บทกลอน ..ของคุณลุง.. ที่ให้เรน.. หัวใจคนลึกล้ำเกินกำหนด ยากหาบท-ใดสรุปเป็นรูปร่าง แผกความคิดต่างร่องเป็นช่องทาง ความแตกต่างย้ำเตือนไม่เหมือนกัน เดือนดาราพราวกระจ่างอยู่กลางฟ้า ต่างสายตาชื่นชมแผกรมย์ฝัน ลำดับเรื่องคิดตามความสำคัญ นภานั่น-แคบไปนิดคลุมจิตใจ จินตนา การฝันต่างสั้นยาว ทุกเรื่องราววันวารต่างขานไข ควรเป็นเพื่อนพี่น้องประคองไป จัดสรรให้ความรักสามัคคี สิ่งมีค่ายากจะได้ในชีวิต คือน้ำมิตรหว่างคนบนวิถี เราต่างเกิดร่วมโลกล้วนโชคดี ควรหรือมีรอยด่างเพราะต่างใจ..@ แม้จะเป็นเพียงถนนแคบๆแต่เราจะให้เขาเดินโดยมั่นคง ปลอดภัย เมื่อถึงถนนกว้างใหญ่..เขาเดินด้วยความสง่า..เราจะส่งเขาด้วย สายตาที่เป็นสุข ..................................... ผมหัวเราะไม่ค่อยเป็นต้องขออภัย..แต่คุณระวังอย่าหัวเราะบ่อย เด็กๆจะกลัว..ตอนนี้ผมกำลังยิ้มให้คุณด้วย...สวัสดีครับ.. ( ..อันนี้ เรนชอบมากเลยคะ.. ) ......................................................... ..เรน ..ขออนุญาต...คุณลุง และสหายคุณลุงนะคะ.. บทสนทนา .. ที่เรน ..ชอบมากเลยคะ.. เรน .. ขออนุญาต .. นำไปโพส ..ในกระทู้ใหม่.. ของเรน ..นะคะ.. ก็ ..เรนเชื่อ..นะดิคะ ..ว่า .. สิ่งที่คุณลุง.. กับสหายร่วมวัย..ของคุณลุง.. สนทนากัน .. มีประโยชน์.. สำหรับเรน .. และพี่ๆ.. เพื่อนๆ มากเลยคะ.. ..บทวิเคราะห์ .. บางอย่าง .. ที่เรนยอมรับ.. และมีอีก มากมาย .. .. กับความรู้สึก.. ที่เรน .. ประทับใจ.. ในตัวของคุณลุง.. เรน .. ขออนุญาต..คุณลุงและสหายร่วมวัย ..ของคุณลุง .. ด้วยนะคะ.. .............................. บทกลอน..ของเรน .. ให้คุณลุง . ความรักก่อ ..ทางฝัน ..แบ่งปัน ให้.. ซึมซาบใจ ..หยั่งลึก .. ครานึกถึง.. ความผูกพัน .. แนบอุรา .. แสนตราตรึง.. สุดซาบซื้ง .. ท่าน ให้ .. ห่วงใยมา.. เฮ้อ!! .. เรนแต่งแล้ว ..นา ... ( บทสนทนา ..เรนก๊อปมา ..โพสไว้ข้างล่าง .. เองคะ..)
11 พฤศจิกายน 2547 20:33 น. - comment id 368293
คนวัยเดียวกัน..ขอบคุณครับ ทางกลอนหนึ่งบทของคุณที่เห็นเมื่อวาน กับทักษะการเสวนา..ยินดีที่ได้รู้จักครับ..ขอยกน้ำชาให้หนึ่งถ้วย.. ภาษาที่คุณใช้วิสาสะ นับว่าอาวุโสกว่าผม แนวทางกลอน เสียงกลอน ระดับครูคนหนึ่ง บทเดียวก็พอจะมองออก...ถ้ามีอะไรจะแนะนำก็เชิญนะครับ..ยินดีเสมอ..และถ้ามีเวลาว่างก้เชิญมาคุยกันบ่อยๆ เรื่องกลอนก็ได้..เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน.. สวัสดีทุกท่านนะครับ ขอให้มีความสุขทุกท่าน จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 368623 - 01 พ.ย. 47 - 12:57
11 พฤศจิกายน 2547 20:33 น. - comment id 368294
ความคิดเห็น : จะเหลิงดีมั้ย ??? เอาแน่กับแนวทางกลอนผมไม่ได้หรอกครับ บางทีผมก็แกล้งเขียนซะดี ทั้งที่ปกติจะไม่ได้เรื่อง ส่วนเรื่องแนะนำ คิดว่าไม่กล้าละ แค่ทักนิดเดียว มีคนหาว่าเป็นมารผจญไปแล้ว นึกถึงคำพูด ดร.เจตนา นาควัชระ ที่ว่า คนไทยไม่มีวัฒนธรรมการวิจารณ์ นึกถึงผลการวิจัยว่าคนไทยตกการอ่าน สรุปว่า ผมอยู่ตรงที่ผมสบายใจดีกว่า จาก : คนวัยเดียวกัน รหัส - วัน เวลา : 368674 - 01 พ.ย. 47 - 13:58
11 พฤศจิกายน 2547 20:34 น. - comment id 368295
ต้องบอกว่า วัฒนธรรมยอมรับการวิจารณ์คงจะถูก... แต่จริงๆต้องดูที่ผู้จะทำการวิจารณ์ด้วย..และก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน..นิสัยคนไทยเรา..ถ้าขาดซึ่งการยอมรับนับถือด้วยใจจริง ยากนักที่จะยอมกัน...วัฒนธรรมทางความคิดของคนไทยเรา ยังแตกต่างกับทางตะวันตกมาก...จะใช้แนวคิดด้านนั้น มาตัดสินคนไทยทีเดียวก็คงไม่ถูกนัก..ส่วนเรื่องคนไทยตกการอ่าน... ผมว่าเป็นเพราะแผนพัฒนาการศึกษาของเราช้าเกินไป...คนรุ่นเก่าตามชนบทห่างไกลความเจริญ..ย่อมมีโอกาสในการอ่านน้อย อันนี้ยากจะเอามาประมวลรวม..ผมว่าอีกไม่เกิน20ปี การอ่านของคนไทยต้องก้าวหน้าขึ้น เพราะคนปัจจุบัน เห็นค่าของการศึกษามากขึ้น.. พอดีว่างครับ เลยเขียนยาวไปหน่อย คำว่า มารผจญ..มิได้หมายถึงคุณหรอก...คุณมาจับการสื่อสั้นไป...บางครั้งการคบหากันยาวนาน การสื่ออาจเข้าใจเฉพาะกลุ่ม หรือ เฉพาะคน..คนๆนั้นเขาเป็นคนน่ารักครับ อย่าคิดมากเลย รักๆกันไว้ดีกว่า นิดหน่อยก็ปล่อยผ่านๆไป โดยเฉพาะท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย..ต้องกว้างมากๆครับผม.. สวัสดีนะครับ.. จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 368705 - 01 พ.ย. 47 - 14:38
11 พฤศจิกายน 2547 20:38 น. - comment id 368298
ผมว่าใช้ วัฒนธรรมการวิจารณ์ น่ะ ถูกแล้ว เพราะมันเริ่มจากการที่เราไม่รู้จักการวิจารณ์ มีแต่ตำหนิ หรือ เหน็บแนม ไม่ก็ด่าทอ คนก็เลยไม่คุ้นกับการวิจารณ์ พอใครวิจารณ์ก็คิดว่าเขา ตำหนิ หรือ เหน็บแนม ไม่ก็ด่าทอ แล้วก็ตอบโต้ ส่วนที่ผู้เฒ่าแก้ตัวแทนนั้น ขอบอกว่าผมไม่ได้เอามาเป็นอารมณ์ แต่มันเป็นสัญญาณบอกว่าผมควรทำ หรือไม่ทำอะไรที่นี่ เหอๆๆๆ จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 371864 - 05 พ.ย. 47 - 20:25
11 พฤศจิกายน 2547 20:39 น. - comment id 368299
คุณลุงของเรน : สหายร่วมวัย..ผมท่องไปตามเวบกลอนต่างๆมามาก ได้ไปดูและศึกษาทั้งเรื่องกลอน และวิสาสะ เพื่อรับรู้และแสดงความคิดเห็น... จากคำพูดที่ว่า..ผมเองก็ไม่เคร่ง..และแทนเสียงหัวเราะ..เหอๆๆ..แบบนี้.. น้อยคนนักที่คนในวงการกลอนโลกเนต จะแสดงออกแบบนี้..ผมพอทราบแล้วว่าคุณเป็นใคร...ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่กรุณา มาสนทนาด้วย..จริงๆ เรื่องการวิจารณ์นี่... มีมุมให้มอง และปฎิบัติ ได้หลายมุม..ก็อย่างที่ผมบอกเสมอๆที่นี่ ว่าคนเราต่างจิตต่างใจ.. ส่วนบรรทัดสุดท้ายที่คุณเขียนไว้..ผมตอบว่า..สิ่งที่คุณจะทำ..คุณเลือกที่ด้วยหรือ..กับยี่ห้อ จรรโลง..เรามองโลกยุคใหม่..กระแสวิวัฒนาการ..เราเป็นผู้ให้ .. สำหรับผมแล้ว..แม้สิ่งที่ผมให้จะไม่ค่อยสมบรูณ์นัก..แต่ผมก็พยายามและเต็มใจ ยื่นให้ ไม่ต้องรอให้เขา ยื่นมือมาขอ... พื้นฐานเท่านั้นที่ผมทำได้..และหวังว่าคงได้มีโอกาสรบกวนคุณ..สำหรับผู้ที่สนใจการเขียน..เป็นความตั้งใจของผมจริงๆ..ที่ต้องการให้ผู้ที่ชอบเขียน ได้ ก้าวไปให้ถึงจุดที่ฝัน สวัสดีครับ. จาก : รหัสสมาชิก : 6619 - ผู้เฒ่า รหัส - วัน เวลา : 372176 - 06 พ.ย. 47 - 12:10 ...............................................................
11 พฤศจิกายน 2547 20:40 น. - comment id 368300
ความคิดเห็น : สงสัยว่าผู้เฒ่าต้องทบทวนว่าผมให้โดยรอคนขอหรือไม่ แต่มีภาษิตจีนว่า ปลูกพืชให้ดูดิน ที่จริงดูแค่ดินยังไม่พอ ภูมิอากาศและฤดูกาลก็ต้องดูด้วย วันนี้.. ถ้าถามว่าอยากเขียนได้ดีไหม คนที่ไม่โกหกตัวเองคงบอกว่าอยาก ผมก็อยาก และยังทำไม่สำเร็จ แต่บอกได้เลยว่ามันต้องเหนื่อยหนักหนาสาหัส กี่คนล่ะที่อดทนได้ ยิ่งคนที่แค่โดนตำหนิก็ทนไม่ได้แล้วละก็...... นักกีฬาที่ไม่แข็งแกร่ง ลำพังเทคนิคการเล่นคงช่วยอะไรไม่ได้มากนัก จริงไหมครับ? จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 372319 - 06 พ.ย. 47 - 18:43
11 พฤศจิกายน 2547 20:41 น. - comment id 368301
คุณลุงของเรน : อย่างหนึ่งที่คุณกับผมคล้ายกัน คือ หลงใหลในกลอนตลาด..ไม่รู้จะใช่หรือเปล่า..ว่าตามที่เห็น.. ผมทราบอยู่ว่าคุณพร้อมที่จะให้..ขอเพียงไปให้ถึง... อาจต่างจากผม คือผมเดินเข้าหา..คลุกคลี คลุกฝุ่น และคลุกเคล้า อยู่ด้วยกัน..แนะนำและโน้มน้าว.. เหตุที่ผมมาขอสมัครเป็นผู้สอน ก็ตามที่ผมเขียนเป็นกลอนนั่นแหละ... ตอนนี้เราเปิดการค้าเสรีกับจีน เรื่องการปลูกพืช นอกจากยาง..ลำใยนิดหน่อย..อย่างอื่นดูเราจะเสียเปรียบเขา..ฉะนั้น สุภาษิตจีน บทนี้ ผมคงต้องคัดค้าน.. ถ้าผมจะปลูกต้นไม้สักต้น..ผมจะไม่ดูอะไรมากนัก ดิน..ปรับปรุงได้.. ภูมิอากาศ..ก็สร้างภาวะเรียนแบบได้ ฤดูกาล..ยุคนี้เกือบไม่ต้องดู.. นอกจากวงการก่อสร้าง ผมอยู่ในวงการพืชด้วย และเคยตอบปัญหาทางการเกษตรอยู่หลายเวบ.. ที่ยกกล่าวอ้างค้าน เพราะว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป บางครั้งเราย่ำอยู่กับที่ไม่ได้.. ว่าถึงเรื่องกวี..ผมก็รู้ว่ามันไม่ง่าย..แต่ถ้าเห็นยากก่อน..คนรุ่นใหม่ส่วนมากจะหันหลังหนี... ฉันท์ กำลังจะหายไป เพราะนับวันคนสืบทอดน้อยลงๆ..โคลงก็ยังน้อยกว่ากาพย์..ผมมองว่า พื้นฐานเราน่าจะทำให้มันดูง่ายขึ้นก่อน ให้คนรุ่นใหม่สนใจ. ไปจากกลอนตลาด และมันจะมีวัฒนาการไปถึงการเขียนร้อยกรองแบบอื่น..มิฉะนั้น อีกไม่นานกลอนเปล่าจะเข้ามาแทนร้อยกรองทุกอย่าง..การเขียน อะไรที่ยากจะทำความเข้าใจให้เด็กอ่าน..ผมรับรองเขาไม่อ่าน และจะมีความคิดไม่อ่านติดไปอีกนานแสนนาน.. พิมพ์เยอะแล้วขออภัยด้วย ที่ทำให้อ่านมากปวดตา..วันนี้เราไม่ลงหลุม จะไม่ทราบเลยว่าก้นหลุมเป็นฉันใด....สวัสดีครับ... จาก : รหัส - วัน เวลา : 372349 - 06 พ.ย. 47 - 20:23 ........................
11 พฤศจิกายน 2547 20:42 น. - comment id 368302
ความคิดเห็น : วันนี้เราไม่ลงหลุม จะไม่ทราบเลยว่าก้นหลุมเป็นฉันใด.. ผมก็ลงมาหลายหลุมนา เหอๆๆๆ การเรียนเขียนร้อยกรอง ต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจว่าร้อยกรองคืออะไร และต้องไม่ลืมว่าแก่นของงานเขียนก็คือเนื้อหา เพราะร้อยกรองเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของการเขียน และถ้าถามว่าร้อยกรองคืออะไร ก็คงต้องตอบว่าร้อยกรองไทยมีพื้นฐานมาจากการขับ สมัยก่อนเราฟังด้วยหู มากกว่าที่จะอ่านด้วยตา ก็เลยทำให้ร้อยกรองไทยมี จังหวะ และ ท่วงทำนอง และเพื่อให้จำง่าย ร้อยกรองไทยจึงใส่ความคล้องจองของคำลงไป หรือที่เราเรียกว่า สัมผัสสระ ขณะเดียวกันก็เติมความไหวด้วยการเล่นล้ออักษรหรือสัมผัสอักษร แต่คุณค่าของร้อยกรองอยู่ที่ ประเทืองปัญญา และ สะเทือนอารมณ์ คือต้องอ่านแล้วได้ปัญญา กับอ่านแล้วมีอารมณ์รู้สึกตามนั้น ซึ่งเราคงทำแบบนั้นไม่ได้ถ้าใช้คำผิดความหมาย หรือเดินความวกวน ถ้าไม่เริ่มจากพื้นฐาน ก็ต้องปรับพื้นฐาน มิฉะนั้น ไงๆ ก็ไปไม่ไกลหรอก อย่างไรก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนการเขียน ก็คือต้องเริ่มจากการอ่าน และห้ามเรียนลัดข้ามขั้นตอนนี้เป็นอันขาด จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 372594 - 07 พ.ย. 47 - 10:48
11 พฤศจิกายน 2547 20:43 น. - comment id 368304
สหายร่วมวัย : ที่ผ่านมา เราไปติดอยู่กับเปลือกอันอลังการของร้อยกรอง ใส่สัมผัสในแพรวพราว ใช้คำวิลิศมาหรา โดยลืมที่จะเขียนให้อ่านรู้เรื่อง เมื่ออ่านไม่รู้เรื่อง ก็ไม่สามารถเก็บเกี่ยวอรรถรส อาการ ประเทืองปัญญา หรือ สะเทือนอารมณ์ ก็ไม่เกิด เราลืมสอนแก่นของงานเขียนให้คนเขียนร้อยกรอง พอยึดติดกับเปลือก สักแต่มีสัมผัสแพรวพราว แต่ใช้คำผิดความหมาย เดินความวกวน ผูกประโยคแบบไม่เป็นภาษามนุษย์ คนอ่านก็ไม่เข้าใจ และแน่นอนว่าไม่มีทางเกิดความประทับใจ กลอนเปล่าที่เขียนเป็นภาษาง่ายๆ อ่านเข้าใจ ก็มาแทนที่ และถ้าถามว่าแล้วร้อยกรองจะเอาอะไรไปสู้ ก็คงต้องตอบว่า เอาคุณสมบัติที่ได้เปรียบสิ รอให้ผู้เฒ่ามาสาธยายเองดีกว่า ว่าคุณสมบัติที่ได้เปรียบของร้อยกรองอยู่ตรงไหน จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 372597 - 07 พ.ย. 47 - 11:08
11 พฤศจิกายน 2547 20:44 น. - comment id 368305
คุณลุงของเรน : การสอนเรื่องเกี่ยวกับร้อยกรอง ปัจจุบัน ป4-ป5 ก็สอนกันแล้วครับ.ผมพอรู้จักกับครูผู้สอนอยู่บ้าง บางเวลาก็มีโอกาสไปคลุกอยู่กับเด็ก.. สอนบ้างคุยเล่นบ้าง ได้ค่าแรง คือรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ โรงเรียนตามชนบท วิชานี้เน้นน้อยมาก..และความสนใจของเด็กก็ไม่มาก เพราะไม่ใช่ วิชาหลักของ การเรียน... จากตรงนี้ไป..เด็กมักจะมองเห็นว่า นอกจากไม่ค่อยมีประโยชน์ และยังยุ่งยากต่อการลองเขียน เนื่องจากถูกบังคับ อยู่ด้วยฉันทลักษณ์..การเขียนกลอนเปล่า จึงเริ่มณ.ตรงนี้.. ถ้าถามเขาว่า ร้อยกรองคืออะไร รูปแบบคืออะไร ผมว่าเขาต้องรู้..เพราะว่ามันออกข้อสอบ..แต่ถ้าถามว่าชอบมั้ย..เด็กกว่าครึ่งส่ายหัว... แก่นของงานเขียน จะเกิดขึ้นไม่ได้..ถ้าไม่มีคนรักจะเขียน...หรือชอบเขียนให้ถูกแบบ...กลอนเปล่าเขียน-อ่านแล้วรู้เรื่องเลยง่ายกว่ามาก.. ฉะนั้น ตรงนี้ ผมจึงตอบว่า...ให้เขารักร้อยกรองก่อน แล้วเขาจะพัฒนาไปหาแก่นเอง เพราะโดยวิสัยของคน มีการปรับตัว ที่ดีกว่าสิ่งมีชีวิตประเภทอื่น.. ตัวใหญ่กว่า จิ้งจก-ตุ๊กแก ตั้งเยอะ. จริงๆผมให้ความสำคัญกับการอ่าน มากเช่นกัน เลยทำซี.ดี แจก..แต่ถ้าคุณหมายถึงอ่านความคิดเห็น ที่แตกต่างกันออกไป..นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง.ส่วนการ ประเทืองปัญญา กับ สะเทือนอารมณ์...ตรงนี้แหละผมว่าปัญหา..ปัญญากับอารมณ์ มันไปกันไม่ได้อยู่แล้ว คุณคงเคยได้ยินบ่อยๆ พอเกิดอารมณ์ปัญญาก็ ตายไป.. ประเทืองปัญญา คุณหมายถึงเนื้อหาของบทกลอน.. สะเทือนอารมณ์..ก็คือ ความรู้สึกจากสิ่งที่ได้อ่าน ผมพยายามจะบอกว่าสองอย่างนี่ มันไปด้วยกัน ลำบาก และก็ให้ความหมายต่างกัน...เรื่องนี้อธิบายกันยาว พักไว้ก่อน.. ผมพอเข้าใจ เรื่องการใช้คำและการไล่ความอยู่บ้าง อาจจะไม่สันทัดเท่าคุณนัก..ก็พอเข้าใจในระดับหนึ่ง..แต่การเรียนรู้ทุกอย่าง ต้องนับจากหนึ่ง..เอาฐาน ก่อน แล้วค่อยๆ ขึ้นไปหายอด..จะเรียนที่เดียวเลย..ยากนัก..โดยเฉพาะคนที่ไม่มีฐาน...ก็อย่างที่ผมบอก ควรทำให้ง่าย ให้เกิดความชอบก่อน... การสัมผัสอักษรคงต้องเป็นอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนา..เพราะถ้าใหม่ๆ อาจทำไม่ได้ดี ทำให้อรรสรถของกลอนเสียไป ยังไงซะ มือใหม่ๆ ควรศึกษา เพียง สัมผัสสระ ให้แม่นและชำนาญก่อน ผมพอเข้าใจสิ่งที่คุณแนะนำ..ในสิ่งที่ผมกำลังทำ ผมยินดีจากใจจริง..รับฟังและขอบคุณ..ผมแจ้งเสมอว่า ผมนั้นเป็นฐาน..เป็นถนนเส้นเล็กๆ ให้เขาเดิน อย่างมั่นคง มีความสบายใจปลอดภัย จนกว่าเค้าจะไปถึงถนนใหญ่ และเมื่อเขาเดินอย่างสง่า ถึงที่หมาย ผมก็คงมองเขาด้วยสายตาที่เป็นสุขเท่านั้น.. จบ การตอบโพสที่1.... เรื่องสัมผัสใน..เรื่องนี้จริงๆผมคิดว่า อยู่ที่การใส่ให้เหมาะสม..ไม่เฟ้อไป มากไป..และรักษาความหมายของ เนื้อหาให้ได้..ก็สวยงามแล้ว ผมมองว่าเรื่อง สัมผัสใน เป็นเรื่องจำเป็น เพราะเป็นการแสดงลีลาของการเขียนอย่างหนึ่ง.. ส่วนคำวิลิศมาหรา..อันนี้อยู่ที่ประเภท ของร้อยกรอง ที่จะเขียน..แล้วแต่คนชอบเขียนและคนชอบอ่านชอบดู แล้วแต่ใจ...ส่วนตัวร้อยกรองประเภทที่ อ่านเข้าใจยาก ผมก็เหมือนเด็กๆนะ ให้ความสนใจน้อย ฉันท์ก็จะเลือกอ่านเฉพาะที่ไม่ต้องแปลมาก โคลงก็เช่นกัน... ในแบบกลอนตลาด ผมเขียนและแนะนำ เฉพาะคำที่อ่านเข้าใจง่าย..โดยเฉพาะไม่แนะนำให้เอาคำ ที่ประ..ที่ลด...ในฉันท์ มาใช้ในกลอนตลาด คนละ ประเภทกัน..คำว่ากลอนตลาดชื่อบอกอยู่แล้ว... ส่วนแก่นของร้อยกรอง ต้องค่อยๆให้ผู้เขียนฝึกฝน และ เดินเข้าหา ซึ่งผมแจ้งไว้ข้างบนว่า อยู่ที่การปรับตัว.. คุณสมบัติที่ได้เปรียบของร้อยกรอง..กับกลอนเปล่า..อยู่ที่ความสวยงามของภาษาไทย.และความชำนาญของผู้เขียน....แต่ทั้งสิ้น..ต้องถามว่า..วันนี้เธอรัก ร้อยกรองหรือยัง..เพราะถ้าไม่รัก ทุกเรื่องที่ผมกับคุณสนทนากันมา หรือจะมีประโยชน์.... ขอขอบคุณครับ สำหรับความรู้ที่แนะนำ ตอนนี้คุณลงมาแตะพื้นก้นหลุมแล้ว..เพียงแต่คุณยังไม่ได้คลำ ให้รู้ว่า..คุณลงมาทำไม...และจะทำอะไรต่อไป... สวัสดีนะครับ... จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 372721 - 07 พ.ย. 47 - 16:10
11 พฤศจิกายน 2547 20:44 น. - comment id 368306
น่ารักจังเลยนะจ๊ะพี่หวานถือว่าเป็นคนแรกคิกๆๆๆๆๆคิดถึงเสมอจ๊ะจ๊วบๆๆๆๆๆๆๆ
11 พฤศจิกายน 2547 20:45 น. - comment id 368307
ความคิดเห็น : การอ่าน..ที่ผมต้องการสื่อถึง คือการอ่านร้อยกรองดีๆ อ่านให้จับจังหวะได้ และเห็นความงามของภาษา ปัญหาคือ เป็นการยากที่จะหาร้อยกรองดีๆอ่าน ตรงนี้หมายถึงร้อยกรองดีๆสำหรับเด็กนะครับ วรรณคดีเก่าๆ ก็มีเนื้อหาและภาษาที่พ้นสมัย งานใหม่ๆที่จะเขียนเพื่อให้เด็กอ่านก็แทบไม่มี ก็ได้แค่หวังว่าจะมีกวีให้ความสำคัญกับจุดนี้บ้าง หรือไม่ก็จะมีคนโตแล้วเกิดชอบอ่านร้อยกรองขึ้นมาบ้าง แต่ถ้ามีแต่ร้อยกรองที่อ่านไม่รู้เรื่อง ก็เป็นอันว่าสิ้นหวัง ประเทืองปัญญา กับ สะเทือนอารมณ์ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ยากแล้ว เอาทั้งสองเลยยิ่งยากหนักหนาสาหัสสากรรจ์ แปลว่าเอาสักอย่างก็พอ แต่ถ้าทำได้ก็ทำให้มีครบ (ผมก็ยังทำไม่ได้) ร้อยกรองนั้นมีข้อได้เปรียบที่ความไพเราะ กับจำง่าย มีคนท่องจำร้อยกรองยาวๆได้ แต่ไม่มีใครท่องกลอนเปล่า สำคัญเพียงว่า เราเขียนให้มันน่าท่องจำสักแค่ไหน เกือบลืม โจอี้ บอย ก็ยังรักร้อยกรองเลย จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 372738 - 07 พ.ย. 47 - 16:40
11 พฤศจิกายน 2547 20:46 น. - comment id 368310
คุณลุงของเรน : เรื่องการอ่าน คงหลังจากผมส่งซี.ดี ไปสักระยะ คงได้ร่วมแสดงความคิดเห็นกัน กับเพื่อนๆณ.ที่นี้..คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะครับ..ผมเชื่อ ว่า เรื่องหลักภาษาก็ดี ฉันทลักษณ์ก็ดี อันนี้เป็นสิ่งตายตัว..ทุกคนถ้าตั้งใจ เรียนทันกันแน่.. แต่ที่ไม่เท่ากัน คือประสพการณ์ และจินตนาการ อันนี้ต้องประกอบด้วยการขยันอ่าน ขยันเขียน..ขยันคิด..ซึ่งผมก็มีความหวังเช่นเดียวกัยคุณ ที่อยาก อ่านบทกวีที่ดีๆ..แต่ทั้งนี้ คงต้องใช้เวลา..เพราะคนเราไม่เท่ากัน ในเรื่องของความคิด... การเขียนกลอนผมเลือกสะเทือนอารมณ์ก่อนครับ..แล้วสอดแทรกประเทืองปัญญา..อยู่ในแบบแผน ของการเขียน..ซึ่งผมก็ยังทำไม่ได้ดี ผมจึงจมอยู่กับ กลอนตลาด..ความจริงผมมักจะบอกทุกท่านอยู่เสมอ ว่าผมไม่ใช่ และไม่คิดจะเป็นกวี...ตัดตัวไว้แม้กระทั่งสิ่งที่ผมเขียน ผมยังไม่เรียกว่างานเลย ..เพราะ ผมต้องหากินด้านอื่น แต่ถ้าเรียกผมว่า คนส่งฝัน ผมจะมีความสุขมากกว่าที่จะเรียกผมว่ากวี.... ผมฟังเพลงแร๊พ ไม่เป็นหรอกครับ..อาจจะเป็นว่า ชราเกินไป..แล้วคุณโจอี้บอย..ถ้าจับมาเขียนกลอน ตามหลักที่ถูกต้อง..ผมมั่นใจว่า เขาไม่อยากทำหรอก ครับ...ร้อยกรองแบบเพลง ต่างกันมาก กับบทกวี..และไวพจน์ เพชรสุพรรณ ก็แร๊พ มาก่อน..พวกผิวดำอเมริกาเจ้าตำหรับแร๊พนัก.. ถ้าพวกแร๊พ ..ฮิบพ๊อบ..อารมณ์นุ่มนวล และอดทนกับหลักฉันทลักษณ์ในการเขียนกลอนได้ ก็นับว่าแปลกไม่น้อย..และคงมีไม่มากนัก.... ผมขอบคุณนะครับ ที่กรุณา มาสนทนาด้วย มีอะไรจะแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการเขียน ที่เป็นประโยชน์ ผมยินดีครับ..และจะได้จดจำ ไปบอกเล่า ให้เพื่อนๆ ที่นี่ ได้ศึกษากัน...สวัสดีนะครับ จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 372996 - 07 พ.ย. 47 - 22:06 ...........................................................
11 พฤศจิกายน 2547 20:47 น. - comment id 368312
ความคิดเห็น : การเขียนมี 3 เป้าหมาย 1. ระบายอารมณ์ 2. เอาใจตลาด 3. เพื่ออุดมการณ์ น่าเสียดายที่บางคนไม่มีเป้าหมาย หรือมีในระดับต่ำ และเมื่อมีเป้าหมายแล้วก็ต้องหาทางไปให้ถึงเป้าหมายนั้น ตรงนี้เองที่ความรู้และทักษะเป็นของจำเป็น นักร้อง ต้องร้องตามจังหวะและ melody ของเพลง ผมว่า ฉันทลักษณ์ของร้อยกรองไทยผ่อนปรนกว่ามากนะ เพราะมันเป็นแค่กรอบหลวมๆ เมื่อเทียบกับ melody ของเพลง แต่ที่มันดูเหมือนยากก็เพราะเราไม่เข้าใจมันต่างหาก และพอมีคนจะอธิบาย ก็ปฏิเสธที่จะฟัง แถมบอกว่าองุ่นเปรี้ยว ทั้งๆที่ไม่เคยได้ชิม จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 373342 - 08 พ.ย. 47 - 15:08
11 พฤศจิกายน 2547 20:50 น. - comment id 368316
ผมว่าความต้องการ ของคนเราไม่เหมือนกัน..และเราจะไปคิดให้..เขามาชอบหรือต้องการแบบเรามิได้..... เป้าหมายมีมากกว่าสามแน่นอน..บางคนเป็นธุรกิจ บางคนต้องการชื่อเสียง อย่างเด็กๆบางคนอาจเขียน เพื่อให้มีคนเข้าใจกันมาคุยด้วย เพื่อหาเพื่อน และยังมีอีกหลายเป้าหมาย.... ความรู้นั้นเรียนทันกันได้ ถ้าสนใจ แต่ทักษะแน่นอน อาจต้องใช้ประสพการณ์เป็นตัวช่วย ผมเชื่อว่า ที่เวบแห่งนี้ ทุกคนร้องเพลงเป็นทุกคน แต่การเขียนกลอน คงต้องใช้เวลา เพลงคนฟังมากมาย แต่คนเขียนกลอน น่าจะไม่มาก ผมเรียนว่า ถ้าเขาสนใจอยากจะทำความเข้าใจ น่าจะไม่ยาก มันอยู่ที่อยากทำ..หรือมีสิ่งใดโน้มนำดีๆไหม...ถ้าภาพออกมาน่ากลัว น่ารำคาญ แม้ชายตาใครอยากจะมอง... คนที่จะอธิบาย..นั่นแหละสำคัญ..วันนี้คุณทำให้เขาอยากฟังหรือยัง...ผมว่าหลายๆอย่าง ต้องทบทวนใหม่ ในแง่ของผู้สอน และผู้รับ... เสียดายยุคนี้ใช้ไม้เรียวไม่ได้ซะแล้ว โลกมันเปลี่ยนไป... ผมเชื่อนะ คงมีคนรุ่นใหม่อีกไม่น้อย อยากจะแสดงความคิดเห็น..แต่ว่าเราต่างจะฟังกันหรือเปล่า...ผมว่ามันหมดยุค นุ่งผ้าม่วงโจงกระเบน ถือไม้เท้า..แล้วให้ผู้นั่งฟัง นั่งพับเพียบเรียบร้อยฟังแล้ว...ผมว่าการทำอะไร เราในฐานะผู้ใหญ่ (มิใช่กำนัน) ควรเข้าใจเด็กให้มาก ถ้าเหมือนจะบังคับยัดเยียด ..คงหมดหวัง ที่จะต่อเวลาร้อยกรองไทยให้ยั่งยืนนาน... ความเห็นของผม อาจจะต่างจากคุณบ้าง..ก็ขออภัยด้วย..ความจริงที่ผมเขียนมามาก คุณคงทบทวนไม่หมด..แต่ทุกประโยคของคุณ ผมเข้าใจความหมาย และความต้องการของคุณ.. ดีครับ เพื่อเป็นกระจกให้คนรุ่นหลังมอง เราก็ควรมีกระจกสักสองด้าน..สวัสดีนะครับ.. จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 373528 - 08 พ.ย. 47 - 19:49
11 พฤศจิกายน 2547 20:51 น. - comment id 368317
ผมจะคุยกับผู้เฒ่า แบบเออออห่อหมกกันไปก็ได้ แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้น เพราะที่สุดแล้ว คนอ่านก็จะไม่ได้อะไรเท่าที่เราหวัง คนมักอยากแสดงความคิดเห็น อยากรู้สึกว่ามีคนฟัง แต่ผมชอบที่จะฟังมากกว่า เพราะการฟังก็เหมือนกับการอ่าน ทำให้ได้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ตรงที่ที่ผมอยู่ เราไม่บังคับให้ใครฟัง แต่ทุกคนจะรู้ว่าการฟังนั้นมีประโยชน์ และเราเชื่อในพระราชดำรัส ว่ากว่าแท่งเหล็กจะกลายเป็นดาบคมๆได้ต้องผ่านไฟและการตี เราเลือกที่จะตีดาบ ไม่ใช่ปั้นตุ๊กตาดินน้ำมัน อย่างน้อย ก็มีแววว่าจะมีดาบเกิดขึ้นอีกหลายเล่ม แต่ที่เราทำได้ เพราะมีคนยอมเป็นแท่งเหล็ก อย่างน้อย ที่นั่น เราเชื่อว่าคุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 373608 - 08 พ.ย. 47 - 21:43
11 พฤศจิกายน 2547 20:52 น. - comment id 368318
เด็กก็ คือ มนุษย์ .. ที่มีความแตกต่าง .. ในด้านอารมณ์ และความคิด ..ที่ไม่เหมือนกัน .. เราไม่สามารถ .. วัดขีดจำกัด ของความรุนแรง ..ที่เด็กสามารถ รับได้ ว่ามีเท่าไร ก็เด็ก แต่ละคน มีความเปราะบาง ทางอารมณ์ ไม่เท่ากัน .. การวิจารณ์ .. ที่ขาดซึ่งความเข้าใจ .. มุ่ง..วิจารณ์..แค่ความสะใจ .. มีความคิด เป็น เผด็จการ .. ย่อมเป็นสิ่งที่เด็ก..ไม่เชื่อถือ .. และคอยต่อต้าน .. เรนเชื่อ นะคะ ว่า ..เค้าก็เป็น ส่วนหนึ่ง ของธรรมชาติ .. ย่อมมีศักยภาพ.. ที่จะเปลี่ยน หรือพัฒนาได้ .. เค้าไมใช่..วัตถุ สิ่งของ ที่จะไม่มีศักยภาพ ..ในการพัฒนา หรือ ..เรียนรู้ .. ขอแค่ .. ให้เข้าใจเค้า .. เลิกที่จะตำหนิ .. หรือคอยจับผิด .. ให้เค้า .. ฝึกเรียนรู้ .. และฝึกยอมรับ ..กรอบ และกฏเกณฑ์ .. ที่ถูกกำหนด.. ขึ้นเอง.. จากภายใน .. ด้วยตัวของเค้าเอง .. ถ้าหาก ผู้ใหญ่ .. ให้ความเมตตา เด็ก อย่างจริงใจ .. ให้อิสระ .. และเปิดใจ .. ไม่ขีดกรอบ .. หรือเอาทิฐิเดิมๆ ของตัวเอง .. มาตัดสิน .. ทั้งที่ยังไม่ เข้าใจ เด็กๆ .. . ไม่งั้น .. เรนว่า .. จะทำให้ เด็ก .. ขาดจินตนาการ .. ที่เสรี..ไปได้ .. นะคะ.. ถ้าเป็น ผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวมากๆ .. เรนว่า .. ก็คงทำได้ยาก .. ก็เพราะ..ต้องฝึก ลด อัตตา ..ในตัว ผู้ใหญ่.. ก่อน .. นะดิคะ .. ...เรน ต้องกราบ .. ขอโทษ .. คุณลุง และสหาย .. ของคุณลุง ด้วยคะ.. กับ ความในใจ ..ที่เป็นของ .. เรน ก็ เรน..อยากจะบอก ..ใครๆ ... เรน ไม่ใช่ เด็กเก่ง .. อัจฉริยะ .. เหมือนเพื่อนๆ.. ..แต่ สิ่ง ที่เรนมี .. และต้องการ .. มากที่สุด .. คือการที่เรน..ต้องการเห็น .. การแก้ปัญหา .. ที่ไม่ใช้ .. ความรุนแรง ... ปฏิบัติต่อกัน ระหว่างผู้ใหญ่ คือ..การรู้จัก ..ให้อภัย .. หรือการที่ไม่ ..ทำร้ายกัน ด้วยคำพูดที่..รุนแรง .. สร้างความรู้สึก .. การอยู่ร่วม .. อย่างสันติ .. และเอื้ออาทร .. ความก้าวร้าว .. หรือความโหดร้าย .. ที่เรนพบ จากสื่อ มีให้เห็น..ทุกวัน .. ..ทำให้ เรน .. เกิดความรู้สึก .. ที่ไม่ดีเลยคะ.. เรน..สัญญา .. กับคุณลุง .. นะคะ .. ..เรน จะเป็น .. ต้นกล้า.. ให้คุณลุง .. ได้เห็น .. เพียงแค่ .. เรน ขอเวลา .. นิ๊ด ด ..ด.. ก็ เรน .. หัวไม่ดี .. เป็น.. เจ้าจอมตัวเบี๊ยว.. ของใครๆ.. นะดิคะ .. อิอิอิ.. เรน ..ไม่แปลกใจ..เลยนะคะ.. ที่ไม ..เรน .. มีความรู้สึกว่า .. คุณลุง ..อยู่.. ใกล้ชิด.. เรน.. ที่สุด .. เรน.. รู้สึก .. ปลอดภัย ..จัง... ไม่ผิด .. ที่เรนจะบอกความรู้สึก .. ..เรน .. ขอบคุณ .. กับสิ่งที่ ..คุณลุง .. ได้.. ให้ .. เรน..และเพื่อนๆ.. ที่นี่.. ..เรน .. รัก ..คุณครู .. นะคะ... จาก : รหัสสมาชิก : 3384 - rain.. รหัส - วัน เวลา : 373713 - 08 พ.ย. 47 - 23:19 ..............................................................
11 พฤศจิกายน 2547 20:53 น. - comment id 368320
ตัวซน..ถ้าเราไม่ดุ เดี๋ยวจะเป็นการสอนศิษย์ไม่ดี..อย่าลืมว่า เราไม่ได้สอนตัวซน แค่การเขียนกลอน เราสอนหลายๆเรื่องในชีวิต ประจำวัน ... สหายที่มาสนทนากับเรา มีอาวุโสในแวดวงการเขียน มากกว่าเรา ตัวซนต้องปล่อยให้ผู้ใหญ่ คุยกันไปก่อน..เราเป็นเด็ก ต้องคอยเก็บเกี่ยว ตรึกตรอง พินิจ พิเคราะห์ และอยู่เฉยๆก่อน ระวังจะโดน ไม้มะยม...สักวันตัวซน ต้องเป็นผู้ใหญ่ ฉะนั้น ต้องเตรียมคิดให้ได้แบบผู้ใหญ่ ดูเราสนทนากับสหายไปก่อนนะ... สวัสดีครับ คุณสหายฯ ขืนสนทนาแบบเออออห่อหมก พอดีต้องเปลี่ยนจากวงสนทนา เป็นวงสุรา แล้วกระมัง พอดีผมมิสันทัดทางนั้น... ครับผมการอ่านและการฟัง เป็นสิ่งมีประโยชน์ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกที่มีประโยชน์..ผมชอบอ่านที่คุณเขียนนะ เพราะผมหยิบประโยชน์ ออกมาได้ เราอาจจะต่างกันตรงนี้อีกอย่าง..คือคุณ คัดเลือกที่จะตีเหล็ก..ให้เป็นคม....ผมเชื่อครับ ว่ามีแววจะได้ดาบอีกหลายเล่ม..ผมดีใจด้วยจริงๆ จะได้มาก ได้น้อย.. ก็ขอให้เป็นคมกวี ที่จะอนุรักษ์แนวทางร้อยกรองไว้..ตรงนั้นมีศักยภาพที่เหมาะสมครับ..ตั้งแต่จำได้ว่าคุณเป็นใคร ผมก็ไปดูบ้าง..เสียดายเพียงแต่ เหล็ก เนื้อดี นั้นมีไม่มาก..ส่วนมากเป็นของที่มีคมแล้ว... ส่วนผม ไม่เลือกครับ จะเป็นดินน้ำมัน ดินเหลว ถ้าเขาบอกว่า อยากเขียนกลอน ผมก็จะสอนให้..แม้ผมจะไม่ชำนาญนัก..ก็จะปั้นเขา ให้ได้ใกล้เคียงกับ สิ่งที่เขาอยากเป็น..สุดความสามารถของผม ก็จะแนะช่องทางให้พวกเขาต่อไป...ต้องส่งเขาไปให้ถึง ให้สูงกว่าผม... ความจริงถ้าเขาอยากเขียนกลอน เขาก็ไม่ใช่ดินน้ำมัน หรือดินเหลวแล้วครับ ตรงนี้คงต้องกลัวแค่ว่า ผมไม่มีความสามารถปั้นเขาเท่านั้น.. อีกอย่าง หนึ่ง ที่ผมให้ความสำคัญมาก ผมถือว่า ถ้าเขามาสนใจการเขียนกลอน..ย่อมดีกว่าเขาไปใช้เวลากัน ในทางที่ไม่ถูกต้อง..อีกทั้งในการวิสาสะกัน ก็ ยังมีโอกาสดูแล ปรับทุกข์ และแนะนำ สิ่งต่างๆที่มีประโยชน์ให้เขา ผมคิดว่าพวกเขาอยู่กันอีกนานกว่าผม แม้จะปั้นดินน้ำมัน ให้คมไม่ได้..ก็ขอให้เขาเป็น ดินน้ำมันที่มีค่ากับสังคม และครอบครัวของเขา.. ครับแล้วผมจะพยายามทำดินน้ำมันพวกนี้ ให้ตามฝันของพวกเขาเจอ เขียนกลอนให้ดีขึ้น ต้องขอขอบคุณมาก ที่เข้ามาแนะนำ และเป็นกำลังแฝงให้ สำหรับพวกเขา ด้วยความเคารพ สวัสดีครับ... จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 373757 - 09 พ.ย. 47 - 00:35
11 พฤศจิกายน 2547 20:54 น. - comment id 368321
จะมีกี่คนที่รู้ว่าช่างตีเหล็กนั้นทั้งร้อนและล้า ร้อนที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับไฟ ล้าจากการทุ่มเทแรงกายแรงใจตีลงไป กี่คนที่จะรู้ว่าทุกการตีนั้นไม่ใช่เพื่อให้ได้สะใจ แต่เป็นการบรรจงเจียระไนแท่งเหล็กนั้น ตอนที่ลูกชายของผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ผมห้ามแม่ของเขาไว้ว่า อย่าตีลูกด้วยอารมณ์ แต่ขอให้ตีด้วยความรัก สำหรับตัวซนของผู้เฒ่า เธอโชคร้ายที่มีประสบการณ์ของการไม่มีคนเข้าใจ และเธอเด็กเกินกว่าที่จะหัดเข้าใจคนอื่นก่อน เพื่อเป็นพื้นฐานสู่การสามารถทำให้คนอื่นเข้าใจเธอ หวังว่าเธอจะไม่เป็นเด็กอย่างนั้นตลอดชีวิต เพราะนั่นจะเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าที่ผ่านมาสำหรับเธอ ถึงตอนนี้ สหายผู้เฒ่าคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมผมต้องเลือกที่จะทำหรือไม่ทำอะไร ที่ไหน ผมไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะทำทุกอย่าง ทุกที่ ความจริงแล้วผมสามารถอยู่ในโลกอย่างสุขสบาย แค่ทำงานอาชีพอย่างมืออาชีพคนหนึ่ง โดยไม่ต้องแบ่งเวลามาให้ความสนใจตรงจุดนี้ เสียดายที่ผมรักร้อยกรองเกินไป การฝึกหัดอะไรก็ตาม มันมีขั้นตอนของมัน มีปัจจัยที่จำเป็น แต่บังเอิญคนไทยไม่คุ้นเคยกับการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ สมัยผมเป็นนักเรียน ชั่วโมงพละฯ เป็นชั่วโมงแห่งการเล่น ไม่ใช่การฝึกฝน เมื่อไปแข่งกีฬานักเรียน ก็ได้แต่ดูโรงเรียนอื่นเขารับรางวัล เพราะโรงเรียนอื่นเขาให้เด็กฝึกฝนตามขั้นตอน เหรียญทองโอลิมปิคที่ไทยได้มา ก็มาจากการยอมจ้างโค้ชต่างชาติ ตรงนั้นน่าจะบอกอะไรเราได้มาก ความตั้งใจ ทุ่มเท ต้องมีแนวทางที่ถูกต้องด้วย มิฉะนั้นอาจหลงทางได้ง่ายๆ เด็กสมัยนี้อยากหาอะไรด้วยตัวเอง อะไรที่ว่าน่าจะมี ความรู้ ด้วยนะ จริงไหม? จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 373811 - 09 พ.ย. 47 - 09:06
11 พฤศจิกายน 2547 20:55 น. - comment id 368323
ขอบคุณครับ..ดูๆแล้ว เหตุจริงๆ น่าจะอยู่ ที่แนวการสอน..จุดของคุณ มีอยู่ และมีวิธีการสอน อีกรูปแบบหนึ่ง.. สำหรับจุดของผม..มีอยู่ตรงเขียนให้ถูกฉันทลักษณ์ ดำเนินการเขียน ในแนวของท่านสุนทรภู่ ในด้านกลอนตลาด และที่ผมชอบมากอีกอย่างคือแนวกาพย์ ของเจ้าฟ้ากุ้ง... ส่วนขั้นตอนการแนะนำ ที่เราสนทนากันอยู่ คือเหตุทั้งหมด..ผมพอเข้าใจแนวการสอนของคุณ.. และรู้ว่าต้องเหน็ดเหนื่อยมาก..ยิ่งถ้าเจอคนที่ไม่มีฐาน เลย เป็นการยากนัก ใช้เวลานาน ส่วนของผม อาศัยแนะนำไปตามความคิด กำหนด รูปแบบของฐานก่อน เมื่อทำความเข้าใจแล้ว จึงแนะนำไปสู่การใช้คำและความหมาย ถ้าถามผมว่า ผม ให้ความสำคัญเรื่องใดมากที่สุด ในการเขียนกลอน...ผมขอตอบว่า มิใช่แต่ความอย่างเดียว เพราะถ้าเสียงกลอนไม่ผ่าน ความ..ดี หรือจะแตกต่างจากกลอน เปล่า..ฉะนั้น ทุกส่วนสำหรับบทกลอนสวยๆ จึงขาดสิ่งใดไม่ได้. และเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับผมนะ..ในบทกลอนมิใช่ประเทืองปัญญา อันนั้นเป็นส่วนประกอบ..ที่สำคัญคือ สะเทือนอารมณ์.... ถ้าเขียนได้โดนใจคนอ่าน..ให้มีอารมณ์ร่วม การประเทืองปัญญา จะสอดแทรกอยู่ในบทกลอนหรือไม่ แล้วแต่ผู้เขียน.. ผมว่าบทสนทนาต่อไป..ขอเป็นวิธีการเขียนกลอน ให้เกิดการสะเทือนอารมณ์ น่าจะดี เพื่อผมจะได้เก็บไปใช้ และเอาไว้แนะนำ ท่านผู้อื่นบ้าง.. หลักการหรือแก่น ผมย้ำอีกครั้งว่า ใครก็ไปถึงได้ ถ้ารักและพยายาม...ส่วนการหาความรู้ของเด็ก ยุคนี้สื่อมากมาย..เขามีสิทธิ์เลือก ในสิ่งที่เขาต้องการ.. และต้องถามตัวเราด้วยว่าเราผู้ให้..เราเลือก หรือเปล่า...สวัสดีครับ.. จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 373918 - 09 พ.ย. 47 - 12:29
11 พฤศจิกายน 2547 20:56 น. - comment id 368324
เอาแบบย่อๆ นะ....... คำว่า สะเทือนอารมณ์ หมายถึงทำให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมกับเนื้อหา ดังนั้นจึงไม่จำกัดแค่เฉพาะสำหรับชิ้นงานที่ระบายอารมณ์ของผู้แต่ง แต่ตรงกันข้าม งานที่มุ่งระบายอารมณ์ของผู้แต่งมักไม่สะเทือนอารมณ์ผู้อ่าน ส่วนมากเป็นเพราะมัวแต่จะระบายอารมณ์จนลืมนึกถึงวรรณศิลป์ การที่คนอ่านจะมีความรู้สึกร่วมกับผู้เขียนได้ ต้องเข้าใจสิ่งที่เขียนนั้นเสียก่อน แปลว่าถ้าเราเขียนไม่รู้เรื่องก็ไม่มีทางสะเทือนอารมณ์ใคร นอกจากภาษาง่ายต่อความเข้าใจแล้ว เนื้อเรื่องก็สำคัญ โดยเฉพาะเนื้อเรื่องที่มีความเป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้คนอ่านรู้สึกคล้อยตาม ถัดจากเนื้อเรื่องคือการใช้สำนวนที่กระชับและกินใจ ขออนุญาตหยิบกลอนที่ ฟ้าเปลี่ยนสี เอามาลงข้างบนนี้เป็นตัวอย่าง ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่ซับ. เป็นประโยคง่ายๆ แต่ให้ภาพคนร้องไห้ได้อย่างรันทด แต่ถ้ามีแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวคงไม่สะเทือนใจใคร เนื้อเรื่องในกลอนข้างบนบอกเล่าเหตุที่ร้องไห้ แล้วจบแบบประชดประชันว่า หัวใจเอ๋ยเจ้าผ่านจนด้านชา และเนื่องจากกลอนก็เหมือนเพลง จึงมีเรื่องจังหวะและเสียงเข้ามาเกี่ยวข้อง จังหวะกลอนที่เนิบช้า กับจังหวะกระชากกระชั้น ให้อารมณ์ต่างกัน เสียงแต่ละเสียงก็เหมือนกัน เสียงหนึ่งก็ให้อารมณ์หนึ่ง ถ้าเผลอใช้จังหวะและเสียงขัดแย้งกับเนื้อหาก็ทำลายอารมณ์กลอนได้ สรุปก็คือ..... การเดินความที่ไม่วกวน มีเหตุมีผล ไม่สร้างความขัดแย้งในใจคนอ่าน บวกด้วยประโยคที่กินใจ และท่วงทำนองที่สอดคล้องกลมกลืน จนทำให้คนอ่านมีอารมณ์คล้อยตาม นั่นแหละ ความสะเทือนอารมณ์ เห็นไหมว่า จนแล้วจนรอด ก็ต้องเริ่มจากเนื้อหาอยู่ดีแหละ จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 373968 - 09 พ.ย. 47 - 18:21
11 พฤศจิกายน 2547 20:57 น. - comment id 368326
สวัสดีครับ..ถ้าเราสนทนากันอยู่แต่เรื่อง ผู้ให้-ผู้รับ..คงว่ากันไปอีกยาว เดี๋ยวคนแอบอ่านจะไม่ได้ประโยชน์..เข้าเรื่องกันซะทีก็ดีเหมือนกัน.. สะเทือนอารมณ์..อันนี้ค่อนข้างเขียนยาก ปรกติเราจะได้อ่านกลอนกันแบบ เรื่องเล่าเช้านี้... ส่วนตัวผม มีความรู้สึกว่า การจะเขียนกลอนให้สะเทือนอารมณ์ คงต้องเริ่มไปพร้อมกัน ทั้งเสียงกลอน..ที่จะรับกับอารมณ์ เช่นกลอนรัก การใช้คำ จะ ต้องอ่อนโยน..เสียงที่ได้ จะทำให้ผู้อ่านคล้อยตาม หรืออารมณ์เสียใจ เช่นกัน คำที่ใช้ ที่จะได้อารมณ์ ก็ต้อง หม่นหมอง เสียใจ เป็นคำที่แสดงถึงความอ่อนแอ... อย่างหนึ่งที่จะเห็นได้บ่อย คือการใช้คำ ที่ให้อารมณ์ ต่างไปจากเนื้อเรื่องที่ต้องการจะสื่อ คือการใช้คำที่ดูแข็ง ในกลอนรัก..หรือในอารมณ์โกรธ มัว ล่อง ลอย วาบหวามอยู่.. การใช้คำให้ถูกต้องอารมณ์และกระชับ จึงน่าจะดี.... ความจริงเสียงกลอนทั้งเรื่อง มีส่วนสำคัญไม่น้อย ทุกบทเสียงควรเท่ากัน มิเช่นนั้น เวลาอ่าน สะดุด...การอินในอารมณ์ของคนอ่านก็จะหมดไป.. และการที่ใช้คำที่ต้องแปลมาก ถึงขนาดต้องเปิดพจฯอ่าน..คงหมดหวังที่จะทำให้คนอ่านเกิดอารมณ์..เพราะจะสะดุดมัวแปลอยู่.. ฉะนั้น เสียงกลอนทั้งเรื่อง ควรเท่ากัน ทุกบท ใช้คำให้เหมาะกับอารมณ์ที่เขียน...เก็บรายละเอียด ของเรื่องให้ชัดเจน แบ่งพล็อตเรื่องให้ ต่อเนื่อง อย่า กระโดดไปกระโดดมา... และสื่งสุดท้าย เรื่องยิ่งยาวมาก ยากที่จะกักอารมณ์ของคนอ่านไว้อยู่ เพราะถ้า เสียงผิด เพียงคำ..อ่านสะดุด ยากที่จะทำให้อินได้... ไม่ทราบมีส่วนคล้ายคุณอยู่บ้างหรือเปล่า ผมพิมพ์เลยไม่ได้เรียบเรียง แต่ก็เป็นหลักการณ์ที่ผมใช้เขียนอยู่ ถ้าตั้งใจนะ..บางบทก็เขียนเรื่อยเปื่อย ตามใจฉัน.. สรุป เสียง คำ ความหมาย..ที่ตรงอารมณ์สื่อ ทุกอย่างต้องเกิดขึ้นพร้อมกัน..เราจึงจะได้กลอนดี ที่สะเทือนอารมณ์....สวัสดีครับ.. จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 374041 - 09 พ.ย. 47 - 20:3
11 พฤศจิกายน 2547 20:58 น. - comment id 368328
ผมลงความเห็นของผมไปก่อนแล้ว เหอๆๆๆ แต่ขอแย้งนิด ตรงที่ว่าเสียงกลอนทั้งเรื่องควรเท่ากันทั้งบท ผมเคยเขียนในลักษณะที่มี 2 อารมณ์ เพื่อขับเน้นอารมณ์หลังให้เด่นขึ้นมา เสียงก็เลยต้องปรับตามอารมณ์เป็น 2 แบบเหมือนกัน จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 374147 - 09 พ.ย. 47 - 21:54
11 พฤศจิกายน 2547 20:59 น. - comment id 368329
พล็อตเรื่องไงคุณ แบ่งสักสามอารมณ์ก็ไม่แปลก แต่เสียงกลอนทุกบทควรเหมือนกัน ... หรือต่างอารมณ์เสียงกลอนเพี้ยนกัน อย่างนั้นก็สะดุด คุณคิดว่า มันจะสะเทือนอารมณ์ตรงไหน ถ้าอ่านติด.. คุณรู้ไหม ที่ผมดึงมาพูดเรื่องนี้ เพราะอะไร..นัยยะ..สงสัยจะลึกไป... เห็นไหมว่า ...จนแล้วจนรอดก็ต้องเริ่มจากเนื้อหาอยู่ดี... ประโยคนี้คุณได้ใช้.. ผมหัวเราะไม่ค่อยเป็นต้องขออภัย..แต่คุณระวังอย่าหัวเราะบ่อย เด็กๆจะกลัว..ตอนนี้ผมกำลังยิ้มให้คุณด้วย...สวัสดีครับ.. จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 374197 - 09 พ.ย. 47 - 22:4
11 พฤศจิกายน 2547 21:01 น. - comment id 368331
ขอขยายความสักนิด เพื่อเสริมความเข้าใจ ผมพูดไว้ข้างบนว่าเนื้อเรื่องที่มีความเป็นเหตุเป็นผลทำให้คนอ่านรู้สึกคล้อยตาม ตรงนี้มีคำอธิบายง่ายๆว่า ความรู้สึกของคนเรานั้นเกิดตามแรงกระตุ้น คือมันต้องมีที่มาที่ไป ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย นั่นแปลว่าเราต้องสร้างแรงกระทบจิตใจคนอ่าน ให้แรงพอที่เขาจะไหวตาม เนื้อเรื่องคือทิศทางของแรงกระทบที่ต้องการให้เขาไปทางนั้น และสำนวนที่กินใจ คือความมีน้ำหนักของแรงกระทบ ขณะที่จังหวะและทำนองเป็นตัวเสริมให้ทั้งหมดนี้มีพลังมากขึ้น เช่น เราอยากเขียนกลอนเศร้า ก่อนอื่น ถามตัวเองก่อนว่าจะเศร้าเพราะอะไร ไม่ใช่จู่ๆ ก็บ่นบ้าออกมาว่าเศร้ามาก เศร้าจริงๆ เศร้าที่สุด แต่ต้องบอกคนอ่านว่าเกิดอะไรขึ้น และอะไรที่เกิดนั้นต้องมีเหตุผลพอที่จะเศร้า คนที่บอกว่าเศร้าเพราะรักใครก็ไม่มีใครรักตอบ เพียงเพราะไม่สวย ไม่รวย กับคนที่บอกว่าเศร้าแฮะ ใครๆก็รักฉัน แต่ทำไมอี(ไอ้)บ้านี่ไม่รักฉัน(ฟะ) แบบหลังคงไม่สามารถทำให้ใครเศร้าตามหรอก มีแต่เขาจะหมั่นไส้เอา ส่วนการจะใช้เทคนิค เช่น พรรณนาโวหาร หรืออุปมาอุปมัย หรือ อติพจน์ ฯลฯ ก็เลือกเอาตามความถนัด ถ้ายังไม่ถนัดอะไรสักอย่างก็เรียนรู้และฝึกฝนซะ เห็นไหมว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ศึกษาหลัก แล้วฝึกฝนตามนั้น ส่วนที่ผู้เฒ่าว่าเสียงกลอนทุกบทควรเหมือนกัน ขอแก้เป็น กลมกลืนกัน นะ แล้วต้องสาธยายเรื่องเสียงกลอนด้วยมั้ย?? จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 374460 - 10 พ.ย. 47 - 08:38
11 พฤศจิกายน 2547 21:02 น. - comment id 368332
สวัสดีครับ..ถ้าคนสนใจอ่านก็คงได้ประโยชน์ไปบ้าง ซึงผมก็อยากให้เป็นแบบนั้น เพื่อใครมีจุดหมายบนถนนกวีที่มั่นคง ก็คงสนใจตาม ศึกษากัน ก็แนะนำกันไป... ส่วนเรื่องเสียงกลอน แค่เฉพาะกลอนตลาด ก็มีความแตกต่างกันไป..คุณเนาวรัตน์ กับคุณอังคาร..เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด และยังมีคนอื่นๆ อีก..ที่ พยายามสร้างแนวของตัวขึ้นมาเอง.. ส่วนตัวถ้าเรื่องเสียงกลอน ผมขอค่อยๆ ตามท่านสุนทรภู่ไปเรื่อยๆดีกว่า..เพราะสองร้อยปีกว่าที่ผ่านมา ผมเห็นแต่เงาของท่าน ที่จะเขียนได้ดีกินใจ ทั้ง ประเทืองปัญญา ยังมิเห็นมี แต่เห็นมาก ที่บอกว่า ตัวเองเขียนได้ดียอดเยี่ยม คุณว่าอย่างผมไหม... การเขียนกลอนต้องใช้จินตนาการมาก บางครั้งเขียนกลอนโดยไม่ได้อยู่ในอารมณ์ของเรื่อง..ตรงนี้จึงต้องสร้าง ผมถึงบอกไว้ข้างบน พยายามเก็บราย ละเอียด ให้ได้มากที่สุด อารมณ์ของคนอ่านจะรวมตัวจากตรงนั้น ถ้าไล่ความต่อเนื่อง เสียงไม่สะดุด คนอ่านก็จะอินตามไป.. ที่คุณว่าง่ายๆนั่น ถ้าเป็นมือใหม่ คงไม่ง่ายนัก ต้องค่อยๆฝึกฝน และยิ่งเป็นเด็ก (ไม่ใช่คุณ) ผมว่า เราจะทำยังไง ให้เขาอยากรู้ก่อนดีกว่า.สวัสดีครับ... จาก : รหัสสมาชิก : 6619 - ผู้เฒ่า รหัส - วัน เวลา : 374667 - 10 พ.ย. 47 - 12:47
11 พฤศจิกายน 2547 21:03 น. - comment id 368334
ง่ายสิ เพราะไม่มีอะไรยากเลย แค่ทำ ทำ และทำไปเรื่อยๆ หมายถึงหาความรู้และฝึกฝนน่ะ คนที่เริ่มเขียนกลอน แปลว่าสนใจกลอน อยากเขียน และแน่นอนว่าอยากเขียนแล้วมีคนชื่นชม แล้วทำไมจะไม่อยากรู้หลัก หรือเทคนิคต่างๆ ปัญหาน่าจะเกิดกับคนที่พอรู้ว่ากลอนที่ดีควรเป็นอย่างไร แล้วคิดว่าฝึกเขียนสักบทสองบทก็จะให้ได้แบบนั้นเลย หรือไม่ก็ คิดว่าเขียนมากๆ โดยไม่รู้หลักเลย ก็สามารถเก่งได้เองโดย(ผิด)ธรรมชาติ ผมเสวนากับหลายคน ก็เห็นเขาสนุกสนานกับพัฒนาการของตัวเอง บางคนมีงานลงในนิตยสารมาแล้ว ลงบ่อยๆ ก็มี แต่ทุกคนก็ยังกระหายที่จะเรียนรู้ ปัญหาจริงๆอยู่ที่เราขาดแคลนแหล่งเรียนรู้ต่างหาก อย่างเว็บสมาคมนักกลอนฯ มีห้องเรียนนะ แต่เข้าไปก็เจอแต่ ผัง กับคำอธิบายสั้นๆว่ามีข้อบังคับอย่างไร ถ้าไม่มีพื้นฐานการเขียนอยู่ก่อน อ่านให้ตายก็ไม่ช่วยอะไร ส่วนที่จะทำให้คนหันมาสนใจร้อยกรอง ก็ต้องถามว่าเรามีอะไรให้เขาอ่านบ้าง วรรณคดีเอกที่ภาษาและเนื้อหาพ้นสมัยแล้วงั้นหรือ หรืองานที่อ่านไม่รู้เรื่อง หรืองานประเภทอ่านเอาเสียงอย่างเดียว มีอะไรต้องช่วยๆกันทำอีกเยอะ และไม่ใช่ด้วยวิธีละเลงขนมเบื้องด้วยปากเสียด้วย จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 374698 - 10 พ.ย. 47 - 13:23 ..............................................................
11 พฤศจิกายน 2547 21:03 น. - comment id 368335
ที่ผมอธิบายยก คุณเนาวรัตน์ คุณอังคาร ผมหมายถึง เอาหลักของใครดีล่ะ..ผมชอบใจปรมาจารย์รุ่นเก่านะ ที่ท่านบอกไว้ว่า เสียงท้าย วรรคกลอนแปด ไม่บังคับ..นั่นเป็นเพราะท่านมองกว้างจริงๆ เพียงแต่แนะนำไว้ว่า เสียงท้ายวรรคไหน ควรใช้เสียงอะไรดีที่สุด ท้ายวรรคสอง เสียง เอก โท..ก็เคยชนะการประกวด เสียงตรีไม่ต้องพูดถึง ใหม่ๆเห็นค้านกันจ้าละหวั่น เดี๋ยวนี้เงียบกริบ เพราะตัวเขียนยังไง ก็ยังไปไม่ ถึงที่อยาก กลอนหลายๆบท เสียงท้ายวรรคแปลกๆ แต่ผู้ชำนาญ ก็เขียนให้อ่านกลมกลืนได้ หลายคนไป อันนี้มันอยู่ที่คนเราชอบ ผมว่า ผมชอบลักษณะงานของท่านสุนทรภู่ ผมก็เกาะติดตามอยู่ตรงนั้น ศึกษาอยู่ตรงนั้น ข้อดี ข้อเสีย..แล้วก็นำมาเขียน..จำเป็น หรือเปล่าที่ผมจะต้อง ดิ้นรนไปศึกษาที่อื่น..ไม่หรอกคุณ คนเราต่างคนต่างชอบ หรือคุณคิดว่า บรมครูอย่างท่านภู่ ใช้เป็นแบบไม่ได้.. ผมก็จะดีใจเผื่อประเทศไทย อาจจะได้อีกสักหนึ่งรางวัล.. แหล่งเรียนรู้ การเขียนกลอน มีเยอะครับ..ที่ผมผ่านไป ก็นับสิบที่..คุณจะทราบไหมว่า โดยมากเวบเหล่านั้น ค่อนข้างเงียบเหงา..แต่ผมไม่แปลกใจหรอก... แนวที่ผมใช้สอนอยู่ที่นี่ แกะตามแนวของท่านบรมครู แต่ขั้นตอนการสอน ผมคิดแบ่งเอง เป็นขั้นๆ ไม่สอนทีเดียวทั้งหมด เพราะมันจะยากไป..บางคน อาจจะท้อซะก่อน เสียของหมด หลังจากผมปูพื้นฐาน ให้พวกเขาแล้ว.(.คุณคงต้องไปหาอ่านเอา ) ผมบอกไว้ว่า ผมจะส่งต่อ..หมายถึงหาทีเหมาะสม ให้เรียนรู้ ..ถ้าเขาคิดอยากจะเป็นกวี จริงๆ...ผมบอกเขาไว้อย่างนี้ เจตนาของคุณผมเข้าใจ..ผมทราบว่าคุณอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร อายุเท่าไหร่..เขียนหนังสือเรื่องอะไร...บางทีผ่านสำนักงานผมอาจจะเคยยิ้มให้คุณด้วยซ้ำ.. ผมเข้าใจคุณ แต่เมื่อผมเขียน เด็กๆชอบอ่านแบบนี้ ที่ผมเขียน มาขอคำแนะนำ..มันดูไม่ดีนักหรือ ถ้าผมจะปูพื้นฐานให้เขา..เพื่อเป็นฐานให้เขารักการเขียน..คุณไม่รู้จักผม ไม่แปลก แต่จะแปลกถ้าอ่านเจตนาของคนอื่นไม่ได้บ้าง.. ธรรมดาที่บ้านกลอนนี่ ทุกคนรู้ดี ว่าผู้เฒ่า ไม่ค่อยพูดมาก และจะพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์..คุณน่าจะศึกษาดูบ้างนะ ว่าทำไมผมต้องพูดมาก เมื่อคุยกับคุณ ..บางครั้งคุณน่าจะคิดสักนิด ผมกำลังช่วยคุณไม่น้อย จากคำบอกเล่าที่ว่า..เพราะผมรักบทกวี... นิ่งและอย่าทำให้อารมณ์กระเพื่อม..เราจะพินิจพิจารณาทุกอย่างได้.. ผู้มีพระคุณเคยสอนผมไว้ สวัสดีครับ..อร่อยไหมครับขนมหวาน.. จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 374882 - 10 พ.ย. 47 - 19:37 ................................................. ความคิดเห็น : ต่ออีกนิด เรามีอะไรต้องช่วยกันอีกเยอะ..ดูจะดีที่สุดนะ..ตั้งแต่เราสนทนากันมา.. แต่ประโยคต่อมา คิดว่าคุณคงจะตรองได้บ้าง..คนโง่งมแบบผม เข้าใจอะไรลำบากนิด ยังไงต้องขออภัยด้วย จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 374892 - 10 พ.ย. 47 - 19:5
11 พฤศจิกายน 2547 21:04 น. - comment id 368336
คือตรงนี้..ตรงที่เราสนทนากัน จริงๆเราไม่ได้คุยกัน 2 คน แต่เป็นการคุยให้คนอื่นฟัง ถ้าอยากคุยเป็นส่วนตัว เราคงใช้เมล โทรศัพท์ หรือนัดเจอกันแทนได้ บางอย่างที่ผมพูด และบางทีของคำว่า เรา มันหมายรวมคนอื่นๆเข้าไว้ และเมื่อผู้เฒ่าพูดถึงกลอนท่านสุนทรภู่ ผมแปลกใจเล็กๆ ที่พูดเหมือนผมไม่ยอมรับท่าน พูดเหมือนคิดว่างานผมปฏิเสธแนวของท่าน จริงๆแล้ว ทุกครั้งที่พูดถึงฉันทลักษณ์ ผมคิดว่านั่นคือคำแนะนำ ไม่ใช่ข้อบังคับ และไม่เคยบอกใครว่าทำแบบนี้ แบบนั้น แล้วผิด กรณีเดียวที่ผมจะบอกว่าผิด คือความหมายที่สื่อ อาจใช้คำผิด หรือเรื่องที่สื่อไปนั้นผิดธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชี้ถูกชี้ผิดได้ ที่ต้องช่วยกันทำอีกเยอะ เป็นเราทุกคน ไม่ใช่แค่ผมกับผู้เฒ่า เพราะแค่ 2 คนนี่ คงทำอะไรยาก ส่วนประโยคต่อมา เพราะมีคนเอาแต่พูดเยอะ สำนวนว่า ละเลงขนมเบื้องด้วยปาก ก็บอกอยู่แล้วนี่นา แต่แน่นอน ผมกับผู้เฒ่า ต่างมีบทบาทและหน้าที่ของตน และตรงจุดนี้ เรา 2 คนได้ร่วมมือกันทำสิ่งที่เห็นอยู่นี้ หวังให้เป็นประโยชน์ หลังจากนี้ไป คงต้องเปลี่ยนพื้นที่บ้าง จะให้เป็นที่ไหน ผู้เฒ่าช่วยบอกผมด้วยนะ รู้วิธีที่จะติดต่อกับผมนี่นา จริงไหม ? ส่วนหนูเรน ไว้ตอนหนูจำใจต้องตีลูก แล้วหนูจะรู้คำตอบเอง จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 374946 - 10 พ.ย. 47 - 21:25
11 พฤศจิกายน 2547 21:05 น. - comment id 368338
http://www.geocities.com/bot_kawee/ เป็นอีกเว็บที่น่าอ่านสำหรับคนเริ่มหัดเขียนกลอน เอามาฝากน่ะ ผู้เฒ่าคงเคยไปที่นี่มาแล้ว จาก : สหายร่วมวัย รหัส - วัน เวลา : 375001 - 10 พ.ย. 47 - 22:42
11 พฤศจิกายน 2547 21:06 น. - comment id 368339
เวบนี้เคยไปครับ เคยบอกแล้ว เวบกลอนในโลกเนต น้อยนักที่ผมจะไม่ไปศึกษา...ไปดู.บางครั้งก็ลงร่วมวิสาสะ..ผมไปทุกเวบที่กูเกิ้ล หาให้ เวบไหนน่าสนใจ ผมก็จะเก็บเข้า มายเวบ.. ค่อยๆอ่าน แล้วก็เอาทิ้ง ถ้าเวบไหนไม่น่าสนใจ.. ถ้าจำไม่ผิด เวบนี้ (ผมไม่ได้เปิดค้นดู) น่าจะเป็นเวบกลอน ที่ผมสมัครสมาชิกด้วย เพื่อเข้าอ่านทั้งหมด...แต่ลืมรหัสไปแล้ว..เพราะตรงนั้น ไม่เหมาะ สำหรับ ผู้เริ่มศึกษาการเขียนกลอน โดยเฉพาะเด็กๆ บรรยากาศ มีวิชาการเกินไป ไม่มีความเป็นกันเอง...ไม่รู้ใช่ตรงนั้นหรือเปล่านะ จำไม่ได้.. แต่ตรงนั้นเป็นที่หนึ่งนะ ที่ผมคิดว่า จะเอาไว้ แนะนำให้คนที่อยากเขียนให้ถึงที่สุดไปศึกษา. รวมทั้งบ้านคุณด้วย..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องถามเขาก่อน ว่าเขาสนใจมั้ย หลังจากมีพื้นฐานไปจากผมบ้าง....นี่คือเป้าหมายของผม.. คุยกันมานาน ผมต้องขอบคุณที่มาวิสาสะด้วย..และขอบคุณ รวมทั้งขอบคุณแทน ท่านผู้อ่านหลายๆท่าน ในความรู้ที่คุณลำดับไว้ให้..มีเวลาว่างพอ ผมจะ ไปเยี่ยมที่บ้านคุณ ..คำพูดประโยคไหน ถ้าทำให้อารมณ์กระเพื่อม ผมขออภัยด้วย สวัสดีนะครับ....ขอจบบทสนทนาไว้เพียงเท่านี้.. จาก : ผู้เฒ่า....โง่งม รหัส - วัน เวลา : 375032 - 10 พ.ย. 47 - 23:2
11 พฤศจิกายน 2547 21:13 น. - comment id 368343
หนึ่งนั้นหมายใจสร้างอย่างรักจริง มองทุกสิ่งเป็นตอนสอนพื้นฐาน เป็นพี่เลี้ยงเคียงใกล้ไม่รำคาญ ค่อยถักสานฝันไปให้วิชา (หมายถึงท่านผู้เฒ่า) หนึ่งนั้นมีวิธีที่เลือกสรร คุณภาพเท่านั้นมาก่อนหน้า ฝึกตามกรอบของครูผู้รจนา จึงมีค่ารสคำและรสความ (หมายถึงอีกท่านหนึ่ง)
11 พฤศจิกายน 2547 21:33 น. - comment id 368352
โฮ้...ศิษย์พี่ เรน ขยันพิมพ์ มากค่ะขอบอก... ถ้าเปงอุ๊นะคะ..เมื่อยบ่นอุบปายแร้นค่ะ แวะมาทักทายนะคะ กลอนเพราะดีนะคะ อิกไม่นานอุ๊คงเก่งเหมือนศิษย์พี่นะคะ..จิจิ เรามานศิษย์สำเดียวกัน...แวะมาอ่านค่ะ
11 พฤศจิกายน 2547 22:15 น. - comment id 368370
ขอขยายความสักนิด เพื่อเสริมความเข้าใจ ผมพูดไว้ข้างบนว่าเนื้อเรื่องที่มีความเป็นเหตุเป็นผลทำให้คนอ่านรู้สึกคล้อยตาม ตรงนี้มีคำอธิบายง่ายๆว่า ความรู้สึกของคนเรานั้นเกิดตามแรงกระตุ้น คือมันต้องมีที่มาที่ไป ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย นั่นแปลว่าเราต้องสร้างแรงกระทบจิตใจคนอ่าน ให้แรงพอที่เขาจะไหวตาม เนื้อเรื่องคือทิศทางของแรงกระทบที่ต้องการให้เขาไปทางนั้น และสำนวนที่กินใจ คือความมีน้ำหนักของแรงกระทบ ขณะที่จังหวะและทำนองเป็นตัวเสริมให้ทั้งหมดนี้มีพลังมากขึ้น เช่น เราอยากเขียนกลอนเศร้า ก่อนอื่น ถามตัวเองก่อนว่าจะเศร้าเพราะอะไร ไม่ใช่จู่ๆ ก็บ่นบ้าออกมาว่าเศร้ามาก เศร้าจริงๆ เศร้าที่สุด แต่ต้องบอกคนอ่านว่าเกิดอะไรขึ้น และอะไรที่เกิดนั้นต้องมีเหตุผลพอที่จะเศร้า คนที่บอกว่าเศร้าเพราะรักใครก็ไม่มีใครรักตอบ เพียงเพราะไม่สวย ไม่รวย กับคนที่บอกว่าเศร้าแฮะ ใครๆก็รักฉัน แต่ทำไมอี(ไอ้)บ้านี่ไม่รักฉัน(ฟะ) แบบหลังคงไม่สามารถทำให้ใครเศร้าตามหรอก มีแต่เขาจะหมั่นไส้เอา ส่วนการจะใช้เทคนิค เช่น พรรณนาโวหาร หรืออุปมาอุปมัย หรือ อติพจน์ ฯลฯ ก็เลือกเอาตามความถนัด ถ้ายังไม่ถนัดอะไรสักอย่างก็เรียนรู้และฝึกฝนซะ เห็นไหมว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ศึกษาหลัก แล้วฝึกฝนตามนั้น ส่วนที่ผู้เฒ่าว่าเสียงกลอนทุกบทควรเหมือนกัน ขอแก้เป็น กลมกลืนกัน นะ แล้วต้องสาธยายเรื่องเสียงกลอนด้วยมั้ย?? จาก : สหายร่วมวัย แด่ผู้เฒ่าและสหายร่วมวัย ผมอ่านการสนทนาของท่านทั้งสองได้ความรอบรู้มากมายเลยครับ และยิ่งชอบมายิ่งขึ้นไปอีกคือ คุณสหายร่วมวัย ที่ได้เขียนมาจากอารมณ์ส่วนลึกของเขาดัง ที่ผมก๊อปฯไว้ข้างบนนี้ นี่แหละครับ ตามความคิดเห็นผมนะครับ " คือหัวใจของการเขียนร้อยกรองเลยทีเดียว" ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างไม่มีง่ายและยากแต่อยู่ที่ ศรัทธาและความพยายามของผู้นั้นๆ กลอนตลาดเป็นแนวโน้มที่กระตุ้นจิตใจคนไทยได้ดี ขอยกตัวอย่างเช่น พระอภัยมณี อ่านง่ายเข้าใจง่าย กระตุ้นอารมณ์ให้ติดตามสอดแทรกคติไว้อยู่เสมอ จึงเป็นที่นิยมของคนไทยตลอดทุกยุคสมัยจนปัจจุบันนี้ ครับนี่แหละคือปัญหาของคนเขียนกลอนแหละ จะทำอย่างไรล่ะให้คนอ่านเข้าใจง่าย สะเทือนอารมณ์จนต้องติดตามแฝงไว้ด้วยความหวาน เศร้า หรือหวานปนเศร้า แล้วมีคติแง่คิดฝากไว้ในกลอนจนเขาซาบซึ้งในกลอน กลอนใดก็ตามที่สร้างความสะเทือนอารมณ์จนภาพลอยเด่นออกจากดุจดังเขาอยู่ร่วมในเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นโดยเห็นเป็นจริงเป็นจังคล้อยตาม แล้วนั่นแหละผมว่าถึงจุดสุดยอดของการเขียนกลอนแล้วครับ เอาล่ะครับผมความรู้น้อย เพียงสอดแทรกเข้ามาก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว หากผิดพลาดไปผมขออภัยด้วยนะครับท่านผู้เฒ่าและสหาย ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
11 พฤศจิกายน 2547 22:42 น. - comment id 368380
เหนื่อยมั้ยตัวซน..ยาวซะ..เสร็จเรื่องนี้แล้ว ขยันเขียนนะ..เดี๋ยวพ่อขุนแผน หัวเราะเมื่อยปากแย่..เนตเราจะตัดแล้ว ไปนอนก่อนนะ..อย่านอนดึกนัก สวดมนต์ก่อนนอนด้วย..
11 พฤศจิกายน 2547 23:11 น. - comment id 368396
..เรน ..ขอบคุณ ..นะคะ.. กี้ ..เรน ..เขียนได้ตั้งหลายบท.. ..พี่เมก ..อ้าปากค้างเล้ย ยคะ.. อิอิอิ..
11 พฤศจิกายน 2547 23:28 น. - comment id 368404
น้องเรนจ๋า พี่ขอเก็บนะค่ะ ชอบมากๆๆๆๆๆๆๆเลยจ๊ะ
12 พฤศจิกายน 2547 00:21 น. - comment id 368416
ช่างเก็บรายละเอียดได้ดีจริงๆนะคะ น้องเรน แล้วก็ถ่ายทอดได้ดีมากๆค่ะ พี่กานต์ชื่นชมมากค่ะ
12 พฤศจิกายน 2547 00:47 น. - comment id 368432
คิดเอยคิดถึง.. ...เรนจะซึ้งหรือเปล่าเราไม่รู้ ......แคร์ฝากกลอนคำอวยพรให้เรนดู .........คิดถึงนะคิดถึงอยู่ไม่รู้ลืม
12 พฤศจิกายน 2547 00:48 น. - comment id 368433
คิดเอยคิดถึง.. ...เรนจะซึ้งหรือเปล่าเราไม่รู้ ......แคร์ฝากกลอนคำอวยพรให้เรนดู .........คิดถึงนะคิดถึงอยู่ไม่รู้ลืม
12 พฤศจิกายน 2547 01:19 น. - comment id 368444
พอได้มาอ่านกลอนของน้องเรนที่ ไร มีความรู้สึก ชอบภาพ มาก ๆ หาได้ดี พี่ ขอชมจากใจ ไม่เจอกันนานหวังว่าคงสบายดีนะ
12 พฤศจิกายน 2547 05:11 น. - comment id 368459
ถนนที่กว้างใหญ่ ประคองไปให้รอดฝั่ง มีเธอเป็นพลัง ให้มีหวังก้าวต่อไป
12 พฤศจิกายน 2547 07:02 น. - comment id 368523
สวัดีครับ............. มาเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี คนเรียงถ้อยร้อยลำเป็นคำสอน คิดยอกย้อนแตกต่างล้วนสร้างสรรค์ บ้างลำนำคำฝากจากร้อยพัน จุดเดียวกันกวีไทยให้คำนึง แวะมาเป็นกำลังใจให้กันและกัน กำลังใจจากข้างในส่วนลึก ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
12 พฤศจิกายน 2547 07:02 น. - comment id 368524
เรน.. อรุณสวัสดิ์ .. พี่ๆ ..นะคะ.. ตอนนี้ .. เรน..แต่งตัวไป .. จัดกระเป๋าไป ..เฮ้อ..!!.. (ถอนจาย ) .. เรน ..อยากมาวิ่งเล่น .. ที่นี่ ทั้งวันเล้ยยคะ.. แต่ตอนนี้ .. คงไม่ได้ .. เรน.. มีหน้าที่.. วันนี้ .. ต้องไปหัดเขียน.. จบออกมา ..ยังต้องพากเพียร.. เพราะต้องเรียน .. อีกตั้งนาน .. เรน.. อยากเก่ง.. มามี้เร่ง ..ให้ทำการบ้าน.. หยิบ .. ตำรา.. มาเปิดอ่าน.. หัวบาน .. หัวฟู .. ยิ่งกว่า.. ไก่นิโกร .. อิอิอิ.. เฮ้อ ..อีกแล้วดิคะ .. บทกลอน ..ของเรน.. ซาแว้ปป.. ( .. เรน ..มีกลอนแปด ..ที่แต่งไว้ ..ตั้งบท เรน ..คัดก่อน .. แล้วจะส่ง ..คุณลุงนะคะ ) ก็ .. เรน.. เป็นตัวเบี้ยว ..เนี่ยน๊า .. อิอิอิ..
12 พฤศจิกายน 2547 07:04 น. - comment id 368527
โห้ยย .. โครม ..! .. เรนกระเด็น ... กี้ ..เรน ไม่เห็น พี่ไก่ .. นะคะ.. เรน .. ขอโทษ .. นะคะ..
12 พฤศจิกายน 2547 07:13 น. - comment id 368546
คิดเอยคิดถึง.. ...เรนจะซึ้งหรือเปล่าเราไม่รู้ ......แคร์ฝากกลอนคำอวยพรให้เรนดู .........คิดถึงนะคิดถึงอยู่ไม่รู้ลืม จาก : แครอท .................. แคร์คะ.. เรนตื่นเต้นจัง ...!! แคร์ เซอร์ไพร์ส เรน... ..เรนจำ.. มิตรภาพ ..ที่แคร์ให้.เรน... ..แคร์ .คือ..เพื่อน ที่เรน ..ไม่ลืม.. เรน .. อยากได้ .. แคร์ .. กลับคืนมา .. ตอนนี้ ..เรน ..ไม่ได้ไป..ที่หรรษา ..นานมาก ก็ ..เรน ไม่มีเพื่อน .. แคร์หายไป .. พี่ๆ .. เค้าก็เบื่อ.. เรน.. .. เรน .. คิดถึง .. แคร์ ..นะ.. ( .. ตอนนี้ รถมารอ..เรน .. เฮ้อ!..) เรน..อยากคุยๆๆๆ.. ม๊ากๆ..เล้ยยคะ.. แว้ปป..!!
12 พฤศจิกายน 2547 07:17 น. - comment id 368548
ชีวิตเรา ทุกวัน มีปัญหา ถ้าปรึกษา กันได้ ไม่ถลำ ย่อมพบทาง แก้ไข ไร้เงื่อนงำ ไม่หน้าดำ คิดสั้น อัดอั้นใจ การพูดจา ถกธรรม คำสอนพระ ช่วยชำระ ความคิด จิตแจ่มใส พบปัญหา รู้แก้ ได้แน่ใจ ปัญญาไว ฉับพลัน รู้ทันคน ฯ เสียดายจังที่พลาดโอกาสนี้ แต่พี่เมกไม่เก่งเรื่องสนทนาเหมือนคนอื่น ชอบเป็นผู้ฟังมากกว่า ฮิๆๆ คงเป็นเพราะหัวไม่ดีก็ได้นะ อ่านแล้วก็ได้ความรู้ดีครับน้องเรน พี่ว่าดีนะ ได้ฟังแนวคิดของคนอื่นบ้างก็ดี เด๋วสาย ๆ จะมาอ่านอีกรอบครับ ไปวิ่งเพิ่งกลับครับ เหนื่อย ไปอาบน้ำก่อนนะครับ บะบาย +-*-+ +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+
12 พฤศจิกายน 2547 09:39 น. - comment id 368591
น้องเรนจ๋า.... บอกได้คำเดียว ว่าขอบคุณ........ พี่ขอเก็บไว้นะ ^___^
12 พฤศจิกายน 2547 10:41 น. - comment id 368632
ดีจังเลยค่ะ อิอิ...
12 พฤศจิกายน 2547 15:14 น. - comment id 368888
พี่มัทแวะมาหาเรนจังจ้า ไม่ว่างหรอคะ ไปก่อนหละ ไว้คุยกันวันหน้านะคะ อิจฉาผู้เฒ่าจังอะ อยากคุยด้วยมั่ง ได้ป่าวอะ อยากถามอย่างน้องเรนด้วยค่ะ
12 พฤศจิกายน 2547 16:47 น. - comment id 368979
เอื้องน้อยเรนจัง... มีแบบอัดเทปมะค่ะ...อิอิ...พี่ดาอ่านจนตาลายแล้วค่ะ...แล้วเขาคุยกันรึว่าโต้วาทีกานละค่ะเนี่ย.. ล้อเล่นจ้าเรนน้อย.....เปิดเทอมแล้วตั้งใจเรียนนะค่ะ... คิดถึงค่ะ...
12 พฤศจิกายน 2547 22:51 น. - comment id 369143
คิดถึงพี่เรนจัง อิอิ
13 พฤศจิกายน 2547 10:34 น. - comment id 369310
พี่แก้ม .. แวะมาทักนู๋เรนจ้า .. อิอิ .. ก็ช่วงนี้ .. มะค่อยว่าง .. เร้ยยยยยย .. ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ =^______________________^= ผู้หมวดไม่อยู่ .. ผู้หมู่ไปเที่ยว .. เหลือนู๋คนเดียว .. เหตุการณ์ปกติ!! ¤ ¤ KËÅM _ PÖÑG¹ ¤ ¤ . . . S o M e - O n e - L o V e - Y o U . . .
13 พฤศจิกายน 2547 21:08 น. - comment id 369651
ชอบจัง น้องเรน....
14 พฤศจิกายน 2547 11:41 น. - comment id 369813
..กี้ ..เรนเพิ่งกลับมา.. เรน ..ขอโทษ .. ที่มา..ขอบคุณ พี่ๆ ช้านะคะ.. ..เรน ..ขอบคุณ ..นะคะ..
20 ธันวาคม 2547 22:54 น. - comment id 392755
พันดาวมาช้าที่สู้ดเลย.... กว่าจะมาถึงเค้าไปกันหมด... วงสนทนาจบไปนานแล้ว... แต่ไม่เป็นไร นู๋เรน อัดเทปไว้ให้อ่านกัน อิอิ ขอบคุณกั๊ป :-)