจันทร์ตำนาน .............. ผ่องแผ้ว แต่ละค่ำชื่นสราญ ..................... แสดงบท บางค่ำจันทร์นวลแพร้ว ............. เลิศฟ้างามตา ในบางค่ำจันทร์เสี้ยวเงาเบี้ยวบด จันทร์ระทดเศร้าระทมลมถั่งบ้า หลากเมฆจรจนจันทร์อ่อนวิญญาณ์ สลัวหล้าหวาดหวั่นพรั่นทุกใจ ในคราค่ำบดเสี้ยว .................. เงาบัง จันทร์ระทดลมพัง ................... ถั่งบ้า เมฆคลุ้มวกอ่อนหวัง ............... จันทร์ดับ สลัวหวั่นพรั่นทั่วหล้า .............. หวาดล้าทุกใจ แม้บางคืนเป็นจันทร์เสี้ยวเปลี่ยวใจหวั่น แต่แสงอันนวลกระจ่างยังพร่างใส เหลือครึ่งดวงฉายแสงแรงเรืองไกล นวลนุ่มไสวสาดสู่จิตมิตรมวลชน บนฟ้าไกลปลี่ยวเสี้ยว .............. นวลจันทร์ แสงกระจ่างจันทร์อัน ............... พร่างพริ้ม แห่งดวงครึ่งช่วงฝัน ................ แสงส่อง นวลนุ่มไสวสาดยิ้ม ................... มิตรแย้มปวงชน แต่บางคืนฉันยืนเปลี่ยวเหลียวหน้าหลัง ยังสิ้นหวังจันทร์ดวง ณ ห้วงหน จันทร์อ่อนล้าลับหายสิ้นแสงยล ฟ้าเบื้องบนไร้จันทร์อันงามนวล หวนเหลียวค้นค่ำนั้น ................ หน้าหลัง ไร้พร่างแห่งแสงหวัง ................. สาดฟ้า จันทร์ล้าอ่อนใจบัง .................... แสงลับ ฟ้ามืดไร้จันทร์กล้า .................... ส่องสิ้นแสงนวล คืออารมณ์ห่มห้อมล้อมจันทร์เจ้า ที่คลอเคล้ากับฟ้าคราไห้หวน หรือชื่นใจไสวสว่างพร่างแสงยวน อาจเชิญชวนพริ้มน้ำผึ้งตรึงนวลจันทร์ รัญจวนฝันห่อห้อม .................. จันทร์ครวญ คลอแนบฟ้าไห้หวน ................ ร่ำร้อง หรือฉ่ำชื่นสว่างชวน ................ ใจพร่าง เชิญฉ่ำน้ำผึ้งพร้อง ................. ดื่มล้ำนวลจันทร์ เหมือนเมฆมืดยืดยาวมาสาวเอื้อม บังอารมณ์ไหลเลื่อมเกิดมืดหวั่น "มือที่สาม" นามนี้ที่กดดัน ผลักแสงอันงามล้ำรักภิรมย์ เมฆข่มดันครอบเอื้อม ............ อารมณ์ ไหลเลื่อนบังบดจม ................. มืดคว้าง เช่น "มือที่สาม" ผสม...............ข่มกด ดันผลักแสงสูญล้าง ................ ชดช้อยอภิรมย์ ณ คืนจันทร์เพ็ญมาสยังวาดหวัง รักจีรังอย่าแปรเป็นแผลขม ขอแสงสาดวาดนวลชวนชื่นชม อย่าพลาดล้มเป็นชังฝังดวงใจ ใฝ่ชมจันทร์พร่างพริ้ม ............ วาดหวัง ขอรักจงจีรัง ........................... อย่าร้าว ขอแสงสาดนวลยัง ................. ชวนชื่น อย่าพลาดเป็นชังกร้าว .......... ลึกเร้นฝังใจ คล้ายท้องฟ้าเล่านิทานขานชีวิต อารมณ์คนมืดมิดสว่างได้ ตามแต่สิ่งแปรปรวนล้วนเป็นไป แม้จันทร์ใสยังหม่นบนฟากฟ้า ในนภายังเล่าอ้าง ................. นิทาน สว่างมืดอารมณ์ขาน .............. ทุกผู้ ตามแต่สิ่งแปรกาล ............... ไหลหลั่ง แม้พร่างจันทร์ยังรู้ ............... หม่นได้บนนภา.
2 พฤศจิกายน 2548 09:44 น. - comment id 527074
ฟ้าเคียงจันทร์...ฉันเคียงเธอ...อิอิ..ไปหละหาเรื่องหัวแตกซะแร่วเรา...
1 พฤศจิกายน 2548 07:12 น. - comment id 533900
ฟ้าเคียงจันทร์ ฉายเฉิดฉายแสง
1 พฤศจิกายน 2548 07:45 น. - comment id 533907
จ ะ ข อ เ ป็ น จั น ท ร์ ง า ม ย า ม ร า ต รี ส ถิ ต ที่ ก ล า ง น ภ า เ ว ห า ห น ร ะ ยิ บ ร ะ ยั บ วั บ ว า ม ต า ม ใ จ ต น ลิ ขิ ต ก า น ท์ จ า ร ส ก ล นิ พ น ธ์ ค ว า ม มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า ..
1 พฤศจิกายน 2548 11:09 น. - comment id 533950
ชอบอารมณ์ของบทกลอนในยามราตรีบทนี้ของพี่รุ่งจังเลย ด้วยเห็นเป็นคนที่ชอบความงามของราตรีอยู่เป็นทุนเดิม เจองานของพี่รุ่งเข้าไป แบบว่า ไพเราะน่าหลงไหลเหลือเกินเจ้า
1 พฤศจิกายน 2548 11:11 น. - comment id 533952
แวะทักทายยามสาย เป็นเงือนไขของธรรมชาติ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนฟากฟ้า ดวงจันทร์สวยงามได้อีกรูปแบบหนึ่ง จันทร์เสี้ยว ก็สวยเนาะ
1 พฤศจิกายน 2548 11:45 น. - comment id 533982
เก่งจัง..ไพเราะมากด้วย ฟ้าเคียงจันทร์..กลอนเคียงโคลง...
1 พฤศจิกายน 2548 21:06 น. - comment id 534310
เมฆย่อมเคียงแดด ลม ฝน อยู่ธรรมดา งดงามครับ