๏ ,มีบ้างไหมในโลก..มีที่ให้ข้าฯ ๏ ๏ ข้าฯ เถลือกกระเสือกกระสน..ไปบนโลก เพื่อดับโศกบางเวลาอย่างน่าเศร้า สานเทวษบ่นใบ้คล้ายดั่งเงา ซึ่งรอเฝ้าวันจะดับลับโลกา ๚ ๏ ข้าฯ ได้ยินทุกวัน..มันไม่เที่ยง มหาสมุทรน้ำยังเอียงมาซัดบ่า กลืนมนุษย์สู่ก้นสุด มุดกับปลา แล้วโลกนี้มีหรือหวา...ให้ข้าฯ นอน ๚ ๏ ที่แห่งใดในโลก..ไม่โศกบ้าง ข้าฯ แสนจะอ้างว้าง..ด้วยห่างหมอน ที่พำนักเล็กปานนั้น..ทางสัญจร ขอข้าฯ นอนปราศภัย...ได้สักคืน.... ๚ะ๛ ทิกิ_tiki เขียนเมื่อ ๑๗:๓๕ นาฬิกา พระอังคาร ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๘ วันที่รู้สึก อ้างว้างเดียวดายกระไรพิกล บนโลกกว้างๆๆๆที่ไร้จุดหมายปลายทาง ๏ ,มีบ้างไหมในโลก..มีที่ให้ข้าฯ ๏
1 กุมภาพันธ์ 2548 18:24 น. - comment id 418397
วันที่รู้สึก อ้างว้างเดียวดายกระไรพิกล บนโลกกว้างๆๆๆที่ไร้จุดหมายปลายทาง ภาพจากคุณ เมสเสจ ณ พลังจิตดอทคอม
1 กุมภาพันธ์ 2548 21:23 น. - comment id 418503
อย่าอ้างว้างเดียวดายทางสายโศก ด้วยในโลกยังมีสุขทุกถิ่นฐาน อย่าแสนเศร้านั่งเหงาให้ใจราน หรือซมซานความเศร้าโปรดเข้าใจ ว่ายังมีตัวฉันนั้นเสมอ เป็นเพื่อนเกลอให้พบเจอไม่หวั่นไหว แถมยังคอยห่วงหาพาห่วงใย อย่างจริงใจมอบให้พี่คนนี้เลย *-*เป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าเศร้าเลย*-*
1 กุมภาพันธ์ 2548 21:25 น. - comment id 418504
งานนี้ เขียนหน้าจอด้วย ๘ บทกลอน แต่นำลงแค่นี้ เพราะเสียววูบๆๆๆๆ เกรงคุณ จอ จาน มาหา .............ง่า คงจะพบบทเต็มข้าพเจ้าได้ในเล่ม 3 หรือเล่มไหนก็ไม่ทราบละ ในวันหน้า แต่อย่างไร ก็ print เป็นต้นฉบับออกมาแล้ว ๘ บท ไม่เสียววูบๆ อีกแล้ว รับรองได้ว่า ๘ บทนั้น มาจากสมองข้าพเจ้าล้วน ไม่ได้ลอกใครในไทยโพม สักคน วันทะยาฮัด สวัสดีค่ะ รอบค่ำ
1 กุมภาพันธ์ 2548 21:28 น. - comment id 418505
วู้ล ชนกับคุณผู้หญิงไร้เงา ในบางอารมณ์ เราก็ถามตัวเราว่า เราจะยอมทนทุกข์กับชีวิตเช่นนี้เพื่อคนอื่น ไปอีกนานเท่าใด เมื่อมันหาคำตอบไม่ได้ จึงออกมาเป็น บทกวี ๘ บท..รำพึงแห่งความ ว่างเปล่าเดียวดาย เหมือนความรู้สึกของคนที่เคยเดิน อยู่ในถนนเปล่าเปลี่ยวใต้แสงโคมไฟถนน มองขึ้นไปบนฟ้า ถามฟ้าว่า ฟ้าคะ บ้านทิกิ อยู่ที่ไหนคะ
1 กุมภาพันธ์ 2548 21:47 น. - comment id 418525
-*ทอดกายพักผ่อนลงตรงความเหงา สายลมเบาเล้าโลมเหมือนถากถาง ฉันทรุดร่างล้มลงตรงถิ่นทาง พร้อมกับความอ้างว้างวังเวงใจ-*
1 กุมภาพันธ์ 2548 22:03 น. - comment id 418532
คุณดอกข้าว เวลาเรามีความสุข ในสังคมเรายิ้มกับคนทั้งโลก แต่ในบางขณะที่เราอยู่คนเดียว เผชิญกับความทุกข์ ความขมขื่น เจ็บปวด รวดร้าว เดียวดาย เราอยู่คนเดียวเงีบบๆในซอกมุมหนึ่ง กับความเจ็บปวด ที่ปราถนาอยากให้ชีวิตจบลงณ จุดใดจุดหนึ่งที่เราไม่ต้องเผชิญทุกข์เหล่าน้นอีกต่อไป... แล้วเราก็คาดฝัน ปราถนาว่า คงมีปาฏิหาริย์ ที่จะทำให้เราหลุดพ้นวังวนนี้ไปเสียที แต่โลกภายนอกนั้น ก็ยังน่ากลัว นับแต่ชีวิตสัตว์โลกที่กัดกันอยู่ในท้องถนน หมาหมู่ รวมทั้งคนจรจัด..หาก มนุษย์เราสิ้นไร้ ที่อาศัย บ้านที่อยู่ ปลอดภัยบนโลกนี้แล้ว..ชีวิตเขาจะเผชิญอะไรสักเท่าไหร่หนอ... ทิกิ
1 กุมภาพันธ์ 2548 22:32 น. - comment id 418549
หลับตาลงวันนี้ดีหนักหนา ลมหายใจต่อกายาเดินต่อหน รับใช้กรรมรับใช้เวรเป็นจำนงค์ ไฝ่ดำรงค์คงคุณค่าหาทางธรรม สวัสดีวันอังคารจ้ะ คุณทิกิ ฉันไม่ได้อ่านงานของคุณทุกงานนะ แต่ความคมคายก็ไม่ทิ้งกันเลย
1 กุมภาพันธ์ 2548 23:31 น. - comment id 418621
หลับตาลงวันนี้ดีหนักหนา ลมหายใจต่อกายาเดินต่อหน รับใช้กรรมรับใช้เวรเป็นจำนงค์ ไฝ่ดำรงค์คงคุณค่าหาทางธรรม สวัสดีวันอังคารจ้ะ คุณทิกิ ฉันไม่ได้อ่านงานของคุณทุกงานนะ แต่ความคมคายก็ไม่ทิ้งกันเลย จาก : รหัส - วัน เวลา : 425605 - 01 ก.พ. 48 - 22:32 คุณไม่ลงชื่อทิกิ พอเดาได้ค่ะว่าใคร งานนี้ ก็เหมือนงานอื่น ติดลูกบ้าไม่หาย มีคนจากเว้บอื่น อ่านงานแล้วแอดมาคุยด้วย ถามแปลกๆ กับเราเสียเหลือเกิน บางครั้ง ถ้าเราไม่เหวี่ยงตัวเราจากทุกข์ที่ แวดล้อมเราอยู่ไปพิจารณาธรรมเสียบ้าง ก็ไม่เห็นหรอกว่า เราอยู่บนความเสี่ยงไร้แก่นสาร บนโลกนี้ขนาดไหน...โลกในภาษาบาลี อ่านว่า โลกะ แปลว่า ที่ซึ่งเสื่อมสลายลงทุกขณะ แต่เรา ถูกสันตติต่อเนื่องบีบรัด เอาเรื่องปัจจัยสี่ที่เราวิ่งหากันแทบตาย สมัยก่อน มนุษยไม่อยู่บนต้นไม้ ก็อยู่ถ่ำให้ปลอดภัยจากคนถือตะบอง และ สัตว์ สมัยนี้ เราเพียงเปลี่ยนถ้าเป็นบ้าน แต่ก็ ต้องการความปลอดภัยเช่นเดียวกัน.. เราคงรำพึงประมาณนี้ไปได้จนกว่าจะลาจากโลก ไปนั่นแหละค่ะ ทิกิ
1 กุมภาพันธ์ 2548 23:37 น. - comment id 418629
ฉันช่วยร่วมเปรยน่ะจ้ะ มิกล้าสั่งสอนอาจารย์ : )
1 กุมภาพันธ์ 2548 23:40 น. - comment id 418632
สื่อถึงอารมณ์ เดียวดาย เปลี่ยวเหงา ได้ดีมากเลยค่ะ ชื่นชม ชื่นชอบมาก
1 กุมภาพันธ์ 2548 23:56 น. - comment id 418661
มีท่านผู้อ่านบางท่านในเว็บอื่น ..แอดถามข้าพเจ้า ถึงปัญหาว่าทุกข์อะไร ก็ทุกข์เรื่องปัจจัยสี่ ธรรมดานี่แหละค่ะ และ จริงๆ บทกลอนนี้ มี ๘ บท แต่นำมาลงเพียง เท่านี้เนื่องจาก ที่เหลือจะลงรวมในบทกวีเล่มต่อ ไป จะเล่มไหนก็ไม่ทราบค่ะ..... ส่วนที่ถามว่าข้าพเจ้าทำงานอะไร.. .ตอบคำถามค้างไว้คุณผู้ถามปิดเว็บไปเสียก่อน... โดยสภาพ ก็ดูแลกิจการที่บ้าน โดยตำแหน่งก็บริหาร..สูงสุด แต่โดยความเป็น จริง ก็คนนั่งหลังฉากคนที่เขาออกหน้าไปพบ ลูกค้า...ลูกค้าเจ้าของบ้านต่างๆที่จะตกแต่งบ้าน ค่ะ...หวังว่าคงไม่ต้องตอบคำถามแปลกๆอย่าง เช่น ..ไปถ่ายภาพไรมาเหรอประมาณนั้นนะคะ โดยปกติ จะเขียนงานปรัชญาพุทธ ผสาน โลกีย์วิสัยของมนุษย์ ออกมาบนงานตีแผ่ ความจริงเท็จของมนุษย์ ท่านผู้อ่านอาจยังรับไม่ได้ว่าทำไมผู้หญิง จึงเขียนงานล่อแหลมเช่นนี้ได้.. .เผอิญ ข้าพเจ้าผู้เขียน..เกิดมาเป็นน้องสาว คนเดียวของพี่ชายอีกสอง และ น้องชายอีกหนึ่ง ไม่ค่อยเป็นหญิงสักเท่าใดดอกค่ะ.. .ก็เขียนงานแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีกหน่อยท่านคงจะชินกับข้าพเจ้าไปเองสักวัน ขอบคุณที่กรุณามาอ่านค่ะ
1 กุมภาพันธ์ 2548 23:58 น. - comment id 418664
(ยกคำตอบเว็บโน้นมาวางไว้ที่นี่เป็นอนุสรณ์ เอ่อคุณ ทิกิ คงไม่ถึงขนาดต้องไปถ่ายภาพ ล่อแหลมอะไรอย่างที่ถามมาหรอกนะคะ ขออนุญาต ตอบ เกินกว่าว่า จะบ้าเหรอ นั้นว่า วิจารณปัญญาบัดซบซะ น่าจะถูกกว่า ) ..........นี่แหละ ที่ถึงไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือใครในทางเศรษฐกิจเลยไง....... ..........เกรงคำถามล่อแหลมประเภทนี้จริงๆ... .....คำถามที่ จะต้องย้อนกลับไปถามคนถามว่า แล้วมารดาคุณ ถ่ายภาพล่อแหลมเลี้ยงคุณมาหรืออย่างไร ถึงได้มาถามดิฉันอย่างนั้น...? มนุษย์ หนอ มนุษย์... ในเว็บไซท์ นี้ สงสัยจะต้อง โค้ด ตระกูลมาลงกันทุกวันเลยสินะเนี่ย.. .....บรรยายด้วยอารมณ์ฉุน อย่างมีสุนทรีย์หน่อยๆ....... ตอบแบบชาวบ้านหน่อยก็ว่า ...โว้ย ที่ข้าฯ เขียนมาทั้งหมดนี้ ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจ ล้วนๆโว้ย.....นั่นน่ะ ท่านจะเข้าใจหรือยัง... ฤๅกวีมิอาจจะเจ็บปวด มิอาจทุกข์ ร้าวรวด กำสรดแสน ฤๅกวีมิอาจบอกความแร้นแค้น ฤๅกวีต้องเปรียบแม้นเทวดา..? เขียนแล้วหายข้อง แต่ยังเคืองข้างใน บ้าก็บ้าวะ ทิกิ อีกรอบ
2 กุมภาพันธ์ 2548 00:56 น. - comment id 418707
ฉันช่วยร่วมเปรยน่ะจ้ะ มิกล้าสั่งสอนอาจารย์ : ) : 11137 - ดาวอังคาs : 425685 - 01 ก.พ. 48 - 23:37 สหายดาวอังคาร ท่านช่างมาได้ถูกจังหวะเวลา ที่กำลัง บ่นบ้า ไร้ความสุขอยู่ จักได้เห็น ธรรมมากขึ้นกว่าเดิม ทิกิ
2 กุมภาพันธ์ 2548 01:59 น. - comment id 418716
ผู้แปลกหน้า หากเธอผ่านมาพบฉันและอยากคุยด้วย ทำไม เธอไม่พูดกับฉัน และทำไม ฉันไม่พูดกับเธอ ทำไมหรือ ทำไมเล่า เราไม่พูดกัน เพราะเราอยู่ในดงเถื่อน ณ ที่ซึ่งรกเรื้อด้วยผู้คน จักรกล หมอกดำ และซากของธรรมชาติ มันทำให้เราหวาดระแวง และโหดร้าย บางครั้งเรารู้สึกสิ้นสูญ ว้าเหว่ เราโหยหาใครสักคนเป็นเพื่อน และปรับทุกข์ แต่เราไม่สามารถบอกเล่าถึงความปรารถนานั้น ที่เมืองใหญ่ คนแข็งแกร่งเท่านั้นจึงมีสิทธิ์อยู่รอด หรือเป็นเพราะเราขลาดกลัวจนเกินไป Walt Whitman / กวีอเมริกัน เกิดที่เมืองลอง ไอซแลนด์ ปี 1819 เคยเป็นเด็กสำนักงาน ช่างพิมพ์ ครู บรรณาธิการ และเป็นกวี เสียชีวิตเมื่อ ปี ค.ศ. 1892 แปลโดย คุณชาย ชญา แต่งกลอนไม่เก่ง เขียนบทกวีไม่เป็น แต่อ่านหนังสือเจอบทกวีนี้เลย นำมาลงให้อ่าน
2 กุมภาพันธ์ 2548 02:14 น. - comment id 418717
ช่างเป็นความรู้สึกอันดียิ่งนัก คุณ เมสเสจ ตรงประเด็นเป็นที่ยิ่ง
2 กุมภาพันธ์ 2548 09:42 น. - comment id 418752
สิ่งใดล้วนไม่จริงยิ่งโหยหา ที่ใดใกล้ไกลตายากคว้าใฝ่ สิ่งเดียวเหลียวมองบ้าง...อย่าห่างไป สิ่งเล็ก ๆภายในใจตนเอง.........
2 กุมภาพันธ์ 2548 10:37 น. - comment id 418781
ถ้าเจอแล้วจะบอกนะครับที่แห่งนั้น แต่ตอนนี้ปีกหักบินยังไม่ได้ กำลังดามปีกอยู่ครับผม...
2 กุมภาพันธ์ 2548 11:13 น. - comment id 418803
จรมาเถิดจรมาหาสว่าง ในร่มรางแห่งธรรมย้ำสงบ ทุกทุกอย่างอธิบายไว้เจนครบ สุขสงบเข้าใจ...ได้ลึกซึ้ง กวีบทนี้งามมากนะครับ ในรอบเดือนทีเดียว
2 กุมภาพันธ์ 2548 13:10 น. - comment id 418886
จะเอนกายพักหมอน ณ ที่ใดก็ดูเหมือนที่นั้นจะเดียวดายสิ้น หมู่บ้านโพเอมไงล่ะ ปราศซึ่งความเหงา คละเคล้าด้วยไมตรีจิต...จากผู้คนที่เป็นมิตร มาแวะครับ
2 กุมภาพันธ์ 2548 14:21 น. - comment id 418945
เตรียมไว้แล้ว ที่ไป ไม่หรูหรา กว้างหนึ่งศอก ยาววา อยู่อาศัย ประดับฝา น่าชม สมกับวัย ปิดฝาโลง หมดภัย นอนคนเดียว อิอิ คนที่เคยบอกว่ารักนักรักหนา ก็ไม่มานอนด้วย อิอิ