ดินแดนแห่งความอาดูร. ตะวันเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า เดือนดาวพราวพร่างสว่างแสง ระยิบวับจับนัยนาดูอ่อนแรง มิได้แสดงแข็งกล้าพาหายไป เมฆหมอกครึ้มรุมล้อมน้อมเฉารส เดินรันทดหมดอาลัยแทบสลาย ฝ่าความมืดที่สลัวมัวเรียงราย ภูเขาปรายป่าชัฏคล้ายจัดวาง หันเบื้องหลังเงาตะคุ่มเดินเรียงแถว ตามเป็นแนวแล้วก้มหน้าดุจผีสาง ไม่มีสำเนียงเพรียกพร่ำตลอดทาง เสียงนกร้างสัตว์หายกลายวังเวง บัดเดี๋ยวไปใกล้ถึงประตูเหล็ก มีเสียงเล็ดลอดมาหากระฉับกระเฉง เป็นเสียงโหยหวนป่วนปั่นล้วนยำเกรง ฟังคล้ายเพลงที่ใช้ในงานศพ พอย่างเข้าขอบขันธ์พลันกระจ่าง เงาต่างต่างพาแยกแตกบรรจบ แบ่งออกเป็นหลายสายมิได้พบ มีนักรบนำทางแล้วพลางชี้ พลางเดินไปในศาลาอันกว้างขวาง ล้วนกระจ่างแสงตระการมีสันสี แดงดำขาวเงาละเลื่อมรอบชีวี คนที่มีต่างนั่งกันเรียงราย เมียงมองแล้วหันหลังพลางเดินออก ไปข้างนอกเดินมองทางสองสาย ทางที่หนึ่งราบเรียบไม่ประปราย ส่วนอีกสายล้วนพฤกษานานาพันธุ์ แล้วเลาะเลี้ยวไปในทางไพรพฤกษ์ พบสระตรึกตรองดูสุดเกษมสันต์ มีบันไดแก้วแพร้วเพริศวิลาวัณย์ ก้าวเท้าพลันเดินสู่มุ่งหมู่เมฆา พลันสว่างกระจ่างจ้าพล่าอร่าม แสนงดงามหอมหวนชวนนาสา กลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์นั้นงามตา หญิงชายพาร้องรำขานลำนำ แลยืนตลึงพึงพิศจิตซาบซ่าน ช่างตระการผ่านมาดูน่าขำ นี่ที่ไหนหนอสุดชวนให้ล้วนจำ ความโศกช้ำช่างหายละลายไป วนเวียนไปในทางเบิกบานจิต ล้วนวิจิตรพิสดารกว่าไหนไหน ในโลกมนุษย์ว่างามต้องห่างไกล ยากไฉไลไหนเทียบเปรียบแดนดิน สัมพุทธัสสะนาสามาบังเกิด ความพริ้งเพริศหยุดอยู่สู่หายสิ้น ความวิเวกอเนกอนันต์นั้นอาจินต์ กลับเข้าถิ่นขันธ์ห้าพร้อมอารมณ์. ๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
1 กุมภาพันธ์ 2548 19:24 น. - comment id 418415
^___^ แต่งเก่งจัง
1 กุมภาพันธ์ 2548 21:11 น. - comment id 418497
เมื่อมองเห็นพฤกษานานาพันธุ์ ก็สุขแสนสุขสันต์ที่ฝันใฝ่ แถมบ้านกลอนออดอ้อนป้อนห่วงใย ก็ทำให้แสนสุขใจเหลือคณา *-*กลอนแต่งได้ดีค่ะ*-*
1 กุมภาพันธ์ 2548 22:29 น. - comment id 418548
-*สงัดเงียบเหยียบจมแต่ความว่าง ดินแพร่งทางระหว่างผ่านมอดคำขาน แม้เรียกร่ำร้องหาจนแทบปาน จะทรุดร่างลงลานระเบียงทาง-* คิดถึงพี่นะครับ
1 กุมภาพันธ์ 2548 23:36 น. - comment id 418626
บรรยายได้ดีทีเดียวค่ะ เห็นทุกอิริยาบท กับถ้อยคำที่ลงตัว ชื่นชมค่ะ
2 กุมภาพันธ์ 2548 00:30 น. - comment id 418696
ตะลึงตรา งานสรรค์สร้าง อร่างฉ่าง พรางความสุข เราคนอ่าน ผ่านมาคลุก แล้วได้ชุก ชีวาคืนกลับไป
2 กุมภาพันธ์ 2548 01:01 น. - comment id 418709
:} :]
2 กุมภาพันธ์ 2548 11:11 น. - comment id 418801
จิตสัญจรย้อนไปในคำนึง อย่างลึกซึ้งถึงจินต์ในถิ่นฝัน ผ่านความโศกความเศร้าร้าวรำพัน เคยพบความสุขสันต์ก็เคยมี ฤดีตรองมองชัดจัดเรื่องราว ความร้อนหนาวสลับสายเหมือนลายสี ไม่มีใดยั่งยืนในนาที ทุกสิ่งมีเกิดดับสลับไป เพราะความคิดติดข้องจึงมองพลาด ไม่เห็นร่องรอยขาดแล้วเชื่อมใหม่ เห็นเป็นเรื่องจีรังฝังฤทัย ฟุ้งซ่านในเรื่องราวกล่าวไปมา ครั้นมาพบสบมิตรสอนคิดถูก และฝังปลูกการมองเหนือปัญหา จึงพบเห็นมารร้ายในมายา ขันธ์ทั้งห้าคือสิ่งลวงปวงทุกข์จริง จึงละเรือนเพื่อนตัณหามาสร้างใหม่ สร้างเรือนใจเข้มแข็งแกร่งดังสิงห์ เชิญสติปัญญาเข้าพักพิง จึงทอดทิ้งดินแดนที่อาดูร เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศของความวุ่นวายในขันธ์ สวัสดีค่ะคุณแก้วประเสริฐ
2 กุมภาพันธ์ 2548 11:16 น. - comment id 418807
เพียรบรรจงวางจิตพิศอักษร ด้วยนิวรณ์ขันธ์ห้าว่าแถลง แก้วประเสริฐหลอมจิตมาแจกแจง กลอนแสดงแสงวาวในคราวนี้ ขอปรบมือให้บทนี้เลยนะครับ เป็นการซ่อนความหมายโดยนัยให้ผู้อ่านคิดเอง นี่หล่ะเป็นเส่นห์ของนักเขียนกลอนนะครับ งามมากบทนี้ขอชมเชยครับ
2 กุมภาพันธ์ 2548 12:48 น. - comment id 418866
แม้เพียงผ่านเพียงผิวว่าพบแล้ว...นั่นเมืองแก้วเมืองสวรรค์ทึ่ฝันหา...หากเฉลียวจิตตรองนิดภาพลวงตา...เห็นเริงร่าพาลงอเวจี... ...ส่งไปตามสาย...วิ่งย้อนกลับมาตามสาย... เข้าใจ...แค่ไหน...คงแล้วแต่...พื้นฐานของแต่ละบุคคลสินะคะ ...
2 กุมภาพันธ์ 2548 13:18 น. - comment id 418896
^__________________________^ ........................
2 กุมภาพันธ์ 2548 13:24 น. - comment id 418904
เข้าใจในสิ่งที่คุณแก้วต้องการสื่อความหมาย...ทุกอย่างคือ..ปัจจัตตัง..รู้ได้ด้วยตน....ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง....ชื่นชมมากค่ะ..ราชิกาแต่งไม่ได้นะคะ..ขอมาอ่านก็แล้วกัน...คุณแก้ว..ลองแวะไปดูนางรำ..อีกสักรอบนะคะ..แฝดเพื่อนรออยู่ที่นั่น..อิอิอิ..
2 กุมภาพันธ์ 2548 13:58 น. - comment id 418926
...จิตนิมิตมาดหมายคล้ายปรุงแต่ง จะแสดงให้เห็นเป็นกังขา พึงวางเฉยเป็นกลางมิร้างลา อุเบกขา..ละ..ลับให้ดับไป ......
2 กุมภาพันธ์ 2548 14:44 น. - comment id 418967
เดินมาถึงทางสองแพร่งให้พินิจ กำหนดจิตเลือกไม่ได้ให้สับสน ฤาจะหยุดอยู่ตรงนี้ให้กังวล ฤาจะก้าวให้หลุดพ้น..ก็จนใจ.. เราทุกคนล้วนแล้วแต่สับสนและกังวลมากมายนะค่ะในชีวิตจริงของแต่ละคน.... บทกลอนคุณแก้วฯให้ข้อคิดดีมากค่ะ... รูปสวยมากค่ะ.. ขอให้คุณแก้วฯมีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยใจที่แน่วแน่และมั่นคงนะค่ะ...
2 กุมภาพันธ์ 2548 17:24 น. - comment id 419035
แฝงข้อคิดไว้เตือนใจเสมอนะคะ ขอบคุณมากค่ะ โอตฺตปฺปิยํ ธนํ โหติ โอดตัปปิยัง ทะนัง โห-ติ ( อ่าน ) ความเกรงกลัวต่อความชั่ว เป็นทรัพย์อันประเสริฐ
3 กุมภาพันธ์ 2548 10:18 น. - comment id 419452
ในคราวหน้าขอให้เดินทางราบเรียบ เพื่อมาเปรียบทางเก่าที่เศร้าหมอง เมื่อไรขันธ์แตกดับลับครรลอง จะได้จองเส้นทางระหว่างเดิน...... มาเยี่ยมชมงานงาม
3 กุมภาพันธ์ 2548 15:47 น. - comment id 419664
สวัสดีค่ะ ..ตามคุณฤกษ์ข้างหน้า..ท่าทางเรียบ สงบเงียบ..ซึ้งในหัวใจสวย กลอนช่างงดงามล้ำ.คำสำรวย อ่านแล้วช่วย..เย็นสงบ..พบสัจธรรม.. ..~-~..
4 กุมภาพันธ์ 2548 10:57 น. - comment id 420064
คุณ น้ำใส เล่นเอาผมเขินเลยอิอิ ไม่หรอกครับผมเพียงแค่หัดไว้ฝึกสมองเพื่อมิให้เป็นโรคความจำเสื่อมเท่านั้นเองแหละครับ ยังอีกห่างไกลมากครับ และได้สร้างกุศลไว้ให้แก่ตัวเองและเพื่อนๆที่ใฝ่ใจทางธรรมนี้เท่านั้นแหละครับ จะได้ไม่ต้องไปสู่อบายภูมิอันเป็นดินแดนวิบากกรรมมากครับ ขอบคุณนะครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 10:59 น. - comment id 420067
คุณ ผู้หญิงไร้เงา บางสิ่งบางอย่างอุคนิมิตรบังเกิดมีทั้งจริงและเท็จประกอบกัน เพียงนำมาแสดงไว้เป็นแนวทางในการช่วยกันพิจารณาครับ ขอบคุณท่านผู้หญิงมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:02 น. - comment id 420068
คุณ ดอกข้าววิจิตร กลอนนี้เพียงให้ช่วยกันพิจารณาเอาเองตามอุคนิมิตรครับ ขอบคุณมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:04 น. - comment id 420069
คุณ ภาวิ ขอบคุณครับ ผมเขียนกลอนทุกๆครั้งต้องเอาใจผมเข้าประกอบกับเนื้อเรื่องครับ และมิได้คำนึงถึงผลตอบแทน กลอนจึงได้ออกมาอย่างที่เห็นแหละครับจะดีชั่วอย่างไรให้คนอ่านพิจารณาเอาเองครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:07 น. - comment id 420071
คุณ แม่จิตร ขอบคุณมากเลยครับ ผมเองพยายามสร้างสรรค์งานด้วยใจเสมอครับ จะออกมาดีหรือไม่ก็ไม่ทราบต้องคนอื่นนั่นแหละตัดสินใจครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:08 น. - comment id 420073
คุณ ลักษมณ์ ขอบคุณมากนะครับ ปลาบปลื้มจริงๆเห็นคุณเสมอ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:11 น. - comment id 420075
คุณ พี่ดอกแก้ว ขอขอบคุณอีกครั้งในกลอนอันงดงามและมากด้วยความหมายครับ ครับเราช่วยกันจรรโลงโลกแห่งธรรมขัดเกลากิเลสของเพื่อนๆเราไว้ได้หรือไม่ตามแต่บุญกรรมครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:13 น. - comment id 420077
คุณ ลำน้ำน่าน แหมเล่นเอาผมเขินเลย แต่อดภูมิใจมิได้ที่ยอดกวีชายคนนี้ชมมา ขอบคุณมากครับ ผมเองก็พยายามเหลือเกินแต่ทำได้เท่าที่ทำได้ครับบางครั้งดีบางครั้งไม่ดี แต่ที่แน่ๆคือจิตใจผมประกอบคำกลอนนะแน่แท้ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:17 น. - comment id 420080
แง่ว ..... อ่านแล้ว ดูบรรยากาศมานน่ากลัว วิเวกวังเวง ... งายม่ายรุอ่ะค่ะ อุ๊ยางม่ายอยากไปที่แบบนี้ในตอนนี้อ่ะนะคะ
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:19 น. - comment id 420081
คุณ ฟา คุณเข้าใจได้ถูกต้องแล้วครับ ถึงแม้เป็นภาพในอุคนิมิตรนั้นย่อมมีจริงเท็จประกอบขึ้นเป็นแค่เอามาพิจารณากันหากแก่นแท้ ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นเป็นแก่นแท้แน่นอน เพียงเราเอามาเป็นข้ออุทาหรณ์สอนใจเราให้สะดุ้งเกรงกลัวบาปกรรมก็เป็นผลกุศลแก่เราแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะครับ แล้วเขียนมาใหม่นะครับผมชอบใจในข้อคิดคุณเสมอครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:25 น. - comment id 420094
คุณ ลอยไปในสายลม เห็นยิ้มแบบนี้ผมเองก็มีความสุขใจมากที่สร้างความสุขให้เพื่อนๆครับ ขอบคุณนะครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:27 น. - comment id 420100
คุณ ราชิกา ครับผมเชื่อสติปัญญาคุณมากครับย่อมกระจ่างแน่นอน อ้อนางรำผมเข้าไปแล้วยังได้เก็บภาพไว้ด้วยครับ ขอบคุณมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:29 น. - comment id 420109
คุณ อนิจจตา ครับเป็นภาพที่จริงปนเท็จผสมผสานกัน อย่าปักใจเชื่อมั่นนัก ให้สร้างคุณงามความดีไว้ผลที่เห็นทันตาคือความอิ่มเอิบใจจะเกิดขึ้นทันทีนี่แหละเบื้องต้นของผลบุญกุศลครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:31 น. - comment id 420114
คุณ กัลลดา ขอบคุณครับผมเองเพียรพยายามสร้างสรรค์งานที่ประกอบด้วยธรรมไว้ในข้อแนวคิดเสมอครับ แม้นว่าจะเป็นแนวทางโลกก็แฝงไว้ด้วยเสมอครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ คงได้เจอกันในภาคต่อไปนะครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:34 น. - comment id 420117
คุณ คนเมืองลิง สงสัยจริงว่าเราสองเคยร่วมสร้างผลบุญร่วมกันมาเสมอแม้จะเจอกันในบั้นปลายก็ยังพร้องต้องกันเสมอ ดีครับ เรามาร่วมกันสร้างงานนี้เพื่อเสนอสนองแก่มวลชนทั้งหลายไว้ ผมแต่งกลอน คุณนำพุทธสุภาษิตมาลงไว้ ร่วมกันสรรค์สร้างงานร่วมกัน ผลบุญนี้เกิดแน่นอนครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:37 น. - comment id 420121
คุณ ฤกษ์ ขอบคุณครับ หากมองไปแล้วมีแค่ สามภพเท่านั้น หมายถึงภพใหญ่นะครับพูดแบบชาวบ้านคือ นรก มนุษย์ สวรรค์ ส่วนสัตว์นั้นจัดอยู่ในทางนรกครับ การสร้างทางเดินเมื่อจะกำเนิดใหม่ล้วนแล้วต่ผลกรรมนำทางครับ มีทางเลือกไว้ สามทางที่จะกำเหนิดเกิดอีกครั้ง ส่วนที่เขาว่าเป็นทางสี่แพร่งนั้น เพิ่ม พรหม อีกทางหนึ่งครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:43 น. - comment id 420126
คุณ ซอมพลอ หายไปนานนะครับ สิ่งแรกที่เราเกิดเป็นมนุษย์ที่แสนยากมากเพราะมนุษย์ที่สามารถเป็นอรหันต์โดยเป็นพระสัมพุทธะ ไม่ว่าภพใดๆยกเว้นที่กล่าวมานี้นั้น ต้องลงมายังภพนี้ก่อนถึงจะสำเร็จเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ฉนั้นเราควรภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์สามารถสร้างทั้งกรรมดีและชั่วและสามารถขจัดแนวทางชั่วได้ ภพอื่นไม่สามารถทำได้ครับ สิ่งแรกคือการชำระจิตใจให้สะอาดผุดผ่องก่อนทำเท่าที่สามารถทำได้ สิ่งแรกที่ได้รับคือความเบิกบานใจพ้นจากทุกข์ได้ชั่วคราวครับ การติดอะไรๆในโลกนี้ไม่จีรังหรอกครับ สิ่งควรละเว้นได้ควรละเว้นเสีย แหมเจอกันนานพร่ำเสียยาว ขอโทษนะครับ คิดถึงเสมอ แก้วประเสริฐ.
4 กุมภาพันธ์ 2548 11:45 น. - comment id 420129
คุณ สาวดำ หลานรักลองอ่านที่ลุงได้ตอบคุณฤกษ์และคุณซอมพลอไว้หรือหากมีเวลาว่างจากการเล่นลองอ่านย้อนๆขึ้นไปนะจะได้ประโยชน์มากกว่าการเล่นเกมส์ซะอีกจ๊ะ เกิดมาทั้งทีควรมีสิ่งติดตัวไปในข้างหน้านะจ๊ะ รักหลานเสมอ แก้วประเสริฐ.