ขออย่าว่าเขียนหาสังฆราช ใช่อุกอาจแอบมองห้องกลอนอื่น เห็นวิธีเขียนงานแต่วานซืน รอยแห่งฝันนั้นกลืนท่วมอุรา ..... ............ ....................... ............................. ขออย่าว่าข้าฯถามวรรณปราชญ์ ฤๅว่าสังฆราชทางภาษา ฤๅท่านครวญงานเสนาะเพราะปัญญา พลิกฝ่ามือวันทา..หากลอนงาม ทิกิ_tiki ครวญหา...งานงาม..ถามสังฆราช ใดฤๅ..เรียกกลอน..งาม?
13 พฤษภาคม 2548 11:38 น. - comment id 466235
ต่ออีกสักบทสองบท...ไม่จุใจ ^___^
13 พฤษภาคม 2548 11:45 น. - comment id 466241
Glon Ngam #1 โดยเหตุที่ข้าฯ ถาม ข้าฯจึงอยากฟังความเห็นท่าน ส่วนคำในใจข้าฯที่เขียนเก็บไว้ อาจมิใช่กลอนงามในสังคมก็ได้ จึงมินำลงเกินกว่านี้จ้า
13 พฤษภาคม 2548 12:40 น. - comment id 466264
เล่ห์กระเท่หลากหลายใจคดเคี้ยว อยากจะเกี้ยวสังฆราชที่มาดหมาย เขียนกลอนงามตามกระทู้ดูง่ายดาย เพื่อจะเอาพิมพ์ขายกำไรงาม เขารู้ทันหรอกน่า สองเล่มก่อนเหลือเบะต้องแจกตามวัด เลยต้องหาวัตถุดิบ
13 พฤษภาคม 2548 13:07 น. - comment id 466288
Glon Ngam # 3 คนอะไรใจแปลกประหลาดเหลือ กลอนนี้เดิมตอบเผื่อท่านผู้หนึ่ง เป็นคำบ่นแบบว่า เขียนรำพึง ว่า..ไยจึง..เขียนกลอน..มิอ้อนใคร .....เขียนตอบเขาเอาความตามที่เห็น เขียนไว้เป็นแปดบทกลอนตอนเช้าได้ แต่จะนำมานี่มิดีใจ นำมาไว้แค่สองพอ...ขอปิดทาง ....เพราะบางคนหน้าทนทานทายาด เข้ามาฟาดฟันนักกลอนร้อนรนหาง เห็นใครเด่นเป็นมิได้ให้ระคาง ปาดแขวะข้างรอบตน...จนปัญญา ......ข้าฯนั้นตอบชอบไว้..ใจความนี้ ว่ามิมิมุ่งหมายสอบรายท่า มิได้สอนสังฆราชผงาดมา แต่ปรับความ...เขียนหา..เพื่อยาบุญ ......อันเมตตานำใจให้ใสสุข ส่วนตัวท่านนั้นทุกข์..จนหัวหมุน มิได้รู้เลยว่าใครเขาเจือจุน หากว่าขายรวยจะลุ้นทำให้รวย .....โธ่พ่อคุณพ่อมหาจำเริญยิ่ง ที่รวยจริงเพราะออกแบบบ้านจนสวย ลูกค้าฉันนั้นแต่งบ้านเอื้ออำนวย เงินเขาช่วยจรรโลงมาเป็นค่าพิมพ์ .....เขียนแบบทีอย่างน้อยน้อยก็ครึ่งล้าน แต่เขียนกลอนแจกชาวบ้านนั้นจุ๋มจิ๋ม ไม่กี่พันอย่างมากหมื่นยืนเก๊กซิม หากหยุมหยิมเรื่องกลอนนอนจนตาย โฮ้ยพ่อคุณพ่อมหาจำเริญ ใครเขียนกลอนรวยก็ไปเขียนเถิด ฉันเจตนาพิมพ์รวมกลอนไว้แจกในบั้นปลาย อาศัยเงินหุ้นส่วนคู่ชีวิตเขียนรูปแบบบ้านที ได้หลายแสนมาเจือจุนชีวิตอยู่นะพ่อคุณ ใครคิดว่าเขียนหนังสือเอารวยก็ฝันไปเถอะพ่อ .....แล้วก็เที่ยวไปด่าว่าชาวบ้านเขาไปที่วน่ะ คิดดีแล้วหรือ...? ทำอะไรแปลกๆนะพ่อคุณพ่อมหาจำเริญ กลอนนี้มีมาจากเว็บอื่น...เห็นเขาไปเขียน สงสัยตัวเขาเองว่าทำไมเขียนกลอนกระด้าง ข้าพเจ้าก็ไปตอบไว้ยาวมากแต่ไม่นำลง ลงไปแค่บทสองบท แอะอีกสองบทก็มาเขียนเล่นหาเพื่อนที่นี่ พ่อคุณเลิกนิสัยแขวะกัดเขาไปทั่วสักทีเถิด ไม่จำเริญดอกนะ ทิกิ
13 พฤษภาคม 2548 13:20 น. - comment id 466294
งามคิด งามคำ งามความหมาย ท้าทายสังคมอุดมการณ์เสื่อม กรอบกดขบถกล้าระอาเอือม กระเพื่อมอารมณ์ไหวคมกานท์
13 พฤษภาคม 2548 14:00 น. - comment id 466309
ความคิดเห็นที่ 3 : หมายเลข 469191 เล่ห์กระเท่หลากหลายใจคดเคี้ยว อยากจะเกี้ยวสังฆราชที่มาดหมาย เขียนกลอนงามตามกระทู้ดูง่ายดาย เพื่อจะเอาพิมพ์ขายกำไรงาม เขารู้ทันหรอกน่า สองเล่มก่อนเหลือเบะต้องแจกตามวัด เลยต้องหาวัตถุดิบ สังฆโลภ 13 พ.ค. 48 - 12:40 ไม่บอกก็รู้เลยว่า พาล คนพวกนี้มีไม่มากหรอกในโลกวรรณกรรม ครึ่งคนในหนึ่งล้าน...
13 พฤษภาคม 2548 14:00 น. - comment id 466310
มาเยี่ยม...ขอรับ
13 พฤษภาคม 2548 15:19 น. - comment id 466342
Glon Ngam # 5 งามคิด งามคำ งามความหมาย ท้าทายสังคมอุดมการณ์เสื่อม กรอบกดขบถกล้าระอาเอือม กระเพื่อมอารมณ์ไหวคมกานท์ plaing_piu 13 พ.ค. 48 - 13:20 ที่ถามความแต่แรกนั้นฉันเพียงรื้อ คำถามคือไยกระด้างมิทางหวาน ส่วนกลอนงามอุดมความอุดมการณ์ เป็นรากฐากเหล่าประชาธิปไตย .......ก็เห็นเช่นเดียวกับเพลงผิว ว่านำลิ่วความเพื่อชนผู้เป็นใหญ่ คืนชนชั้นลงเสียให้พี่ไทย ได้ขึ้นครองรัฐไซร้ไปสี่ปี นี่ก็งามเหมือนกันนะคะเพลงผิว ขอบคุณที่มาเยือนค่ะ ทิกิ
13 พฤษภาคม 2548 15:26 น. - comment id 466346
Glon Ngam # 6 .....แวะมาตอบความในยามบ่าย แดดร้อนผ่อนคลายฟ้าเทา..ฝัน ลมร้อนริษยาอาฆาตนั้น แก้ไม่ได้..เป็นสำคัญในสันดอน... ขอบคุณคุณนาวาที่แวะเข้ามาดูกลอน อย่างไรก็ไม่ลงทั้งหมดหรอกค่ะ แต่เขียนไว้ในเว็บแต่เช้าเพราะตื่นขึ้นมา แวะดูกลอนบ้านนี้เสียหน่อยแล้วก็ไปดู บ้านอื่น... มีเมตตาเห็นกลอนรำพันว่าเขาไม่เขียน กลอนสละสลวยพริ้งพรายเขาทำไม่ได้ เขาคิดว่าเขาเขียนกลอนกระด้างหรือไร ก็เลยเกิด..เมตตาที่จะตอบค่ะ ครั้นแล้วก็ฉุกใจเก็บกลอนไว้ เพราะทางใครก็ทางมัน... มิสมควรไปสอนหนังสือสังฆราช จึงจบกลอนไว้เท่านั้นเองไปลง แค่สองบท แต่ก็ดีค่ะมีคนมาช่วย ทำให้ตอบได้ยาวย้อนเอาไปลงไว้ ให้หลายท่านดูความต่อเนื่องในคำตอบ ได้อีกเหมือนกัน ยินดีที่แวะมาค่ะ
13 พฤษภาคม 2548 15:37 น. - comment id 466352
Glon Ngam # 7 ขอขอบคุณมนต์กวีที่เฝ้าดูค่ะ ทิกิ
13 พฤษภาคม 2548 16:30 น. - comment id 466376
ลืมค่ะ เรื่องวันที่23 พฤษภาคม จันทร์โน้น อยู่กระทู้นี้ล่าสุดคุณนกตะวันเขียนไว้ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/board3696.html และ ของเก่าที่คุณkif 3rd เขียนไว้หายไปค่ะ แล้วจะไปค้นมาโพสไว้ให้ค่ะ เฮ้อ
13 พฤษภาคม 2548 18:09 น. - comment id 466432
กลอนงาม อย่างไง ไม่รุ้ อ่ะ รุ้แต่ ว่า อ่าสนแล้ว ถูกใจ อ่านแล้ว ได้ อารมณ์.......... ได้ ได้ และ ได้ นั่น คือ กลอนงาม สำหรับหนูค่ะ .........
13 พฤษภาคม 2548 18:51 น. - comment id 466455
งามจนกระแทกใจ งามกระชากใจ งามซึ้งใจ งามอวลใจ งามนักละค่ะ ขอบคุณคุณดาหลา&ปะการังนะคะ ทิกิ_tiki
13 พฤษภาคม 2548 20:34 น. - comment id 466529
มองกลอนว่างามตามจิต มองให้สนิทชิดใกล้ มองงานนั้นมองตามใจ อย่าไปสนใจใครเลย แวะมาเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
13 พฤษภาคม 2548 21:34 น. - comment id 466576
เพราะหทัยเขียนขึ้นมา จึงมีคุณค่ามาจากใจ จึงอ่อนโยนละมุนละไม จึงฝากไว้ในจิตเรา ขอบคุณคุณผู้หญิงไร้เงาค่ะ ทิกิ
14 พฤษภาคม 2548 10:44 น. - comment id 466810
งามในความรู้สึกของเราค่ะ
14 พฤษภาคม 2548 23:42 น. - comment id 467149
กลอนงามงามที่หลั่งจากดวงจิต งามที่มิตรฝากให้มิตรรับสนอง งามคำคล้องงามเนื้อหางามครรลอง งามเพราะต้องใจคนอ่านงามเลิศเลอ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นตอนต้น ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ขอแจมด้วยด้านบวกนะก๊ะ
15 พฤษภาคม 2548 13:14 น. - comment id 467316
Glon Ngam # 16 ขอบคุณที่แวะเขียนว่ากลอนงาม เป็นอย่างไร ในบางครั้งเรายอมรับว่า กลอนหวานพริ้งนั้นงามนัก แต่ในบางขณะกลอนที่แรงด้วยความหมาย แรงในความจริงใจก็งามเช่นกัน และ กวีชายส่วนใหญ่เขียนแรง แต่งาม...ไม่ใช่กระด้างอย่างที่เขาเขาใจ คำที่เขาถามตัวเขาเองว่าทำไมเขา เขียนกลอนกระด้างไม่งาม ไม่เป็นความจริงเลยนะคะ นี่คือคำตอบที่ ทิกิ_tiki เขียนไว้แต่ ไม่นำลงเพราะอยากฟังความเห็น เพื่อนๆทุกคนที่นี่ค่ะ
15 พฤษภาคม 2548 13:17 น. - comment id 467319
Glon Ngam # 17 คุณ ชลันธีร์เขียนกลอนงามได้งามจริงด้วยค่ะ ที่เกิดแต่ต้นก็ไม่มีอะไรค่ะ คนบางคนคิดว่าเหล่ากวีที่นี่ เป็นพวกไร้หัวใจคิดแต่เรื่องโลภโมโทสัน เขาก็แสดงความรู้สึก ด้านลบของเขา ออกมาในหน้ากระทู้เรา.. ซึ่งก็จำเป็นต้องตอบให้ทราบเช่นนั้น มิใช่ว่ามีหน้าว่างของคำตอบจะเข้าไปว่า ใครต่อใครเขาทำราวเป็นผู้พิพากษา มันมิได้ดอกค่ะ... เท่านั้นเองนะคะ ไม่มีอะไรดอกค่ะ ขอบคุณ คุณ มากที่แวะมาเยี่ยมค่ะ