จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดูกรผู้พากเพียรธรรมนำมาสถิต เมื่อใจจิตทราบมาอย่างถ้วนถี่ จิตย่อมครองอารมณ์สมเปรมปรีดิ์ รู้เหตุที่เป็นไปในสังขาร ย่อมพิจารณาจิตใจอย่างไรเล่า ใจของเรารู้ว่าช่างน่าสงสาร สติต้องให้มั่นคงแล้วบงการ ยังสังขารพลันกระจ่างวางลง จิตมีราคะรู้ชัดว่ามีราคะ ให้จงสละละไว้อย่างสมประสงค์ หากปราศจากราคะรู้เจตจำนง ก็ยังคงรู้ว่าปราศจากราคะจริต ซึ่งจิตมีโทสะรู้ชัดว่าโทสะ ที่มันจะโมโหโกรธามาวิปริต ซึ่งปราศจากโทสะควรรู้คิด ประกอบกิจพิจารณาไว้ทั้งนอกใน ทั้งจิตมีโมหะรู้ชัดว่ามีโมหะ เราควรละวางไว้ให้ผลักไส ความลุ่มหลงจงร้างจนห่างไกล ปราศโมหะไซร้ได้ทราบโดยฉับพลัน อีกจิตหดหู่รู้ชัดจิตนั้นหดหู่ ฟุ้งซ่านดูรู้ฟุ้งซ่านแตกกระสัน จิตมหรคตรู้ชัดมหรคตจากมัน ถ้าละนั้นรู้ชัดว่าปราศมหรคต หากจิตมีธรรมอื่นยิ่งกว่าอยู่ ก็จะรู้จิตมีธรรมนำปรากฏ หากปราศจากธรรมพากันเลี้ยวลด ก็ทราบหมดว่ามันพลันปราศธรรม จิตตั้งมั่นพลันรู้จิตตั้งมั่น วอกแวกนั้นพลันรู้ไม่อยู่นำ จิตหลุดพ้นต้นเหตุการณ์กระทำ อย่าเผลออำแจ้งชัดหลุดไม่หลุด แล้วพิจารณาจิตในจิตทั้งในนอก ไม่กลับกลอกเกิดขึ้นเสื่อมโทรมทรุด เพียงสักว่าความรู้อย่าให้กุด อีกทั้งฉุดระลึกตรึกอย่ากลับกลาย เป็นผู้ตัณหาทิฏฐิไม่ได้อาศัยแล้ว ย่อมเพริศแพร้วไม่ถือมั่นคือสลาย ขึ้นชื่อว่าพิจารณาจิตในจิตกำจาย จิตทั้งหลายในจิตตานุปัสสนาเท่านี้เอง. ๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
4 พฤศจิกายน 2547 01:22 น. - comment id 363295
สาธุ........เพราะเหมือนเคยเข้าถึงรสพระธรรมค่ะพี่แก้ว ฝันดีนะคะ
4 พฤศจิกายน 2547 01:53 น. - comment id 363298
ความรู้ที่ได้จากการอ่านบทร้อยกรอง เพลินเพลินกว่าอ่านตัวหนังสือในหนังสือธรรมะนะครับ เขียนต่อไปนะครับ ไว้เป็นมรดกแห่งแผ่นดิน
4 พฤศจิกายน 2547 09:40 น. - comment id 363350
ขอบคุณค่ะ ..... จิต คือ ตัวกำหนอด ให้เกิด โลภะ โมหะ ราคะ เป็นผู้ตัณหาทิฏฐิไม่ได้อาศัยแล้ว ย่อมเพริศแพร้วไม่ถือมั่นคือสลาย ขึ้นชื่อว่าพิจารณาจิตในจิตกำจาย จิตทั้งหลายในจิตตานุปัสสนาเท่านี้เอง. ตรวนี้ค่ะ ชัดเจน ค่ะ ...........
4 พฤศจิกายน 2547 09:41 น. - comment id 363351
แก้ไข คำว่าตรว เป็น ตรงนี้ค่ะ
4 พฤศจิกายน 2547 10:10 น. - comment id 363379
แต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ และเห็นด้วยกับคุณลำน้ำน่าน แถมกลอนแบบนี้แต่งยากมาก ชื่นชมในผลงานนะค่ะ
4 พฤศจิกายน 2547 11:40 น. - comment id 363496
พี่ครับ ถ้าเขียนเรื่องสติปัฏฐานจบแล้ว ช่วยเขียนเรื่อง มิตรแท้ มิตรเทียมหน่อยจิครับ เมกอยากได้ จะเอาไปใส่กรอบแปะที่บ้านไว้เตือนสติตัวเองครับ +-*-+ +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+
4 พฤศจิกายน 2547 11:52 น. - comment id 363509
^_^ เห็นด้วยกับคุณลำน้ำน่านค่ะ ถ้าให้อ่านเป็นเรื่องคงไม่อ่านเหมือนกัน ชอบอ่านเป็นกลอนเข้าใจง่ายกว่าเพราะเรารักกลอนนี่คะ อิอิ
4 พฤศจิกายน 2547 13:06 น. - comment id 363592
สติตั้งมั่นในธรรมแน่แล้ว ใยเลยจะหวั่นเกรง...
4 พฤศจิกายน 2547 15:14 น. - comment id 363699
เป็นผู้ตัณหาทิฏฐิไม่ได้อาศัยแล้ว ย่อมเพริศแพร้วไม่ถือมั่นคือสลาย ขึ้นชื่อว่าพิจารณาจิตในจิตกำจาย จิตทั้งหลายในจิตตานุปัสสนาเท่านี้เอง สาธุ..อนุโมทนาในการรจนาค่ะคุณแก้วประเสริฐ
4 พฤศจิกายน 2547 23:00 น. - comment id 364046
มั่งคงรู้ดูใจใฝ่ติดตาม ในบางยามจิตใจไหวผวา เกิดชอบชังพรั่งพรูสู่จิตตา ไม่รู้สึกกายาเท่าที่ใจ ความไหวนี้ไม่มีเธอและฉัน รู้สึกนั้นไม่มีเราเข้าอาศัย เพียงรู้ธรรมที่เกิดภายในใจ เมื่อรู้แล้วจึงละภัยได้ทันการณ์
6 พฤศจิกายน 2547 12:24 น. - comment id 364994
คุณ เพราะรัก ที่จริงแล้วมีอยู่ในพระไตรปิฏกเพียงแต่ว่าผมนำมาแต่งให้เป็นกลอน ในนั้นมากด้วยสาระคุณะประโยชน์อย่างเลิศหาที่เปรียบมิได้ครับ ขอบคุณนะครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:26 น. - comment id 364995
คุณ ลำน้ำน่าน ได้กำลังใจจากคุณทำให้ผมเกิดปิติความพยายามขึ้นครับ เพราะผลงานของยอดกวีชายเช่นคุณผมศรัทธาเสมอครับขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:28 น. - comment id 365000
คุณ ดาหลาฯ จิตเป็นผู้ระลึก ระลึกอะไร ระลึกถึงคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นแนวทางไว้ใช้กับเราเสมอ เพื่อให้เราควบคุมสติและสัมปชัญญะไว้กับตัว เป็นผู้รู้ โลภะ โทสะ โมหะ ว่าจะเกิดหรือไม่ครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:30 น. - comment id 365002
คุณ ผู้หญิงไร้เงา ขอบคุณครับท่านผู้หญิงฯ ผมมีศรัทธาในคำสอนมาก จึงพยายามรจนาให้เป็นกลอนไว้ แต่คงจะเผยแพร่เฉพาะหมู่พวกเราเท่านั้นเองแหละ ฝากไว้ก็แค่เพื่อนๆที่เข้ามาชมครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:34 น. - comment id 365004
คุณ เมกกะ ขอบคุณมากที่เชื่อผม แต่ทว่า มิตรแท้มิตรเทียมนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดคุณกุ้งหนามแดงและคุณพี่ดอกแก้ว เคยเขียนไว้แล้ว คุณลองไปค้นดูซิครับ เมื่อจบแล้วผมอยากจะเขียน อภิธรรมบ้าง เพราะได้หนังสือมาเล่มหนึ่ง เป็นของอาจารย์ทางพระนะครับจากพม่า เขียนไว้นานแล้วล่ะ ผมอ่านแล้วต้องทำความเข้าใจเสียก่อนดีมากคล้ายๆกับของเราแต่ใช้คำพระมาก บางคำรู้บางคำไม่รู้จึงขอศึกษาไว้ก่อนครับ เพราะธัมมานุสตินั้นเขียนยากมากครับเป็น แนวสุดยอดรวมคำสอนของพระพุทธองค์ไว้ อนิสงฆ์พอๆกับพระอภิธรรมเจ็ดคำภีร์เลยครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:37 น. - comment id 365006
คุณ คนเมืองลิง ครับหากเป็นร้อยแก้วแล้วจะอ่านยากจึงไม่ค่อยมีคนสนใจใจในธรรมเท่าไหร่ ผมมานั่งคิดนอนคิดนานแล้วว่า หากผมแต่งกลอนไว้แล้วมีคนรู้จักผมแล้ว จะเขียนกลอนในแบบธรรมะฝากไว้แก่ตนเองบ้าง พอมีโอกาสจึงได้เขียน แต่ได้แค่นี้แหละครับ ผมยังไม่เก่งทำได้ก็เพียง งูๆปลาๆ ย่อมมีข้อผิดพลาดมากนัก หวังว่าคงจะได้รับการอภัยด้วยนะครับ เพราะเจตนารมย์สูงครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:39 น. - comment id 365008
คุณ วิจิตร ถึงแม้จะมั่นในธรรมอย่างไร ข้อผิดพลาดก็มีมาก เมื่อคิดพิจารณาจะรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองช่างมากมายมหันต์ยิ่ง แต่ก็จะพยายามครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:40 น. - comment id 365009
คุณ น้องกิ๊ฟ ขอบคุณมากครับที่ชอบบทนี้ ผมเองก็พยายามอย่างยิ่งแล้วล่ะครับที่จะให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายๆครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:41 น. - comment id 365011
คุณ พี่ดอกแก้ว จิตคนเรานั้นยากจะบังคับได้จริงๆเหมือนลิงย่อมไม่อยู่เฉยๆครับ ขอบคุณมากครับ คงหายดีแล้วยินดีด้วยครับ แก้วประเสริฐ.