ลดอัตตาตัวตนวังวนโฉด ละความโกรธโลภหลง..พะวงหา เลิกเป็นทาสความคิดอวิชชา แสวงหาก้าวย่างทางสายกลาง อันศีลห้าว่าอย่าจำให้ทำเถิด แล้วจะเกิดดวงไฟใสกระจ่าง มีดวงแก้วเกิดก่อพอนำทาง ก็สว่างมองเห็นเส้นนำชัย หยุดเสียทีหยุดกิเลสเศษความทุกข์ เอาความสุขเนาเรือนเพื่อนวิสัย คำพระว่ามาตัวเปล่า..เท่ากันไป ไยหาภัยด้วยนิยามความโลโภ เมื่อเจ้ามามือเปล่าเจ้าควรสร้าง เร่งปูทางเพื่อมนุษย์หยุดโทโส เลิกกอบโกยหวังชื่อเสียงเพียงไชโย ที่เขาโห่ อาจจะไล่ให้จากลา สวรรค์นั้นอยู่ในอกอย่าตกตื่น นรกยื่นขนมหวาน..สานทีท่า มียาพิษซ่อนเร้นเช่นมายา หลงเพ้อหาว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เร่งทำดีใส่ตัวเลิกชั่วช้า วันเวลาพอระลึกให้นึกถึง ชีพหนึ่งนั้นสั้นนัก...พักรำพึง จะลึกซึ้งด้วยหลักธรรมน้อมนำใจ
2 พฤศจิกายน 2548 09:17 น. - comment id 528451
บางครั้งรู้สึกว่า เรา กับ พระ อยู่ห่างไกลกันมาก แต่หลายหน เมื่อนั่งนิ่งๆ แล้วคิดถึงหลายๆ สิ่ง ก็พบว่า พระ อยู่ในใจเรา และบางทีก็เดินอยู่ข้างหลังเราอย่างเงียบๆ
31 ตุลาคม 2548 18:09 น. - comment id 532552
ผมบ่ได้มากับพระ วนเวียนในวัฏฏะสงสาร อยู่ในโลกเสพทุกข์ทรมาน อยู่กับวันวานเพื่อวันนี้ฯ แหะ แหะ ขอรับ คนไกลวัดอย่างกระป๋ม ร้อน.. ขอรับ แหะ แหะ ขอรับ สวัสดี ขอรับ
1 พฤศจิกายน 2548 23:20 น. - comment id 534338
ไม่ถึงกะร้อน เหมือนพี่ทิวา แต่ก็อุ่น ๆ ล่ะค่ะ มาทักทายและสวัสดีพี่หนูนาค่ะ
31 ตุลาคม 2548 14:45 น. - comment id 536168
บางคนท่องได้เป็นอย่างดี จำแม่นขึ้นใจ แต่กลับไม่ปฏิบัติตาม .. เสียดาย ที่ผุดไม่พ้นตมเสียที ทิวาสวัสดิ์ค่ะ คุณหนูนา .. เหนื่อย ๆ แบบนี้อ่านกลอนดี ๆ เชิงธรรมมะ ทำให้ฉุกคิดอะไรได้หลายอย่าง ขอบคุณค่ะ