อุปกิเลส 10 ประการ ดูกรท่านผู้ไขว่คว้าหาทางพ้น ความหลงตนหนทางระหว่างกฤษณา แม้นมีจิตคิดมิสร้างด้วยเจตนา ก็ยังมาวนเวียนว่ายในสังสารวัฏฏ์ สิ่งทั้งหลายเกิดมาในครานี้ ล้วนแต่มีเวรกรรมซ้ำเติมตัด เพราะไม่รู้สาเหตุอันแน่ชัด เข้ามาขจัดหนทางสร้างความดี ต่างมิทราบเป็นไปในหลายแบบ แล้วเข้าแนบแทรกซ้อนด้วยห่อนศรี อันสาเหตุกิเลสเศษที่มี จะบ่งชี้ทางไว้ให้เราเดิน กิเลสสร้างเศร้าหมองครองเร่าร้อน เป็นขั้นตอนซ่อนไว้สุดจะเหิน สาเหตุเจตสิกจิตติดคิดมิเจริญ เพราะเพลิดเพลินสิ่งนั้นพลันเกิดมา ทิฏฐิกิเลสดื้อรั้นพลันวางราก แล้วก็ฝากวิจิกิจฉามาให้กังขา ด้วยโลภะโทสะโมหะมิระอา มานะกิเลสพามาซึ่งถือตัว ถีนมิทธะกิเลสเจตนาง่วงเหงา แล้วนำเอาอุทธัจจฟุ้งซ่านพล่านทั่ว อหิริกกิเลสไม่ละอายเข้าเมามัว อโนตตัปปไม่เกรงกลัวชั่วช้ามาเป็นทาง สิบประการนี้แจ้งไว้ในทางต่ำ สร้างชอกช้ำทำระกำอย่างกว้างขวาง ขจัดความดีที่สิงสู่โปรดละวาง หาแนวทางกำจัดให้มลายสูญ เหมือนกลอนธัมมะจัดหานำมาให้ คนทั้งหลายไม่ใฝ่ใจคล้ายแสงสูรย์ สิ้นไร้แสงแห่งตะวันพลันอาดูร ทุกข์เพิ่มพูนร้องแรกแหกกระเชอ. ๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
24 มกราคม 2548 12:57 น. - comment id 412110
กิเลสหนา...พาจิตให้เศร้าหมอง ทุกข์คันรอง...ของจิตคิดกันได้ ใครต้องการพบทุกข์...สะสมกิเลสไป ถ้าต้องการสุขไซร...ลด..ละ..เลิก..กิเลสกัน มาติดตามอ่านกทกลอนสอนธรรมจากแก้วประเสริฐค่ะ........ขอชมเขียนได้เพราะจัง...
24 มกราคม 2548 14:58 น. - comment id 412178
แวะมาอ่านน่ะจ๊ะ.. ..
24 มกราคม 2548 16:05 น. - comment id 412236
คำว่า กิเลส แปลว่า สิ่งที่เศร้าหมอง หรือ เครื่องทำให้เกิดความเศร้าหมอง มีความหมาย ๓ อย่าง คือ ให้เกิดความสกปรก หรือ เศร้าหมองอย่างหนึ่ง ให้เกิดความมืดมิดไม่สว่างไสวอย่างหนึ่ง ให้เกิดความกระวนกระวายไม่มีความสงบอีกอย่างหนึ่ง กิเลสหนา จะพาปัญญาเขลา คิดจะเอา ไม่พอก่อมัวหมอง คิดอยากได้ ไม่หยุดสุดครรลอง ไม่สมปอง เศร้าใจ ให้มืดมน..
24 มกราคม 2548 18:32 น. - comment id 412348
มีตั้งหลายข้อค่ะ ยังดับไม่ได้ค่ะ
24 มกราคม 2548 19:41 น. - comment id 412365
... (ขึน 15 ค่ำ เดือน 2 ).. วันนี้ วันพระ ควรละนิวรณ์ ฝึกตนให้ไถ่ถอน จากนิวรณ์ด้วยปัญญา ++++++++++++++++++++++++++ มีเหตุ ย่อมมีผล เพียงแต่คน..ไม่สน..ไม่ศึกษา ห่างเหินคำสอนองค์พระสัมมา อวิชชาทั้งหลายจึงได้ครอง +++++++++++++++++++++++ มาร่วมแจมจ้า บังเอิญว่า แต่กลอนไม่เก่ง ^___^ ....วันนี้วันพระ ทำบุญใส่บาตรหรือเปล่าล่ะท่าน...
24 มกราคม 2548 20:11 น. - comment id 412379
-*กิเลศ 10 ชวนฉิบหาย ขอจงได้เลี่ยงหลบไปให้พ้นพ้น กิเลสครอบคลุมตัวจะมัวมน เป็นเช่นคนไม่มีศิลสิ้นทางธรรม-*
24 มกราคม 2548 20:21 น. - comment id 412387
ถ้อยพระธรรมจำไว้ใส่ใจบ้าง เป็นเครื่องรางคอยปรามความเหลวไหล ใช่หันหน้าหาธรรมยามช้ำใจ ทุกสมัยมีธรรมจักค้ำชู (เก็บดอกไม้มาร้อย...) มาสวัสดีทุกท่านจ้า..ขอให้จิตใจผ่องใส มีความสุข ทุกท่านนะค๊า
24 มกราคม 2548 21:00 น. - comment id 412430
แวะมาชมครับ พี่แก้วประเสริฐ
24 มกราคม 2548 21:02 น. - comment id 412432
นมัสการในธรรมครับ :}
25 มกราคม 2548 04:14 น. - comment id 412553
ธรรมกลอนสอนใจให้ได้คิด มิให้ติดยึดสิ่งใดให้ลุ่มหลง แต่ยังมีใยเหนียวเกี่ยวพะวง ให้ใจคงห่วงหาและอาลัย ..เร่งฝึกตนมากมายในวันนี้ แต่ยังมีบางทีที่หวลไห้ แต่ยังหวังบางทีที่พูดไป จะได้เลือนหายจากไปได้เสียที
25 มกราคม 2548 07:03 น. - comment id 412574
งดงามมากครับ ได้อ่านธรรมะแล้วรู้สึกสบายใจจัง
25 มกราคม 2548 09:38 น. - comment id 412652
มาระยะหลังมานี้ผมไม่ค่อยได้มีเวลาเข้ามาติดตามอ่านงานมิ่งมิตรนะครับ มีโอกาสจึงเข้ามาตามอ่าน รู้สึกถึงความเข้าใจลึกๆ ในงานนะครับ อาจเพราะเขียนออกจากอารมณ์ด้านใน
25 มกราคม 2548 12:37 น. - comment id 412782
ยังคงเป็นปถุชนคนธรรมดา ละโลภโกธรหลงปลงไม่ได้....... บางข้อ ทำได้ บาง ไม่ได้บ้าง ขอบคุณค่ะ สำหรับ สิง่ฃง ดีดีค่ะ จาก : ดาหลา & ปะการัง แกไขคำผิดค่ะ ..........สิ่งดีดี .........
25 มกราคม 2548 17:02 น. - comment id 412948
เหมือนผ้าหมองของเก่าเอามาย้อม ผ้าจึงมอมไม่สดใสในเนื้อสี เหมือนจิตใจคนเราเปื้อนราคี จึงไร้ศรีแห่งกุศลผลชื่นบาน แต่เมื่อใดนำไปซักให้ขาว สะอาดไร้เรื่องราวจากพื้นฐาน ก็ย้อมสีได้สวยงามละลาน เหมือนจิตใจใฝ่ทานศีลปัญญา อันความหมองของผ้าที่คราคร่ำ คือผงดำที่แทรกในเนื้อผ้า เป็นอณูร้ายของอกุสลา สามตระกูลมูลพาให้หม่นมัว คือโลภะ โทสะ และโมหะ ที่เคล้าคละประกอบใจให้สลัว เป็นกิเลสเรียงรายได้สิบตัว และแยกทั่วอุปกิเลสสิบหกองค์ เป็นธรรมที่เศร้าหมองครองร้อนเร่า ดุจไฟเผาชีวิตให้ผิดหลง ทุรนทุรายไม่สิ้นสุดเพื่อหยุดปลง แต่เสริมส่งให้คว้าไขว่ไม่เคยพอ รอผู้มีปัญญามาซักล้าง ให้เจือจางจากคราบปราบการขอ ฟอกจิตใจให้สะอาดผาดละออ จึงพบสิ่งที่รอคือนิพพาน อนุโทนาค่ะคุณแก้วประเสริฐ
25 มกราคม 2548 21:24 น. - comment id 413105
คุณ แก้วนิดา ครับต้องขอขอบคุณในคำชม เรื่องกิเลสทั้งสิบนี้เป็นที่ครอบงำมวลสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏฏสังสาร จนกว่าจะหลุดพ้นบ่วงเหล่านี้จึงจะพบนิพานอันเป็นดินแดนสงบราบรื่นปราศจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ขอกุศลจงมีแด่คุณด้วยเทอญครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:25 น. - comment id 413107
คุณ กุ้งหนามแดง ขอบคุณมากครับ หวังว่าผลกุศลนี้จงมีแด่คุณซึ่งพร้อมด้วยอริยทรัพย์ทางปัญญาครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:26 น. - comment id 413108
คุณ คนเมืองลิง ครับเป็นอย่างที่คุณวิสัชนามานั่นแหละครับเรื่องกิเลสทั้งสิบนี้เป็นที่ครอบงำมวลสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏฏสังสาร จนกว่าจะหลุดพ้นบ่วงเหล่านี้จึงจะพบนิพานอันเป็นดินแดนสงบราบรื่นปราศจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ขอกุศลจงมีแด่คุณด้วยเทอญ ขอบคุณมากครับในความกรุณาช่วยชี้แจงเพิ่มเติมครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:28 น. - comment id 413111
คุณ เพียงพลิ้ว ตามที่ผมทราบมานะครับธัมมะหลายๆข้อนั้น หากเราปฏิบัติข้อใดข้อหนึ่งอย่างแท้จริงแล้วปลายทางเหมือนกันหมดครับคือนิพานครับ ขอบคุณขอผลบุญในครั้งนี้จงมีแด่คุณครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:31 น. - comment id 413115
คุณ namsai ครับวันพระย่อมเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวแก่จิตใจของพวกเราเสมอ ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องวันพระหรอกครับทุกๆวันนี้แหละดีเพียงแต่จิตใจให้มั่นศรัทธาเปี่ยมย่อมสร้างสันติสุขแก่กายและใจเราเสมอครับ ขอบคุณมากครับสหายทางธรรม แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:33 น. - comment id 413116
คุณ ดอกข้าว ครับเป็นอย่างที่คุณกล่าวไว้ไม่มีผิด หากเราหลวมตัวแก่มันมากนัก เรื่องกิเลสทั้งสิบนี้เป็นที่ครอบงำมวลสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏฏสังสาร จนกว่าจะหลุดพ้นบ่วงเหล่านี้จึงจะพบนิพานอันเป็นดินแดนสงบราบรื่นปราศจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ขอกุศลจงมีแด่คุณด้วยเทอญครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:34 น. - comment id 413117
คุณ จันทร์กะพ้อ ขอบคุณมากครับ เรื่องกิเลสทั้งสิบนี้เป็นที่ครอบงำมวลสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏฏสังสาร จนกว่าจะหลุดพ้นบ่วงเหล่านี้จึงจะพบนิพานอันเป็นดินแดนสงบราบรื่นปราศจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ขอกุศลจงมีแด่คุณด้วยเทอญครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:35 น. - comment id 413119
คุณ แม่จิตร ขอบคุณมากครับ เรื่องกิเลสทั้งสิบนี้เป็นที่ครอบงำมวลสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏฏสังสาร จนกว่าจะหลุดพ้นบ่วงเหล่านี้จึงจะพบนิพานอันเป็นดินแดนสงบราบรื่นปราศจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ขอกุศลจงมีแด่คุณด้วยเทอญครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:37 น. - comment id 413122
คุณ ลักษมณ์ ขอกุศลผลบุญนี้จงมีแด่คุณด้วยครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:39 น. - comment id 413125
คุณ อนาลัย สิ่งใดยังประโยชน์แก่มวลเราผมมักจะแสดงไว้ควบคู่กลับกลอนทางโลกเสมอครับ เรื่องกิเลสทั้งสิบนี้เป็นที่ครอบงำมวลสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏฏสังสาร จนกว่าจะหลุดพ้นบ่วงเหล่านี้จึงจะพบนิพานอันเป็นดินแดนสงบราบรื่นปราศจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ขอกุศลจงมีแด่คุณด้วยเทอญครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:40 น. - comment id 413129
คุณ ผลิใบสู่วัยกล้า ขอบคุณสหายทางธรรมมากครับ ขอผลบุญกุศลพึงมีนี้จงมีแด่คุณด้วยครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:42 น. - comment id 413132
คุณ ลำน้ำน่าน ขอบคุณยอดกวีชายที่หาโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนผมครับ ผมจะแสดงธรรมควบคู่กับกลอนทางโลกจนบางครั้งเขานึกว่าผมเป็นพระไปเสียแล้วล่ะครับ ต้องขอขอบคุณมากนะครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:44 น. - comment id 413134
คุณ ดาหลาประการัง ครับการละเว้นบางครั้งยากก็ยาก บางครั้งง่ายก็ว่าง่ายครับ ต้องประกอบด้วยกุศลทั้งเก่าและใหม่ที่ได้สร้างไว้ด้วยครับ เรื่องกิเลสทั้งสิบนี้เป็นที่ครอบงำมวลสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏฏสังสาร จนกว่าจะหลุดพ้นบ่วงเหล่านี้จึงจะพบนิพานอันเป็นดินแดนสงบราบรื่นปราศจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ขอกุศลจงมีแด่คุณด้วยเทอญครับ แก้วประเสริฐ.
25 มกราคม 2548 21:46 น. - comment id 413135
คุณ พี่ดอกแก้ว ขอบคุณที่ได้เขียนกลอนธรรมมอบให้ผมและเพื่อนๆในเวปฯนี้เสมอมาครับ เป็นไปอย่างที่ได้วิสัชนาเป็นกลอนมานั่นแหละครับเรื่องกิเลสทั้งสิบนี้เป็นที่ครอบงำมวลสัตว์ทั้งหลายให้เวียนว่ายตายเกิดตามวัฏฏสังสาร จนกว่าจะหลุดพ้นบ่วงเหล่านี้จึงจะพบนิพานอันเป็นดินแดนสงบราบรื่นปราศจากสิ่งเศร้าหมองทั้งปวง ขอกุศลจงมีแด่คุณด้วยเทอญครับ แก้วประเสริฐ.บ
27 มกราคม 2548 21:43 น. - comment id 413483
เป็นบทกลอน .. ที่สื่อ ความหมาย ..ได้ดีมากเลยนะคะ.. เรน .. แวะมา ..ขอบคุณ ..และชื่นชม พี่แก้วฯ นะคะ ..
28 มกราคม 2548 15:09 น. - comment id 413567
มาซึมซับ ตามสาย... ค่ะ เลยไม่ทันล็อคอิน ขอบคุณนะคะที่ไม่ลืม
28 มกราคม 2548 15:31 น. - comment id 413570
คุณ เรน ผมเองก็เขียนโดยอารมณ์สอดแทรกในใจแหละครับประกอบด้วยครับ ขอบใจน้องมากนะ แก้วประเสริฐ.
28 มกราคม 2548 15:33 น. - comment id 413571
คุณ ฟา ผมไม่เคยลืมเพื่อนๆเลย มีแต่เพื่อนๆลืมผมหมดครับแต่ผมคิดว่าไม่เป็นไรหรอกเพียงเราไม่ลืมเขาวันหนึ่งเขาคงจะนึกได้หรอกครับ ฉนั้นผมถึงมอบบางสิ่งบางอย่างไว้ให้เสมอครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.