บุญ.....พลัดปลิว ตาสว่างพร่างพราว เหินหาวก็หันเห ฤาจิตใจรวนเร รักเร่ก็ลอยลม รอคอย..เหมือนลอยคอ ตัดพ้อพรูพร่างพรม จะสืบจะสร้างสม ร้อยคมคารมคลาย เพียงจิตพิศวาส สมมาตรก็เปล่าดาย ปราถนาเพียงผ่อนสาย ตึงคล้ายกระชากลอย ชีวิตเพียงหนึ่งว่าว ท้าร้าวให้หล่นผลอย ลมปลิวพริ้วพร่างพร้อย หลงคอย...คงเสียคน ทิกิ_tikiคืนพระพุธ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘ ตีหนึ่งกับอีก สิบเก้า นาที กลอน๕ ของข้าพเจ้ามิใช่ยานีนะท่าน
12 พฤษภาคม 2548 06:36 น. - comment id 465564
ชิวิตลิขิตเขียน ต้องพรากเพียรเรียนบทหนัก เหนื่อยนักก็หยุดพัก ก่แนจะหักจนหันเห แวะมายามเช้าเลย
12 พฤษภาคม 2548 07:11 น. - comment id 465594
ลอยคอเพื่อรอคอย ประดับพลอยสว่างจินต์ โอกาสก็โผผิน กระพือบินทะยานไป สืบเสาะจนสุดฟ้า จะสุดหล้านภาลัย ว่าวน้อยจะลอยไป ละลอยล่องสนองทรวง ลมปลิวพะพร่างพร้อย ก็หลุดลอยไปทั้งดวง พายพิศประคองปวง ผกามาศปลาตปอง มาชื่นชมผลงานค่ะ มาแต่งตอบ กลอนพาไปไหนไม่รู้เลย
12 พฤษภาคม 2548 09:59 น. - comment id 465675
หลงปายหนายหนอ แวมาทายยามสายๆครับ
12 พฤษภาคม 2548 10:20 น. - comment id 465689
แวะมายามเช้าชื่น นำหน้ายื่นมาปราศรัย คิดถึงดวงหทัย พบผ่องใสให้ยินดี..*** เอียงคอลอยหน้ามาทักทาย ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ
12 พฤษภาคม 2548 12:05 น. - comment id 465728
Pladpliw 1 คุณผลิใบ ฯ ขอบคุณที่แวะเวียน มาเขียนแอบมาขอ ขอบคุณที่เฝ้ารอ จารพ้อคอยต่อคำ ขอบคุณน้ำใจเสมอมาค่า
12 พฤษภาคม 2548 12:12 น. - comment id 465730
Pladpliw #3 BongNothMaRu 12 พ.ค. 48 - 09:59 จะพลัดก็ปลิวหาย พระพายก็พาวน หลงเล่ห์เสน่ห์กล เลือนหายกับสายลม ขอบคุณที่แวะมาช่วยมองหาค่า
12 พฤษภาคม 2548 12:10 น. - comment id 465732
Pladpliw #2 ภาวิดามาดี ยานีมิใช่เริง กลอนห้าพากระเจิง ละเล่นเลือกเฟ้นคำ หยุดยั้งเพื่อหยุดหยอก สติตอกอย่าถลำ ตึงนักจงผ่อนคำ จำไว้เพื่อเป็นครู ขอบคุณที่แวะเวียนค่า กาพย์ยานีคุณไพเราะค่ะ ไม่กลอนพาไปหรอก ค่ะ ถึงพาไป ก็ยังไม่หลุดลอย อิอิ มาหลุดแถวนี้บ่อยๆไม่เป็นไร ชื่นชอบ ชื่นชอบ
12 พฤษภาคม 2548 12:15 น. - comment id 465735
Pladpliw #4 คุณกอกกยกคอ เอียงรอมาธารี ยินเสียงก็ยินดี พบหน้าค่าหทัย ยินดีค่ะยินดี..แว้บมาตอบกลอนตอนเที่ยง นิดหนึ่งบ่ายนี้ต้องออกไปเก็บหนังสืออีก รอบค่า
12 พฤษภาคม 2548 19:26 น. - comment id 465963
เอ๋ กลอน ๕ นี่ วรรค ๓ กับ ๔ นี่ไม่ต้องสัมผัสกันก็ได้เหรอคะ
12 พฤษภาคม 2548 23:35 น. - comment id 466079
รอคอยเหมือนลอยคอ ทดท้อจนหมองหม่น กับใครที่ไปพ้น ไม่กลับจนฉันเปลี่ยวใจ แต่งได้ดีค่ะพี่
13 พฤษภาคม 2548 01:12 น. - comment id 466104
Pladpliw #9 ที่ถูกอย่างยิ่งก็ควรสัมผัส แต่บางครั้งไม่สัมผัสก็ไม่ผิดอะไร ถ้าพอใจจะเขียนค่ะ ขอบคุณที่แวะมาทัก...คือคำตอบที่ตอบคนอื่น ก็เขียนแบบสบายใจไม่ต้องเป๊ะเป๊ะเป๊ะ อย่างนั้นวิญญาณข้าพเจ้าคงระทมทุกข์ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ทิกิ
13 พฤษภาคม 2548 01:18 น. - comment id 466105
Pladpliw # 10 ......ผ่อนยาวก็ย่อหย่อน มิผ่อนก็เครียดขึง ลมบนก็ลมตึง ว่าวจึงลอยลิบไกล คุณผู้หญิงไร้เงาขอบคุณที่แวะเยือนค่ะ ขอบคุณคุณภาวิดาอีกหน พยายาม...พยายาม..อยู่ในโอวาท อิอิ
16 พฤษภาคม 2548 17:33 น. - comment id 467946
เริ่มต้นด้วยกลอนห้า ตาพร่าเป็นญาณี คุณทิกิใจดี เขียนนู่นนี่ให้อ่าน เชื่อฟังคำสั่งสอน นั่งนอนอยู่เนิ่นนาน ดูความแตกต่างกานท์ พบพานจุดข้องใจ พาลนึกว่าญาณี หรือญาณีพาไป ให้กลอนกลายรูปไป สัมผัสไม่เป็นตาม จุดผิดไม่ควรทัก กับดักไม่ควรถาม วาจากระชากน้ำ ใจงามให้ลอยลม รอคอยจนลอยคอ รั้งรอรอยระทม ว่าวน้อยหลุดลอยลม วาจาคมบาดใจ
16 พฤษภาคม 2548 17:58 น. - comment id 467958
ตุบตับเข้าตบหัว ถึงตัวก็ลูบหลัง เจ็บนี้โดนอย่างจัง ภายหลังพรั่งคำชม ภาษาสื่อใจจิต สิ่งที่คิดทับถม ออกมาเป็นคำคม บาดระบมคมความ ใจเจ็บที่ตบหัว ลูบหลังกลัวไม่งาม นั่นก็แค่ทำตาม ชาวสยามนิยม ใจหรือจะไม่คิด แค่คำนิดที่รสขม หวานหวานแค่ลานลม มิสุขสมในกลกานท์ หากข้าเข้าใจผิด ตีภาษิตมิแตกฉาน ขอกล่าวอย่างคนพาล อ่านสารผิดโปรดอภัย
16 พฤษภาคม 2548 18:28 น. - comment id 467966
เก็บโกรธมาจากไหน เขียนใส่จนสุขสม คนรองรับอารมณ์ นั้นหรือต้องเป็นเรา ข้านั้นมาแต่ดี ไม่มีทุกข์รุมเร้า ลอยลมเพียงบางเบา ไฉนเขาเสียดสี คนเราบ้างก้าวร้าว บ้างสามหาวในที แต่ถ้าตรองให้ดี ไม่มีการหมองใจ อาจเพราะละเอียดอ่อน ยอกย้อนคำพูดใคร ก่อนพูดคิดทำไป สำรวจใจคนเคียง เขานั้นจะรู้สึก กับสำนึกที่เรียง ไม่ใช่แต่แค่เพียง สักส่งเสียงลงไป ใจตนอาจไม่รู้ ไม่ดูความคิดใคร สุดท้ายสะท้อนภัย เข้าใส่ใจตนเอง แทนที่จะเป็นสุข แสนสนุกครื้นเครง กลับจนกับเสียงเพลง ที่ตนเองร้องไป เสียงสะท้อนตอนนั้น กลับประจัญหมายใจ คมคิดรานเลศนัย คืนเข้าใส่จ่อมจม ไอคิวมีอีคิว เพื่อแสดงอารมณ์ ที่ถูกกับสังคม มิเกิดปมก้าวเกิน ตำหนิเพียงติเตียน เพิ่มเพียรสิ่งเจริญ น้อมรับไว้เถิดเทอญ น่าสรรเสริญกว่าใคร
16 พฤษภาคม 2548 18:56 น. - comment id 467980
วาจาชี้ประชด บางบทได้อะไร ส่องเห็นถึงจิตใจ มิซื้อใสต่อกัน เพียงมดงานตัวน้อย แลจ้อยคราประชัน ต้องได้รับโทษทัณฑ์ จากท่านด้วยเหตุใด ท่านพี่ผู้สูงส่ง ท่านประสงค์ในสิ่งไหน ข้าไม่เคยสนใจ มิได้จะขันแข่ง ใหญ่แล้วทรนง สูงส่งจรัสแสง น้ำหมึกที่ลงแรง น่าจะยกจิตใจ ท่านที่ข้ารู้จัก สร้างสลักงานใด น่าชมอยู่เรื่อยไป ไม่เคยไร้ค่า แต่ถึงครานี้ จะไม่มีราคา เสียงแรงสู้อุตส่าห์ ปรับประดาพากเพียร คำพูดที่ดูถูก ดูผูกเจ็บใจเจียน สำนวนที่เคยเรียน ไม่ว่าเวียนให้ร้าย สมแล้วที่คนกล่าว สาปสาวให้เสียหาย สังฆโลภมิกลัวตาย เสียดายมิรู้นาม เขาคือสังฆราช มาโปรดสอนสั่งความ มาปลุกผู้ยิ่งหยาม คืนข้าม...อย่าลืมตัว
16 พฤษภาคม 2548 19:17 น. - comment id 467993
ข้าไม่คิดติดใจ ปล่อยให้ท่านตบหัว แต่อยากให้คิดทั่ว ตบหัวอย่าลูบหลัง คนอยู่กันดีดี ใครจะรี่ชิงชัง กระทบเทียบคนดัง รู้เราพังแน่นอน แต่คนดังอย่างนี้ ออกคัมภีร์โรยร่อน ซื้อไม่ขอเงินทอน ดีเต็มก้อนราคา คนลือเลื่องกันไป สนิทใจนักหนา หารู้ก่อกริยา น่าประนามหยามยัน แสนเสียดายกวี มีน้อยลงทุกวัน เจอคนดีคนนั้น กลับกร่างกั้นแผ่นดิน เอาเถิดเจริญแล้ว ใหญ่แล้วมีศักดิ์ศีล ข้าใจเดี่ยวเกลียวปีน ไม่เคยลืมตีนตน
23 พฤษภาคม 2548 00:07 น. - comment id 470139
คุณ ภาวิดา อย่าไปคิดมาก มิมีอะไรดอก บทกลอนแต่ละวัน ก็มาจากที่ต่างๆที่กระทบให้ใจเขียน มิได้ขึ้งโกรธคุณ หรือโกรธใคร แต่อันสังฆโลภ นั้นมิดีแน่ เพราะที่ไปเขียน ล้อเล่นกันที่บ้านจอมยุทธ กับ เพื่อนที่นั่นก็ด้วยใจกรุณา เห็นเขาบ่นว่าทำไมกลอนเขากระด้าง ครั้นเราตอบไป จะกลายเป็นไปสอน สังฆราช แบบ คำพังเพย สำนวนไทย น่ะค่ะ ก็เขียนตอบไปอย่างนั้น แต่บางคนเข้ามาอ่านแล้วเข้าใจผิด ก็ว่ากันไป ไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณดอก ไปทำใจให้ สบายๆเสียนะคะ เฮอ เพิ่งเข้ามาเห็นนะคะเนี่ยว่าคุณมา เขียนตอบยืดยาวอย่างเสียใจอะไรแบบนี้ อย่าไปคิดอะไรมากมาย เป็นธรรมดา ในเว็บ ไม่เห็นหน้าเห็นตาเวลาพูดคุย ไม่มีอะไร ร้ายแรงอะไรทั้งสิ้น สบายใจได้ ดิฉันไม่เคยอาฆาตมาดร้ายโกรธใครดอกค่ะ มิฉะนั้นหน้าตาคงไม่ยิ้มเสมอ คงจะ โกรธขึ้งคนหน้าบูดไปเสียเท่านั้น ชีวิตคนเราก็มีเรื่องให้คิดพิจารณามากมาย ตัวเลขก็ยุ่งกว่าตัวอักษรนักค่ะ อย่าคิดมากนะคะคนดี สบายได้เสียทีนะ ถึงคุณจะเขียนอย่างไร ก็อ่านไปอย่างนั้น เองแหละค่ะ คุณภาวิดา มันไม่เป็น ความทุกข์อะไรหรอกค่ะ แต่เก็บ บทประพันธ์คุณไว้อ่าน ให้คนอื่นอ่านกันไป...คงไม่ถือสานะคะ ทิกิ
24 พฤษภาคม 2548 09:48 น. - comment id 470343
ว่าไปคนเราบางคนก็คิดมาก คิดละเอียดไปกว่าคนทั่วไป พูดอะไรนิดอะไรหน่อยก็น้อยใจง่าย เก็บเอามาคิดไปซะหมด ก็ขอโทษด้วยนะคะ ที่นำประโยคตักเตือนบางอย่าง มาคิดมากให้เป็นเรื่องเป็นราวทุกข์แก่ตัวเอง กลอนอาจจะพาไป และธรรมชาติของวัฒนธรรมท้องถิ่นของเราที่แตกต่างกัน อาจจะทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น ทุกคนพอใจที่จะอยู่ร่วมกันด้วยความแตกต่างที่ทุกคนมีแบบประนีประนอม มิพอใจอะไรก็ผ่อนสั้นผ่อนยาว เก็บ ๆ กันไว้ แต่เนื่องจากเขียนกลอนตอบตามแบบแผนกันอย่างนี้ ผิดไม่ยอมรับผิด กลับบอกว่า \"พอใจที่จะเขียน\" อารมณ์เดือดก็เลยออกมาแบบกลอนที่พอใจจะเขียนเหมือนกัน ก็เลยเป็นเช่นนี้แล อีกฝ่ายแค่พูดเฉย ๆ แต่อีกฝ่ายกลับนึกว่าแรง เลยแรงกลับ ดังกฏข้อที่สามของนิวตัน เป็นอย่างนั้นไป ความแตกแยกแบบเข้าใจผิดนั่นเอง ขอโทษอีกครั้งค่ะ