นกหลงไพร

นกขมิ้นเหลืองอ่อน


หากจะหลบเดินลงตรงหลังฉาก
จะครวญคร่ำซ้ำซากอีกมากไหม
หากตัดบัวทิ้งเยื่อไม่เหลือใย
กลัวหัวใจจะโอดพร่ำย้ำอาวรณ์
 
เหมือนเสพย์พิษติดกัญชามาเรื่อยเรื่อย 
มันนิ่งเนือยเมื่อขาดแม้อยากถอน
เฝ้าแต่เขียนเพียรแต่คิดจิตเว้าวอน
ยามจะนอนนอนไม่ได้หากไม่ครวญ
 
เขียนชีวิตขีดอารมณ์บ่มสำนึก
ถลำลึกหลงแร้วอยู่แนวสวน
สวนอักษรซ่อนพรานป่าไร้พร้าทวน
เพียงเสียงหวนแว่วหวานสะท้านใจ
 
เดินมาไกลเกินกว่าจะกล้าหลบ
ตะวันพลบจันทร์ผิวขลุ่ยหวิวไหว
จะเลี่ยงลงหลังฉาก...ลำบากใจ
แล้วเมื่อไหร่เล่าเมื่อไหร่จะได้ลา
 
นกขมิ้นบินถลาเข้าป่าแก้ว
หลงติดแร้วแซ่วสลบน้ำกบหน้า
เวลาเคลื่อนเดือนคล้อยผ่านม่านเมฆา
นกไม่รู้ ทิศาจะคลาไคล
 
หากจะหลบเดินลงตรงหลังฉาก
จะครวญคร่ำซ้ำซากอีกมากไหม
ที่กลัวยิ่งกลัวหนอจนท้อใจ
คือจะผินพ้นไหม ข้ามไพรนี้.				
comments powered by Disqus
  • ลี่...ชวนมาเยือน

    16 มีนาคม 2548 23:52 น. - comment id 440228

    เพราะมากค่ะ
    .....................
    ลี่...ผู้มาเยือน
    .
  • ให้ทายว่าใคร

    17 มีนาคม 2548 00:17 น. - comment id 440246

    ๑.หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน
    ฟังเสียงกลอนขับกล่อมถนอมขวัญ
    คือเพลงแห่งดวงใจมีให้กัน
    บนคืนวันขมหวานกาลเวลา
    
    ๒.ท่ามกลางกลิ่นเมืองกรุงอันยุ่งเหยิง
    จะดับเพลิงผิดพลั้งความคลั่งบ้า
    หนีจากความหลงลวงบ่วงเงินตรา
    เพียงลืมตาเพื่อ ตื่น ก็ชื่นใจ
    
    ๓.หลับตาเพื่อลืมตาประสาโลกย์
    ลืมทุกข์โศกยิ้มรับกับสิ่งใหม่
    รับแสงทองสองทางอันกว้างไกล
    เพื่อก้าวสู่ประตูชัยวิสัยธรรม
    
    ๔. แว่วเสียงวินมอไซค์ใกล้ใกล้บ้าน
    จินตการร้อยกรองก็ร้องร่ำ
    เสียงเซ็งแซ่สับสนปนควันดำ
    คือถ้อยคำขับขานของชานเมือง
    
    ๕.เป็นสัญญาณร้องปลุกให้ลุก ตื่น
    แล้วหยัดยืนก้าวย่างอย่างปราดเปรื่อง
    สู้ชีวิตเลวทรามความฝืดเคือง
    ก้าวสู่ความรุ่งเรืองในเมืองกรุง
    
    ๖. ให้ตัวอย่างสัมมาอาชีวะ
    คือลดละเลิกเที่ยวไม่เกี่ยวยุ่ง
    หลีกหนีสิ่งเสพย์ติดคิดปรับปรุง
    เพื่อหมายมุ่งเก็บหอมอดออมเงิน
    
    ๗. ปากซอยคล้ายประตูสู่โลกกว้าง
    เพื่อก้าวย่างยืนหยัดไม่ขัดเขิน
    เรียนรู้โลกลำนำซึ่งดำเนิน
    เพื่อจะเพลินพิศพลางอย่างลุ่มลึก
    
    ๘. มโหรีรถยนตร์พ่นสำราก
    คล้ายคล้ายปากพรั่งพรูความรู้สึก
    เสียงแตรดังเกรี้ยวกราดขาดสำนึก
    ตกผลึกเป็นลำนำชวนสำลัก
    
    ๙. เสียงโหมโรงมโหรี ณ สี่แยก
    แอบสอดแทรกนิยาม ความจมปลัก
    เกลือกอาจมงมเง่าโง่เขลานัก
    ต้องดานดักกับความโกรธโจทย์ชีวิต
    
    ๑๐. ส่อสันดานการเป็นคนบนโลกนี้
    ยิ่งอยากมีหลายสิ่งยิ่งยึดติด
    ยอมหม่นไหม้ไฟกามความมืดมิด
    จึงหลงทิศหลงทางอย่างมืดมน
    
    ๑๑. ลด ตัวกู  ของกู ดูสักหน่อย
    แล้วลบเรื่องเสื่อมถอยรอยสับสน
    เพื่อแบ่งปันน้ำใจให้ผู้คน
    ท้องถนนก็จะสวยด้วยใจงาม
    
    ๑๒. ลงเรือด่วนเจ้าพระยาประสาซื่อ
    นิพพาน ที่ยึดถือ คือคำถาม
    หากยึดติดคิดย้ำคำนิยาม
    ก็เหมือนยึดติดนาม ตามนิวรณ์
    
    ๑๓. สุขทุกข์อยู่ที่ใจมิใช่หรือ
    ตามหนังสือพุทธธรรมหลักคำสอน
    
    เหลือ อีก แปดสิบ เจ็ด บทครึ่ง
    
    
  • อัลมิตรา

    17 มีนาคม 2548 10:45 น. - comment id 440346

    ให้ทายว่าใคร .. เดาดูก็รู้ว่าใคร .. อีก แปดสิบ เจ็ด บทครึ่ง ... ลงให้หมดนะจ๊ะ
    
    คุณขมิ้นไพร .. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ..คุณเขียนได้ดี สมแล้วที่เป็นลูกไม้ของต้นกล้า ค่ะ ..  :)
    
    
    
  • พุดพัดชา

    17 มีนาคม 2548 14:08 น. - comment id 440464

    ตามอ่านคุณด้วยแสนประทับใจค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน