เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุสติ ดูกรผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย เรื่องอภิปรายกายานุปัสสนากัมฐาน ยกด้วยเหตุพิจารณาธรรมพิจารณ์ ขอกล่าวขานการเสวยธรรมารมณ์ อารมณ์คิดจิตเกิดได้หลายสถาน นอกในนั้นพลันทุกข์สุขเหมาะสม จิตสอดส่ายขยายตามเรื่องอารมณ์ เสวยจนตรมสุขทุกข์แต่ละกาล การเกิดทุกข์สุขนั้นมีหลายเหตุ ล้วนแสดงเจตนาอายตนะวัฏฏะสาร ทั้งนอกในให้รู้ประกอบการ ด้วยผลนั้นขันธ์ห้ามาตบแต่ง ครั้นรู้แจ้งแหล่งที่การบังเกิด น้อมจิตเลิศพิจารณาเวทนาแขนง เมื่อเสวยสุขรู้สุขทุกครั้งแสดง สิ่งเข้าแฝงแห่งสุขที่พบนั้น ทุกข์มาก็รู้ว่าเสวยทุกขเวทนา ทุกข์เข้ามาก็ทราบเหตุที่เสกสรร ไม่มีสุขทุกข์ก็รู้เหตุจำนรรจ์ พึงทราบพลันนั้นอทุกขมสุขเสวย สุขมีอามิสย่อมรู้สุขมีอามิส แล้วน้อมจิตคิดไว้ดังเคยเฉลย ทุกข์มีอามิสทราบได้เหมือนอย่างเคย อย่าละเลยใฝ่ไว้ให้ใจจำ ปราศจากทุกข์สุขมาพรากจากอามิส รู้ชัดสนิทพิจารณาอย่าเงื่อนงำ พึงทราบอทุกขมสุขอามิสมิอยู่ทำ ผลน้อมนำเวทนามาเสื่อมคลาย พิจารณาเวทนาในเวทนาให้ปรากฏ อย่าเลี้ยวลดนอกในมิให้สลาย เพียงสักว่าอาศัยระลึกตรึกกำจาย อย่าละลายสติมั่นนั้นเวทนามีอยู่ ได้ชื่อว่าตัณหาทิฏฐิหนีไปแล้ว น้อมเพริศแพร้วแนวทางที่สวยหรู ไม่ถือมั่นอะไรในโลกดุจครู ย่อมได้รู้เวทนาหานิพพาน อันเวทนามาบังเกิดแก่ดวงจิต ด้วยความคิดสังขารเข้าประสาน มาปรุงแต่งแห่งที่อย่างชำนาญ ประกอบการเป็นทุกข์สุขในอารมณ์ เมื่อรู้แจ้งแสดงเหตุอย่างแจ่มใส ทั้งนอกในไกกลอย่างเหมาะสม เพียงสักว่าความรู้ระลึกปรารมภ์ ตัณหาทิฏฐิจมลงไว้ไม่ยึดมั่น อย่างนี้เรียกว่าพิจารณาในเวทนาอยู่ เธอเป็นผู้ตัณหาทิฏฐิมิกระสัน จะหนีหายจากจรออกไปพลัน ก็เป็นอันเวทนานุปัสสนาเอวังฯฉนี้แล. ๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
2 พฤศจิกายน 2547 12:26 น. - comment id 362220
สาธุ
2 พฤศจิกายน 2547 12:35 น. - comment id 362221
สาธุ..........ค่ะ พี่แก้วแต่งแนวนี้เก่งจังเลยนะคะ แวะมาทักทายพี่แก้วนะคะ คิดถึงเสมอค่ะ
2 พฤศจิกายน 2547 12:42 น. - comment id 362225
ว้า...........ว่าจามาเปงคงแรกนะ มาช้ากว่าพี่หวานอิกหม่ายหวาย แต่มาแล้วนะคะ ลุงแก้ว มาอ่าน..มาทักทาย..มาชื่นชม ค่ะ
2 พฤศจิกายน 2547 13:27 น. - comment id 362237
อารมณ์คิดจิตเกิดได้หลายสถาน นอกในนั้นพลันทุกข์สุขเหมาะสม จิตสอดส่ายขยายตามเรื่องอารมณ์ เสวยจนตรมสุขทุกข์แต่ละกาล การเกิดทุกข์สุขนั้นมีหลายเหตุ ล้วนแสดงเจตนาอายตนะวัฏฏะสาร ทั้งนอกในให้รู้ประกอบการ ด้วยผลนั้นขันธ์ห้ามาตบแต่ง *-*-*-*-*- ทั้งๆๆ ที่รู้ ว่า นั่นคือ ความทุกข์ อารมณ์ ก็ยังพาไป ให้เศร้าเหงาได้ แปลว่าไม่พิจารณา จิต ใช่ไหม คะ แย่ๆๆอยู่ค่ะ
2 พฤศจิกายน 2547 13:35 น. - comment id 362244
ใจที่กระด้างจะหายหยาบได้บ้างนะคะ ด้วยการได้อ่านอ่านดีมีคุณธรรมน้อมนำจิตใจ ได้บ้างดีกว่าไม่ไม่ได้เลย งานงามมากๆ ค่ะ จากใจ สวัสดีค่ะ
2 พฤศจิกายน 2547 16:43 น. - comment id 362350
แวะมาศึกษาสติปัฎฐาน 4 เพิ่มเติมครับพี่ กาย เวทนา จิต ธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เรา เขา +-*-+ +-*-+-*-+ปู๊ชายอารมดี๊ดี+-*-+-*-+ +-*-+
2 พฤศจิกายน 2547 19:52 น. - comment id 362474
กายสงบจิตสงบ เราก็พบสัจจธรรม กายคิดจิตดื่มด่ำ สิ่งประจำที่พบเจอ *-*แต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ*-*
2 พฤศจิกายน 2547 21:37 น. - comment id 362570
ขอบคุณค่ะ...อ่านแล้วสงบดีจัง
2 พฤศจิกายน 2547 23:32 น. - comment id 362644
. คือสิ่งแท้ ถอดวาง ได้ว่างเว้น ขุ่นลำเค็ญตะกอนลอยคอยพร่ำขาน คำนึงนิ่ง สิ่งสอง ประคองปราณ พอพลิ้วผ่าน พิศผอง ประคองใจ .
3 พฤศจิกายน 2547 00:09 น. - comment id 362646
ผู้มีปัญญาสามารถกำหนดเวทนาได้ ผู้ไร้ปัญญาล้วนตกเป็นทาสของเวทนา เหมือนเคยค่ะ...มาด้วยความชื่นชม และเคารพในความเพียรสร้างสรรค์ของคุณแก้วประเสริฐ ขอการกระทำนี้จงเป็นพลวปัจจัยอุดหนุนส่งเสริมให้คุณแก้วประเสริฐประสบในสิ่งที่สมปรารถนาทุกประการนะคะ
3 พฤศจิกายน 2547 12:13 น. - comment id 362846
คุณ ยามเย็น อนุโมทนา....ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2547 12:18 น. - comment id 362850
คุณ สาวดำ การมาทำให้ลุงดีใจแล้วล่ะ จะช้าหรือไม่หาเป็นปัญหาใดๆทั้งสิ้น ขอให้มาเถอะนะแค่นี้ก็ซึ้งใจแล้วล่ะ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2547 12:54 น. - comment id 362881
คุณ ดาหลาฯ คุณต้องทราบก่อนว่า จิต เจตสิก ใจ แตกต่างกันอย่างไร จิตมีลักษณะซัดส่าย ไปเรื่อยๆทั้งในบ้างนอกบ้างไม่อยู่นิ่ง เจตสิกหรือความหมายว่าอารมณ์จะควบคู่ไปกับจิต ส่วนใจนั้นเป็นผู้รู้ เมื่อ จิต เจตสิก ไปพบสิ่งใดๆก็จะรายงานให้ใจทราบ ใจจะอยู่เฉยๆ เมื่อจิตเจตสิกใจถูกบังคับเพราะมีสติตั้งมั่นควบคุมอยู่อาการจิตจะชลอการสัดส่ายไปมาจนกระทั่งอยู่นิ่ง ความทุกข์ก็จะค่อยๆหายไป เมื่อจิตใจสงบอยู่ในที่ใดที่หนึ่งที่สติควบคุมอยู่ จิตเจตสิกใจจะสร้างปัญญาให้เกิดรู้เท่าทันสิ่งทั้งปวงจ้า ผมเองก็ทราบเล็กๆน้อยเท่านี้แหละครับ หากจะละเอียดต้องไปค้นคว้าเอา หรืออ่านพระไตรปิฏกก็จะทราบครับ ขออนุโมทนาในจิตที่เป็นกุศลด้วยคนครับ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2547 13:00 น. - comment id 362883
คุณ กอกก ครับหากสติตั้งมั่นคงแล้วสิ่งที่ว่ายากก็ย่อมง่ายขึ้น คุณต้องอาการของจิตดังที่ผมแจ้งไว้ข้างบนในกระทู้ของคุณดาหลานะครับ ผมเพียงรู้เท่าที่จะรู้ครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2547 13:02 น. - comment id 362887
คุณ เมกกะ ครับผมตั้งใจไว้แล้วจะแต่งกลอนเรื่องสติปัฏฐานสูตรจนจบ นี่ก็เข้าหมวดเวทนา ต่อไปก็จิต แล้ว ธรรม ครับ ครับผมพยายามจะทำให้ดีแต่ก็เพียงได้แค่นี้แหละครับ อย่างไรก็ตามคอยติดตามชมและวิจารณ์ด้วยครับ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2547 13:06 น. - comment id 362889
คุณ ผู้หญิงไร้เงา เมื่อกายสงบจิตสงบ ปัญญาก็จะเกิด เมื่อปัญญาเกิดก็จะพบสัจจธรรมค้นพบแนวทางการพ้นทุกข์ครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2547 13:08 น. - comment id 362891
คุณ วนา ผมชอบกลอนคุณจังเลย ลึกซึ้งถึงแก่นจริงๆครับ ถูกแล้วครับเป็นแนวทางที่ควรดำเนินอย่างยิ่ง ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2547 13:10 น. - comment id 362896
คุณ น้องกิ๊ฟ ครับใช่แล้วล่ะครับ เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรยึดปฏิบัติอย่างยิ่งครับ แก้วประเสริฐ.
3 พฤศจิกายน 2547 15:51 น. - comment id 363024
^_^ สติมาปัญญาเกิด สาธุค่ะ
4 พฤศจิกายน 2547 23:00 น. - comment id 364049
ความรู้สึกนึกคิดบิดเบือนว่า สุขนักหนาคราวนี้ที่พบเห็น ความซาบซึ้งซับซ่านสานประเด็น ให้รู้เป็นเรื่องดีมีตัวตน บางคราวพบรับกระทบแล้วโทสา โกรธหนักหนาไม่พอใจในสิ่งผล อภิชฌา-โทมนัสรัดกมล ตัดสินบนตัณหาที่สาใจ เพียงรู้สึกระลึกธรรมนำสัมผัส อย่าบัญญัติเรื่องราวคราวหวั่นไหว รู้แตกต่างทางกระทบที่สบนัย ที่มีอยู่.. เปลี่ยนไป ...ไม่คงเดิม
6 พฤศจิกายน 2547 12:19 น. - comment id 364986
คุณ คนเมืองลิง ครับทดลองดูซิครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2547 12:20 น. - comment id 364987
คุณ พี่ดอกแก้ว ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.