1. หอมเอยหอมอ่อนซึ้ง..............จรุงขวัญ ผุดผ่องแจ่มราวจันทร์.........ส่องหล้า อ่อนโยนกล่อมคืนวัน.....เห็นชื่น ทรวงเฮย บานอยู่ยลผ่อนล้า.....กลิ่นคุ้นหทัยหวาม 2. ลำเค็ญยามเปลี่ยวคว้าง..........ทรวงขม เนือยหน่ายทุรายจม.........จ่อมเศร้า คืนวันเวี่ยโซรมซม-.......ซานโศก โลกดั่งพวยไฟเร้า.....เร่งร้างแมนสรวง 3. ปลอบทรวงราวช่วยเร้น.........มวลหงอย เก็บซ่อนก่อนเกลื่อนลอย...เรี่ยร้าย กล่อมจิตต่อฝันคอย......วารสร่าง ขุกแฮ อวนกลิ่นในค่ำคล้าย...ผ่าวร้อนคลายแสลง ฯ
29 ตุลาคม 2548 21:45 น. - comment id 530510
ใคร่สนทนากับพี่พงษ์ผ่านตรงนี้ ในเวลาที่นาน ๆ กว่าจะเข้าเว้บตรงกัน มัทสบายดีค่ะ แต่พักนี้ค่อนข้างยุ่งทั้งงานส่วนตัว ทั้งงานราชการ มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ พร้อมเปลี่ยนการทำงานจากงานเก่าที่เคยทำไปทำงานชิ้นใหม่ที่ยังไม่เคยทำ มันท้าทายมากนะคะพี่พงษ์ ถึงอย่างไรก็..ต้องสู้ค่ะ มัทเองก็อยากให้หนาวเร็ว ๆ แต่มัทไม่ชอบอากาศหนาวนะคะ หนาวมาก ๆ ไปไหนทำอะไรก็ลำบากค่ะ เสาร์ที่แล้วมัทไปมหาสารคามมาค่ะ ขับรถผ่านเชียงยืน ความคิดก็แว๊บ ๆ ขึ้นในสมอง พี่พงษ์อยู่แถวนี้นี่นา แต่ยังหาบ้านเกิดเมืองนอนพี่ยังไม่พบหรอกนะคะ อย่างไรก็อย่าคิดไรมากค่ะ คิดแต่สิ่งดีดี หากสามารถผ่านจุดนั้นมาได้ก็ถือว่าเข้มแข็งแล้วค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้พี่พงษ์ผ่านอุปสรรคทุกอย่างค่ะ เมื่อตอนเย็นดูหนังเกาหลีที่เขาแสดงทางช่อง 3 ด้วยค่ะ
29 ตุลาคม 2548 22:20 น. - comment id 530522
แหมเมื่อตะกี๊ผมเขียนตอบคุณมัทยาวเลยครับ พอคลิกโพสต์ ข้อความพวกนั้นหายไปเกลี้ยงเลย เรียกคืนก็ไม่ได้ เห็นทีผมต้องลองโพสต์แบบสั้นดูก่อนครับ
29 ตุลาคม 2548 22:21 น. - comment id 530523
นึกถึงเพลงของ สายัณห์ สัญญา แม่ดอกสะเลเต อะครับ
29 ตุลาคม 2548 22:27 น. - comment id 530528
ทักทายคุณทานทองคำครับ เพลงของสายัณห์ สัญญาผมชอบหลายเพลงเหมือนกันครับเช่น เสียงขลุ่ยเรียกนาง กินอะไรถึงสวย นางกวักมหาเสน่ห์ ส่วนเพลงแม่ดอกสะเลเต ผมยังนึกทบทวนเนื้ออยู่ครับ อาจฝังอยู่ในความจำส่วนลึกมากๆ แต่ว่าเพลงที่ผมชอบที่สุดเป็นเพลงนี้ครับ ....จากปากช่องมา เจ้าลืมสัญญา ของเราเมื่อสายัณห์... ดูจากเพลงที่คุณพูดถึง ผมสงสัยว่าเราคงเกิดร่วมสมัยกัน-ฮา ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย
29 ตุลาคม 2548 22:37 น. - comment id 530540
คุยกับคุณมัทอีกหนครับ ผมได้เห็นหนังเกาหลีที่ช่อง 3 แว้บๆเหมือนกันครับลูกๆกับแม่ของเขาชอบดูกัน ผมเองเคยติดหนังจีนตอนเรียนมัธยมปลาย ตอนนี้ไม่ติดหนังอะไรสักเรื่อง คือผมชอบหนังสือมากกว่า นี่ผมก็เพิ่งไปร้านหนังสือในเมืองมา ได้หนังสือที่ลงเรื่องเกี่ยวกับนักเขียนมา 2 เล่ม คือ a day ฉบับที่ 62 / ตุลา 2005 กับ UNDERGROUND BULETEEN 5 หรือวารสารหนังสือใต้ดินฉบับที่ 5 ประจำเดือน กรกฎา-กันยา 2548 ว่างๆ ก็จะเริ่มอ่านครับ ผมไม่ค่อยเล่าความใฝ่ฝันของผมกับใครนะครับ ยกเว้นกับลูก ๆ ผมพูดบ่อย ๆว่า พ่อยากเขียนหนังสือ ใน 5 ปีข้างหน้าพ่อจะพิมพ์หนังสือขาย แล้วลูกก็ถามผมเรื่อยๆ ว่าความฝันของพ่อใกล้ความจริงหรือยัง ผมตอบใกล้แล้ว เหลืออีก 4 ปี -ฮา มีงานที่น่าสนุกและท้าทายเยอะแยะเลยครับ ผมคิดไว้เยอะ ถ้าได้อยู่ในที่เหมาะสม คงได้สร้างสรรค์อะไรอีกมาก ผมเอาใจช่วยคุณมัทให้มีความสุขและสนุกกับงานนะครับ
29 ตุลาคม 2548 23:07 น. - comment id 530559
เข้ามาทักพี่พงษ์อีกครั้งตอนห้าทุ่มค่ะ มัทมายิ้มให้ค่ะ ก็ตอนนี้กำลังดูหนังอยู่ค่ะ บายก่อนนะคะ
29 ตุลาคม 2548 23:14 น. - comment id 530565
มากราบสวัสดี..คร้าบ
29 ตุลาคม 2548 23:31 น. - comment id 530576
ราตรีสวัสดิ์ครับคุณมัท คุณนัทนิตย์ด้วย พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่ครับผม
30 ตุลาคม 2548 08:17 น. - comment id 530596
อรุณสวัสดิ์ค่ะ .. ดอกไม้สีขาว..ตามรูป หรือคะ สวยจัง
30 ตุลาคม 2548 09:28 น. - comment id 530614
สวัสดีค่ะ คุณก่อพงษ์ กลิ่นหอมละมุน ทำให้ละมุนถึงหัวใจเลย เมื่อก่อนมะกรูดชอบเอามาแนบผม ไม่งั้นก็ทัดหู แต่ผู้ใหญ่ไม่ทัดหู ทำไม? ไม่รู้.. คุณก่อพงษ์ พอจะบอกความหมายได้มั้ยคะ...
30 ตุลาคม 2548 10:12 น. - comment id 530634
สวัสดีครับ คุณก่อพงษ์ ไม่เจอกันหลายวัน สบายดีนะครับ เปิดเทอมหรือยังครับ กว่าจะคลิ้กเข้ามาโพสต์ได้ วันนี้สาหัสครับ เมื่อวานก็มีอาการนี้ ผมก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เข้ามาคุยไม่ได้ ผมไม่เคยเห็นดอกสะเลเตเลยครับ คงจะสวยเหมือนในรูปนะครับ แต่บอกว่ากลิ่นเหมือนกาสะลอง ผมก็พอนึกออก เพราะกลิ่นกาสะลองนี่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เขียนโคลงได้อารมณ์ละเมียดละไมดีครับ ผมเพิ่งเข้าใจการเขีนโคลงเมื่อไม่นานมานี้ เลยอ่านได้เข้าใจมากขึ้น สั้น กระชับ แต่ได้ใจความมากที่สุด ซึ่งผมว่ายากกว่ากลอนน่ะครับ อย่าคิดอะไรมาก คนไม่เคยเขียนก็ดูอะไรยากไปหมด อากาศทางอีสานหนาวหรือยังครับ ทางเหนือจะเย็นสบายช่วงกลางคืน แต่กลางวันยังแดดแจ๋อยู่เลยครับ เป็นว่าเราต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ เมื่อคืนบ้านผมฝนตกอีกต่างหาก วันนึงมีสามฤดูเลยครับ เรื่องการเขียนหนังสือของพี่ ดูเป็นความฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อม พี่เขียนสม่ำเสมอ เพื่อลูก เพื่อครอบครัว เพื่อตัวเอง หรือเพื่อคนรอบข้างที่ชอบตัวหนังสือของพี่ เขียนไปเรื่อยๆนะครับ ผมจะตามอ่าน ขอเป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งคน ไว้คุยกันอีกนะครับ ขอตัวทำงานครับ วันนี้มาสายมากแล้ว เพราะจัดการอาบน้ำให้ลูกชายเหมือนเคย ทำงานให้มีความสุขครับ ฝากสวัสดีหนุ่มน้อยทั้งสองคนของพี่ก่อพงษ์ด้วยนะครับ
29 ตุลาคม 2548 21:37 น. - comment id 531516
สวัสดีครับคุณมัท ขอบคุณครับที่แวะมาทักทาย ช่วงที่ผ่านมาผมรู้สึกเหน็ดหน่ายเอาการ ตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว คิดว่ามันคงเป็นแค่บางช่วง ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นเท่าไหร่ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ดีที่มันอยู่ด้วยไม่นาน ผมปลูกสะเลเตไป 5 กอ ได้พันธุ์มาจากกาฬสินธุ์ครับ กลิ่นสะเลเตนี่หอมเย็นจังครับ ออกจะคล้ายดอกก้านของหรือกาสะลองมากๆด้วย เอาวางไว้ที่โต๊ะทำงานก็หอมนาน คือหอมอยู่ทั้งวัน ชื่นใจดีครับ คุณมัทสบายดีนะครับ อากาศยังไม่หนาวเลย ผมอยากให้รีบหนาวๆซะที จะได้ห่มผ้านวมอุ่นๆ หรือไม่ก็ผิงไฟจิ่ข้าวกินรอบกองไฟกัน คิดถึงคุณมัทเช่นกันครับ
30 ตุลาคม 2548 19:27 น. - comment id 533003
สวัสดีครับคุณอัลมิตรา ดอกไม้สีขาวตามรูปคือสะเลเตครับ ช่อดอกบนต้นไม่ดูบอบบางมากแบบนี้ดอกครับ ผมใช้สแกนเนอร์ สแกนมาเลยเป็นอย่างที่เห็น ทั้งแบนทั้งบอบบาง เวลาเขาออกดอกพร้อมกันสะพรั่งพราว หอมชื่นใจดีครับ
30 ตุลาคม 2548 19:40 น. - comment id 533005
ทักทายคุณมะกรูดครับ ยายบอกผมว่าสะเลเตเป็นดอกไม้ที่ชาวบ้านไม่ใช้บูชาพระ กับมีคำกล่าวด้วยว่า แม่ดอกสะเลเต ผัวพาเพพังร้าง เป็นแม่ฮ้างบ่เป็นเฮือน คงเพราะอย่างนั้นมั้งครับ คือมีความหมายนัยไม่เป็นมงคล เรื่องความรักไม่ยั่งยืน บางคนจึงถือ คือไม่เอามาทัดหู แล้วคุยกันอีก ขอบคุณครับผม
30 ตุลาคม 2548 19:57 น. - comment id 533009
สวัสดีครับคุณร้อยแปดพันเก้า จริงครับ ไม่ได้คุยกันนานเลย อากาศเริ่มหนาวเย็นตอนค่ำวันนี้เอง กลางวันน่ะแดดเปรี้ยงๆอยู่เลยครับ ทุ่งนาตอนนี้เริ่มเห็นสีเหลืองทองตัดกับสีเขียวเข้มแล้วครับ ที่เห็นสีเหลืองนั่นเป็นข้าวเบานะครับ ข้าวเบาเป็นข้าวที่เหมาะกับนาในที่ดอน น้ำน้อย ข้าวจะออกรวงสุกและเก็บเกี่ยวได้ก่อนข้าวหนัก นาบางแปลงเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวเบากันแล้ว เป็นภาพที่สวยงามมาก คุณร้อยแปดพันเก้าชอบโคลงหรือครับ ผมเองเพิ่งชอบนะ แต่ก่อนนี่ผมไม่สนใจเลย คือไม่กล้าแตะต้อง เห็นเพื่อนเขียนโคลง แหมผมล่ะทึ่งเอามาก ๆ เมื่อมาเขียนผมเริ่มรู้สึกถึงเสน่ห์ของฉันทลักษณ์นี้เข้าให้แล้วครับ ก็คงต้องศึกษาจากครูอาจารย์ต่อไปอีก ผมเพิ่งเริ่มต้นครับ ขอบคุณสำหรับแรงใจต่อไฟฝันของผม เมื่อหนังสือเล่มที่ผมพูดถึงเป็นรูปเป็นร่างผมจะเขียนคำอุทิศแด่คุณร้อยแปดพันเก้า แห่งไทยโพเอ็มเลยนะครับ ลมตะวันกับปานตะเว็นคงดีใจมากครับที่รู้ว่ามีมิตรของพ่อฝากคำทักทายมาถึง ขอบคุณมาก ๆ คงได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันต่อไปอีกนะครับ
30 ตุลาคม 2548 21:48 น. - comment id 533030
คุณก่อพงษ์เขียนโคลง อ่านแล้วรู้สึกละเมียดละไมดีจังค่ะ เพิ่งเคยเห็นดอกสะเลเต ก็จากภาพนี้ สวยขาวสวยดีนะคะ มาทักทายก่อนนอนค่ะ
29 ตุลาคม 2548 21:28 น. - comment id 533631
หลังบ้านมัดหมี่กำลังบานสพรั่งค่ะพี่พงษ์ หอมสดชื่น เย็นใจค่ะ คิดถึงพี่พงษ์นะคะ แวะมาทักทายยามที่นั่งหน้าจอตรงกันค่ะ
30 ตุลาคม 2548 22:55 น. - comment id 536014
เพลงสายัณห์ รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาชุดเดียวกับไอ้หนุ่มรถไถ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะขึ้นต้นว่า คึดฮอดอ้ายแหน่เด้อแม่ดอกสะเลเต หรือไร? มันนานแล้ว เคยซื้อมาสะสมไว้ฟังแต่ทำหายไปแล้ว เดี๋ยวซื้อใหม่ ทว่า จากปากช่องมา..... เป็นของสัญญา พรนารายณ์ นะ คนละคน ได้อ่านแล้วอยากแต่งผญา ว่าสิปลูก ดอกซ้อน ซอน ฮ่ม สะเลเต หาผู้เท ดินถม ก้มลง หดน้ำ คนผู้งาม คือน้อง สองตาสิแนมเบิ่ง (บ่หนอ) เพิ่นผู้เดือนอีเกิ้ง เทิงฟ้าข่มดาว เดี๋ยวมาแต่งต่อ เอาแบบผญาเกี้ยวเนาะ เอ๋ เกี้ยวใผดีหว่า เขาสิอ่านฮู้เรื่องนำเฮาบ่นี่
31 ตุลาคม 2548 06:57 น. - comment id 536030
สวัสดีครับ เมื่อตะกี๊ผมเขียนตอบคุณเพรง.พเยียกับครูใหญ่ไป คลิกโพสต์แล้วก็หายแว้บไปเลย ความผิดพลาดนั่นเป็นเพราะตอนคลิกไมได้ดูว่าการเชื่อมต่อเน็ตมันหลุดไปแล้วหลายนาที คราวนี้คงสำเร็จครับ ผมได้ฟังผญาบ่อยมากๆตอนเรียนประถมมัธยม ฟังทางสถานีวิทยุ สำเนียงของโคลงที่ผมเขียนติดมาจากผญาอย่างแน่นอน โคลงที่ผมเขียนลงเสียงท้ายวรรคแรกกับท้ายวรรคสุกท้ายเป็นเสียงจัตวานั่นเพราะผมรู้สึกว่ามันหวานมากๆ และถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองเมื่อใช้คำเข้ากันมันก็จะประชดประชันสาใจสุดๆ ผมเลยเลือกใช้เสียงแบบนั้นเรื่อยมาครับ - อันนี้ก็ต้องขอบคุณบรรพชนของผมกับขอบคุณคุณวฤกคุณเวทย์ด้วยที่มีบทความเกี่ยวกับร้อยกรองโดยเฉพาะโคลงให้ผมได้อ่านในsiampoetry.com ผมเข้าไปอ่านแล้วจดจำเอามาใช้พัฒนาการเขียนของตนเองครับ - มาเรียนรู้เอาตอนแก่น่ะครับ แต่ผมก็คาดหวังว่าตัวเองจะเขียนได้ดีขึ้น เพลงสัญญาเมื่อสายัณห์ เป็นของสัญญา พรนารายณ์ ใช่แล้วครับ ผมจำผิด ขอบคุณครูใหญ่ครับ แล้วผมจะเขียนผญามาประชันนะครับ น่าสนุกดี
31 ตุลาคม 2548 11:01 น. - comment id 536092
สวัสดีครับผม....รู้สึกผมเพิ่งเคยเห็นคุณก่อพงษ์เขียนโคลงนะ..เอหรือว่าเมื่อก่อนก็เขียนแต่ผมจำไม่ได้....รักษาสุขภาพนะครับ..เชียงใหม่ฝนตกมาสองวันแล้วเช้านี้ก็ยังไม่หยุดต้องซิ่งมอไซด์ฝ่าฝนมาทำงาน....
31 ตุลาคม 2548 11:46 น. - comment id 536102
สวัสดีครับคุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ อา...ยังมีฝนอยู่อีกหรือครับ หนาวๆเปียกๆนี่แย่เลยนะ ถ้าหนาวแล้วแห้งๆนี่น่าจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็สบายตัวกว่า ผมเขียนโคลงเมื่อไม่นานมานี้เอง บทที่สองที่ผมถือว่าผมเขียนโคลงคือบทที่ชื่อ อะนาเดอะ 3 คัลเลอร์ซ แฟล็ก ผมจำเนื้อความได้ว่า.. 1. เริงเรืองฤาจึ่งรั้น................เรอเหลิง อันเอ่ยเอยสุมเพลิง............ถิ่นด้าว ไฟลามต่อวงเวิง...............โหมใหญ่ ไทยใหม่ฤทัยร้าว..........หน่วงท้นขุกถม 2. รันทมใครเอ่ยถ้อย..............ถาบ ถาง ขีดเถื่อนแถกเขตทาง.........ต่ำใต้ ลันเลงหล่มเลนพลาง......โยนบาป คำสาปราวแผกไท้........ต่างเชื้อพงศ์ฉวี 3. สาดสีแปรเปลี่ยนชั้น.............ชนเข็ญ แดงดั่งกับกากเดน..............อ่อนด้อย เหลืองเหลือหล่มดินเลน.....ลดหลั่น เขียวอ่อนออออดสร้อย.....ยื่นน้ำ-นมขาย 4. ไกลกลายไปห่างแล้ว..........ฤาขวัญ จึงแบ่งขอบเขตกัน...........บ่เอื้อ ไตรรงค์ร่ำรำพัน...........สีเปลี่ยน แล้วฤา ธงแจ่มเคยอะเคื้อ....แต่นี้เป็นไฉน บทนี้เขียนตอนที่คุณทักษิณขายไอเดียแบ่งโซน 3 สีใหม่ๆครับ คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ไม่ค่อยเห็นโคลงของผมก็ถูกต้องแล้วครับ ผมเขียนน้อยมาก ขอบคุณครับผม