เหนื่อยเหลือใจฉันทำไมเป็นอย่างนี้ เหงาแสนเหงาเหลือเกินที่จะสดใส คงไม่มีใครมาหาค่าหัวใจ ถึงเหงาไปก็คงได้แต่เดียวดาย สุดระกำช้ำหนอต่อใจฉัน ถึงจะเหงาเฝ้ารำพันก็ไม่หาย คงต้องอยู่ตัวคนเดียวปล่าวเปลี่ยวดาย ใจคล้ายคล้ายโดนรบเร้าด้วยเหงาเยือน .......
22 กุมภาพันธ์ 2548 21:57 น. - comment id 429603
เจ้าจะเหงาทำไมให้ใจหมอง จงเหลียวมองคนทุกข์กว่าว่าทนได้ เพียงอ้างเหตุปวดร้าวเศร้าเหนือใคร ก็แค่ใจอ่อนแอ..อย่าแก้ตัว ยัยไหม ... อยากจะมีใคร ใครสักคนที่เป็นของเรา อยากจะมีใคร ใครสักคน นะ ที่รักเรา เท่านี้ที่ต้องการ ขอเกินไปใช่ไหม ? ....
22 กุมภาพันธ์ 2548 22:06 น. - comment id 429613
ความเหงา คือ สิ่งยืนยันว่าเรายังมีหัวใจ เปงกะลังใจให้ค่ะ
22 กุมภาพันธ์ 2548 22:39 น. - comment id 429646
ในความเหงา เราจะเห็นตัวเราชัดเจน ในความเหงา เราจึงมองเห็น ความสันโดษ ได้ ชัดเจน ในความเหงา เราจึงปราถนา ใครสักคนที่มาทำให้ ปัญญาเรากระจ่างขึ้น และ เสีย ดายเวลาที่กำลังผ่านไป ด้วยเกรงจะไม่ได้ ปัญญาในความเหงา ทิกิ
22 กุมภาพันธ์ 2548 22:51 น. - comment id 429657
อย่าเหงามากหละ อารมณ์เหงา ๆ ก็รู้สึกได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ พอเราสุข นึกถึง ตอนที่เราเหงา ก็ ตลกดี อิอิ
23 กุมภาพันธ์ 2548 07:14 น. - comment id 429783
มาเป็นเพื่อนยามเหงาเหงานะ มาเป็นกำลังใจให้นะครับ
23 กุมภาพันธ์ 2548 10:23 น. - comment id 429822
แวะมาเหงาด้วยคนนะ...
23 กุมภาพันธ์ 2548 12:53 น. - comment id 429861
โอ้ความเหงามาสร้างทางเดินไว้ เคยคิดใฝ่ให้สล้างกระจ่างสรรค์ เพียงความคิดมิได้หัวใจพลัน สุดจะพรั่นสะเทือนใจไร้คนมอง โสมแสงส่องต้องประกายไร้รู้สึก เสียงอึกกระทึกมิได้มาใคร่สนอง ยินเสียงเพลงสุดเศร้าเร้ารมย์ปอง จนหม่นหมองประคองตัวสู้เดินทาง ตะวันเอ๋ยเคยสว่างพร่างพรายแสง เคยร้อนแรงส่องประกายไร้สล้าง กลับมัวหมองเหมือนฉันยากอำพลาง ยากจะวางทางให้คลายกังวล วางชีวิตติดไว้สนองเขา ช่างปวดร้าวน้าวใจยากฝึกฝน เหมือนเข็มทิ่มด้านในหทัยจน สุดจะทนต้องมานั่งเฝ้าหลั่งน้ำตา. แก้วประเสริฐ. ผมมาเยี่ยมและขอบคุณในความกรุณา นึกว่าจะไม่พบเสียแล้ว ขอบคุณมากครับเลยแจมกลอนฝากเอาไว้ครับ.....แก้วประเสริฐ.
23 กุมภาพันธ์ 2548 13:54 น. - comment id 429893
เหงา เหรอฮะ อย่าเหงานักเลย ความเหงามันเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเองไม่ใช่เหรอฮะ 5555555555555 อิๆ แวะมาทักทายฮะ
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:01 น. - comment id 430360
อัลมิตราที่รัก... ฉันคงเหงาเพราะขาดเงาเขาเป็นเพื่อน ลืมตืดเตื่อนใจตัวเองเกรงหม่นหมอง หากว่าเขาไม่เห็นค่าราคามอง ก็อย่าเลยคิดใฝ่ปองครองหัวใจ อัลมิตรา เค้าทำน้ำตะไคร้อร่อย ชื่นใจเชียวล่ะ...
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:04 น. - comment id 430361
ก้านใบบาน... ก้อเราเป็นนมนุษย์ ที่ไม่ไร้หัวใจนี่นา....เนอะ
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:06 น. - comment id 430363
ทิกิ ขอบคุณสำหรับข้อคิด ดีดี ค่ะ...
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:08 น. - comment id 430364
แม่จิตร... นั่นสิค่ะ..ขอบคุณค่ะ
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:09 น. - comment id 430365
ดีใจที่มีเพื่อนร่วมเหงาค่ะ... ขอบคุณค่ะ
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:11 น. - comment id 430366
บินเดี่ยวหมื่นลี้ ขอบคุณเช่นกันค่ะ....
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:22 น. - comment id 430372
แก้วประเสิฐ น้ำตาหล่นหม่นหมองเพราะครองฝัน ตราบนานวันนั้นจิตไม่คิดหาย จนวันนี้เหงาซึ่มผ่านซ่านใจกาย ยากผ่อนคลายด้วยคล้ายไม่คลายลง ไม่ยอมหยุดขุดบ่อต่อความฝัน ตะกายฝันไม่มีหยุดดุจเดินหลง เดินคนเดี่ยวแสนปล่าวเปลี่ยวเหลียวจนปลง หากว่าคงเป็นจิตเราที่เขลาเกิน ***ไม่เป็นไรค่ะ การฝึกเขียนโคลงจากที่นั่นคงจะช่วยพัฒนาฝีมือคุณได้ไม่มากก้อน้อย..
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:22 น. - comment id 430373
แก้วประเสิฐ น้ำตาหล่นหม่นหมองเพราะครองฝัน ตราบนานวันนั้นจิตไม่คิดหาย จนวันนี้เหงาซึ่มผ่านซ่านใจกาย ยากผ่อนคลายด้วยคล้ายไม่คลายลง ไม่ยอมหยุดขุดบ่อต่อความฝัน ตะกายฝันไม่มีหยุดดุจเดินหลง เดินคนเดี่ยวแสนปล่าวเปลี่ยวเหลียวจนปลง หากว่าคงเป็นจิตเราที่เขลาเกิน ***ไม่เป็นไรค่ะ การฝึกเขียนโคลงจากที่นั่นคงจะช่วยพัฒนาฝีมือคุณได้ไม่มากก้อน้อย..
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:22 น. - comment id 430374
แก้วประเสิฐ น้ำตาหล่นหม่นหมองเพราะครองฝัน ตราบนานวันนั้นจิตไม่คิดหาย จนวันนี้เหงาซึ่มผ่านซ่านใจกาย ยากผ่อนคลายด้วยคล้ายไม่คลายลง ไม่ยอมหยุดขุดบ่อต่อความฝัน ตะกายฝันไม่มีหยุดดุจเดินหลง เดินคนเดี่ยวแสนปล่าวเปลี่ยวเหลียวจนปลง หากว่าคงเป็นจิตเราที่เขลาเกิน ***ไม่เป็นไรค่ะ การฝึกเขียนโคลงจากที่นั่นคงจะช่วยพัฒนาฝีมือคุณได้ไม่มากก้อน้อย..
24 กุมภาพันธ์ 2548 12:36 น. - comment id 430383
อาบูไซยา เหมือนเพลงก้อนหินก้อนนั้นใช่มั๊ยค่ะ..