. แว่วเสียงจากใบสน ทั้งห้วงหนเสียงโหยหวน หวิวใจหวามไหวจวน- เจียนดวงใจเกือบกระจาย ตรองนึกให้ตรึกนับ สนยืนรับล้อลมราย งามท่าและท้าทาย คลื่น.พายุคราโถมย้ำ กิ่งก้านช่างกร้านแกร่ง ทานลมแกล้งที่กรูกรำ ใบริ้วเป็นทิวลำ ลู่ริ้วล่องตามช่องลม ยืนต้นไม่โค่นตาม ลมคร้านขาม แลหมดคม ฝืนต้านแม้นซ่านตรม จนผงาดแลงามเงย ชีวันที่ผันว่าย ท่ามระคายทุกคามเคย ครรลองอย่ามองเลย อ่อนน้อมนำ หนักแน่นใน ดังหลัก สนทะเล อุปเท่ห์สู่ฤทัย ลมโลกย์ที่โกรกไล้ หรือทอนสุขให้ทุกข์ทรวง .
15 พฤศจิกายน 2547 23:58 น. - comment id 371006
สวัสดีค่ะ ช่างเปรียบเทียบจังนะคะ แวะมาชมสนทะเลค่ะ
16 พฤศจิกายน 2547 07:12 น. - comment id 371078
มองท้องฟ้านภาอุษาสาง ภาพเลือนลางลักษมีหลากสีสันต์ เปี่ยมคุณค่าอบอุ่นคุณอนันต์ ก่อนตะวันวสันต์กลบจันทรา ยืนริมชานด้านนอกเห็นหมอกขาว มองดวงดาวลางเลือนค่อยเคลื่อนหาย ธรรมชาติร่วมแรงแต่งลวดลาย มาทักทายข้างเคียงเรียงร้อยใจ ทับสะแก
16 พฤศจิกายน 2547 09:07 น. - comment id 371092
กลอนลักษณะนี้ เมกยังไม่ได้ศึกษาเลยครับ ฮิๆๆ ขอชื่นชมอย่างเดียวนะครับ ที่คุณรัถยาเขียน เขาเรียกว่ากลอนอะไรครับ กลอนหก หรือกลอนอะไรครับ ฮิๆๆ ทำตนเหมือนต้นสน..ปัญหาก็น้อยครับ +-*-+ +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+
16 พฤศจิกายน 2547 09:17 น. - comment id 371098
ชอบเสียงสนมากค่ะ.. ไม่ว่าสนทะเล.. หรือสนภูเขา.. ขออนุญาตเก็บงานชิ้นนี้เข้าหน้าส่วนตัวนะคะ.. ขอบคุณค่ะ.. สวัสดี..
16 พฤศจิกายน 2547 10:47 น. - comment id 371152
กิ่งก้านช่างกร้านแกร่ง ทานลมแกล้งที่กรูกรำ ใบริ้วเป็นทิวลำ ลู่ริ้วล่องตามช่องลม ยืนต้นไม่โค่นตาม ลมคร้านขาม แลหมดคม ฝืนต้านแม้นซ่านตรม จนผงาดแลงามเงย... ๏ ทำใจให้หนักแน่น.............ละม้ายแม้นเปรียบหินผา ลมเป่าเขย่ามา................สนเจ้าท้ายืนลมไกว ๚ เปรียบคนให้เหมือนคม............ยืนให้ข่มทุกความนัย เป็นหลักให้แก่ใจ....................ทุกอารมณ์ใครถมมา คุณยังเขียนกาพย์ยานี (๑๑) ได้งดงาม มาตามอ่านค่ะ
16 พฤศจิกายน 2547 13:59 น. - comment id 371253
คิดถึง..คิดถึง และคิดถึงค่ะ แทนใจด้วยบทเพลงนี้นะคะ ******* http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=431 สนต้องลม รวงทอง ทองลั่นทม : : Key C ลมพัด โชยพริ้วมา เยือกเย็นอุราพาให้ชื่น ลมเย็น ระรื่น ชุ่มชื่นรื่นฤทัย ดูสน เป็นแถวทิวแลละลิ่วงาม วิไล ต้องลม พัดไกว กิ่งใบไหวอ่อนโยน เมื่อสน ต้องลม โอนอ่อน ระเนน ทอดนอน ไหวเอน แลดูต้นอ่อนโยน ดูสน ฉงนใจเหตุไฉนใย ไม่โค่น ต้องลม พัดโอน อ่อนโยนตามสายลม ความรัก ก็เหมือนกัน เมื่อแรกนั้นรสหวานชื่น ทุกค่ำ ทุกคืน สดชื่นน่าเชยชม แต่แล้ว เมื่อรักจาง กลับอ้างว้างใจ ระทม ฉันชมแล้วตรม ขื่นขม ยากเย็น เมื่อนึก ถึงเรา แสนเศร้า หัวใจ รักอยู่ ภายใน ใครเล่าจะแลเห็น โอ้รัก ไม่แน่นอน เปลี่ยนเป็นร้อนแล้วก็เย็น หัวใจ ไหวเอน ดังเช่นสนต้องลม...
16 พฤศจิกายน 2547 14:03 น. - comment id 371255
ขออัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ อันแสนจะงดงามยิ่งใหญ่ เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมเหนือดวงใจค่ะ แทนศรัทธารักยิ่งในดวงใจ ที่กำลังฟังด้วยความซาบซึ้งนะนาทีนี้ค่ะ http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=6199 อาทิตย์อับแสง เพลงพระราชนิพนธ์ : : Key Am เคยชม ร่วมภิรมย์ใจ ด้วยความรักจริง ยิ่งใหญ่ ผูกพันหัวใจ เรามั่น รักเอย เคยอยู่เคียงกัน ร่มเย็นมิเว้น วายวัน ด้วยความสัมพันธ์ ยืนยง ทิวางาม ยามอยู่เคียงคง สุริยาแสงส่อง ปวง ชีวิตในโลก ดำรงเริงใจ ร้างกัน วันห่างไปไกล มืดมนหมองมัว ปานใด เยือกเย็นเข็ญใจ รัญจวน ไกลกัน พาพรั่นใจครวญ ร่างกายทรุดโทรม ทุกส่วน จิตใจร้อนรวน แรงอ่อน รักเอย เลยกลับอาวรณ์ ค่ำคืนฝืนใจ ไปนอน ยิ่งดูเหมือนฟอน ไฟลน ทิวาทราม ยามห่างดวงกมล สุริยาหมองหม่น ปวง ชีวิตในโลก อับจนเสื่อมทราม หวังคอย คอยเฝ้าโมงยาม จวบจนทิวา เรืองงาม สบความรักยาม คืนคง จวบจนทิวา เรืองงาม สบความรักยาม คืนคง... ****** พุด..เพียรรจนางานงามประกอบบทเพลงแสนงดงามนี้ค่ะ รออ่านนะคะ
16 พฤศจิกายน 2547 14:05 น. - comment id 371258
สวัสดีเจ้าค่ะพี่รัน กลับมาทันอ่านงานพี่พอดีเลยค่ะ คิดถึงเพลง *สนต้องลม* ที่คุณพุดลงไว้พอดีเลยค่ะ มีเนื้อเพลงแล้ว...มาค่ะ..พี่เล่นกีตาร์นะคะ เดี๋ยวลี่ร้องเอง อิอิ บทนี้พี่เล่นสัมผัสอักษรได้สวยจริงๆ เลยนะคะ คุ้มค่าที่รออ่าน อ้อ!วรรคที่ขาดไป ไปร่วมเขียนให้แล้วนะคะ ให้ดีพี่นำวรรคของลี่ไปลงเลยก็ได้ค่ะ อิอิบังคับไปในตัว ว่าแต่อ่านแล้วคุ้นๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ แหะๆ ................................................................................................... ลี่...ผู้มาเยือน .
16 พฤศจิกายน 2547 21:59 น. - comment id 371671
. คุณเพียงพลิ้ว หลายๆ ครากับพายุที่โถมย้ำ ก็ต้องยืนทนอย่างสนต้องลมทะเลนั่นแหล่ะ คุณเพียงพลิ้ว ขอบคุณมากนะ .................................. คุณทับสะแก เชิญที่ริมชานร่มลานสนกับน้ำเย็นๆนะคุณทับสะแก ขอบคุณสำหรับบทกลอนนี้นะ อิอิ ................................... คุณเมกกะ อืม เรียกว่า กาพย์ยานี ๑๑ นะ ................................... คุณสาวบ้านนา ก็ติดตามรจนาของสาวนา และพุดพัดชา เกือบทั้งหมดนั่นแหล่ะ หลายครั้งที่เข้าไปตอบถ้าสังเกตให้ดี อิอิ ขอบคุณมากนะสำหรับบทเเพลงสนต้องลม และอาทิตย์อับแสง กับความผูกพันและความคิดถึง แล้วจะคอยอ่านงานรจนาของคุณนะ ....เพลงพระราชนิพนธ์ ชื่อ อาทิตย์อับแสง ความหมายดีจังคุณสาวบ้านนา ................................ ....ลี่ ....พี่ยังไม่ได้เข้าไปอ่านเลย เดี๋ยวตามไปอ่านที่มาต่อนะ ลี่ ....ตอนนี้นิ้วพี่จับคอร์ดไม่ถูกแล้ว อิอิ ....ส่งรูปมาให้ชมบ้างนะบ้าง .
16 พฤศจิกายน 2547 22:21 น. - comment id 371697
และแล้ว อาก็แต่งได้ไพเราะอีกแล้ววว ซักวันจะมาโพจเป็นกลอน อิอิอิ
16 พฤศจิกายน 2547 22:31 น. - comment id 371702
อารอบีมาโพสเป็นกลอน เหมือนกัน แล้วดูหนังสือหรือยังละ
16 พฤศจิกายน 2547 22:37 น. - comment id 371712
คุณกอกก ขอบคุณมากนะ งานของคุณกอกก ไพเราะนะ ........................ คุณทิกิ ขอบคุณมากนะกับยานี๑๑ ที่ตอบมา
17 พฤศจิกายน 2547 08:56 น. - comment id 371909
เล่นคำได้สวยตลอดกาพย์ ฝีมือไม่ธรรมดา ลีลาแบบนี้ไม่เรียก...มันเผา คือ...ไม่สุกเอาเผากิน ก๊าบๆๆๆๆๆๆๆ
17 พฤศจิกายน 2547 12:11 น. - comment id 372041
งามมากครับงามจริงๆครับ แก้วประเสริฐ.
17 พฤศจิกายน 2547 23:58 น. - comment id 372474
ขอบคุณทั้งสองท่านคุณภีม พีรณุและคุณแก้วประเสริฐ มากนะขอรับ ยังคงต้องเรียนรู้อีกมากนะครับ
22 พฤศจิกายน 2547 19:52 น. - comment id 375312
ไพเราะทั้งเนื้อคำ..และเนื้อความ...ประทับใจค่ะ...มาเยี่ยมนะคะ..
22 พฤศจิกายน 2547 21:51 น. - comment id 375440
ขอบคุณมากนะคุณราชิกา ที่มาเยี่ยมเยือนกัน พร้อมๆกับกำลังใจ
15 มกราคม 2548 19:20 น. - comment id 406639
สนต้องลมทะเล ( เนอะ )