รัตติกาล มาเยือน เตือนอุรา ที่ฟากฟ้า มืดมิด สนิทแล้ว มีแต่เดือน ดวงดาว พราวพร่างแพรว ไร้วี่แวว ว้าเหว่ ไขว้เขวใจ พร่ำละเมอ เพ้อหา แก้วตาพี่ ป่านฉะนี้ ดวงฤดี อยู่ที่ไหน จะมีคน แหนหวง คอยห่วงใย เฝ้าปลอบใจ คราไห้ห่ม จมน้ำตา ใครรังแก หรือเปล่า เจ้าขวัญจิต พะวงคิด พรั่นทรวง เพราะห่วงหา อยากบอกเจ้า ยามเหงา เศร้าเหว่ว้า เช็ดน้ำตา ให้คนดี พี่ยังรอ รุ่งทิวา รวีกลับ จับขอบฟ้า จำต้องลา หวังสลาย ใจเศร้าหงอ ชลนา รินร่ำ น้ำตาคลอ ตั้งตารอ เจ้าใย ไม่เห็นมา @@@@@@@@@@@@@@@@@ ...ว้าเหว่ เพราะเหว่ว้า จะหันหน้าไปหาใคร @@@@@@@@@@@@@@@@@
1 พฤศจิกายน 2547 22:03 น. - comment id 361915
เย้ๆๆๆๆๆๆ........มาเปงคงแระ หรื่อเป่า..จิจิ แวะมาทักทายค่ะพี่ต่อ กะเหว่ว้า..เงี๊ยแหล่ะ ทำไมม่ายรีบ มีคู่ อ่ะค่ะ จาได้ไม่เหว่ว้า จิจิ...ปายแระ
1 พฤศจิกายน 2547 22:05 น. - comment id 361917
ถ้ามีคนรังแก จะไปเตะให้ไหมคะ .. ถามเล่น ๆ แต่ รอคำตอบ อย่างเอาจริงเอาจังค่ะ :)
1 พฤศจิกายน 2547 22:38 น. - comment id 361954
หันหน้าเข้าหากระจกจิค่ะแล้วจะได้รับกำลังใจจากตัวเองคิกๆๆๆไปแย้วค่ะพี่ต่อขาๆๆๆๆๆๆๆๆคิกๆๆๆคิดถึงคราบท่านพี่
1 พฤศจิกายน 2547 22:39 น. - comment id 361955
กำลังคิดรังแกคนพอดี... ว่าแต่จะปลอดภัยไหมเนี่ย..สวัสดีครับคุณเรไร..
1 พฤศจิกายน 2547 23:12 น. - comment id 361995
^____^ ไปยืมความเหงาจากใครมาคะ จ๋งใจ๋ค่ะ
1 พฤศจิกายน 2547 23:49 น. - comment id 362029
รันติกาลมาเยือนบิดเบือนหนี ให้ฤดีหมองหม่นทนหวั่นไหว ความมืดมิดเบียดชิดที่ภายใน ให้รู้สึกร้าวไหวในทันที *-*กลอนแต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ*-*
2 พฤศจิกายน 2547 07:09 น. - comment id 362097
รัตติกาล มาเยือน เตือนอุ....รา ที่ฟากฟ้า มืดมิด สนิทแล้ว มีแต่เดือน ดวงดาว พราวพร่างแพรว ไร้วี่แวว ว้าเหว่ ไขว้เขวใจ รา ....เป็นเสียงสามัญดูไม่ลื่นไหล ใครรังแก หรือเปล่า เจ้าขวัญ ..จิต พะวงคิด พรั่นทรวง เพราะห่วงหา อยากบอกเจ้า ยามเหงา เศร้าเหว่ว้า เช็ดน้ำตา ให้คนดี พี่ยังรอ จิต ก็เช่นเดียวกันเป็นเสียงสามัญ คำสุดท้ายของวรรคสดับไม่ควรลงเสียงสามัญ ควรใช้คำ เต้น มากกว่า จะฟังลื่นไหล ก่อนอื่นขอพูดคร่าวๆถึงเสียงของคำท้ายวรรคก่อนว่าท่าน(ใครก็ไม่รู้)กำหนดไว้อย่างไร กลอนบทหนึ่งมี ๔ วรรค ก็มีการกำหนดว่าเสียงท้ายแต่ละวรรคควรเป็นดังนี้ ๑. กลอนสลับ ได้แก่ กลอนวรรคต้น คำสุดท้าย ใช้คำเต้น คือนอกจากเสียงสามัญ แต่ถ้าจะใช้ ก็ไม่ห้าม ๒. กลอนรับ ได้แก่ กลอนวรรคที่สอง คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงจัตวา ห้ามใช้เสียงโท, สามัญ, ตรี, และวรรณยุกต์เอกมีรูป วรรณยุกต์เอกไม่มีรูป ไม่ห้าม แต่ต้องให้คำสุดท้าย ของกลอนรอง เป็นเสียงตรี ๓. กลอนรอง ได้แก่ กลอนวรรคที่สาม คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ ห้ามใช้เสียงจัตวา หรือคำที่มีรูปวรรณยุกต์ จะใช้คำตายเสียงตรี ก็ได้ ถ้าวรรครับใช้คำตายเสียงเอกส่งมา ๔. กลอนส่ง ได้แก่ กลอนวรรคที่สี่ คำสุดท้าย นิยมใช้ เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตาย และคำที่มีรูปวรรณยุกต์ จะใช้คำตายเสียงตรี บ้างก็ได้ ที่ว่ามานี้ลอกมาจากตำรา แต่ขอบอกว่าผมเองก็ไม่ได้เคร่งครัดนักในหลายๆจุด สวัดีครับ............. มาเป็นกำลังใจให้คนที่แสนดี คนเรียงถ้อยร้อยลำเป็นคำกลอน คิดยอกย้อนแตกต่างล้วนสร้างสรรค์ บ้างลำนำคำฝากจากร้อยพัน จุดเดียวกันกวีไทยให้คำนึง แวะมาเป็นกำลังใจให้กันและกัน กำลังใจจากข้างในส่วนลึก ไม่ต้องฝึกต้องหามาให้เห็น จะแดดร้อนตอนสายจนบ่ายเย็น จะคอยเป็นกำลังใจให้ดนดี
2 พฤศจิกายน 2547 08:09 น. - comment id 362118
วางผังให้แม่นยำ แล้วเขียนโปรแกรม ให้คอมพิวเตอร์แต่งกลอน รับรอง เป๊ะๆ
2 พฤศจิกายน 2547 08:55 น. - comment id 362132
คุณ สาวดำ ขอบคุณครับกำลังหาอยู่ อิอิอิ คุณ อัลมิตรา ผมไม่ชอบเห็นใครถูกรังแก เป็นแค่จุมโพ่ตัวเล็ก ๆ แต่ถ้าเห็นใครแกล้งเด็ก ผมจะมะเหงกเขกหัวมัน.. แต่คุณอัลมิตราโตแล้วนี่ครับ ใครจะรังแก จิงไหมครับ ขอบคุณน่ะครับ สักวันคงได้ช่วยเหลือกันจริงๆ คุณ เพราะรัก ที่บ้านไม่มีกระจกครับ เช้าๆผมก้ตักน้ำใส่ขัน ก่อนแปรงฟัน ล้างหน้าก็ดูตัวเองทุกวัน ขอบคุณครับ คุณ ฟ้าใหม่ ขอบคุณครับที่เข้ามาเยื่ยมชม มารับมุข คุณอัลมิตราหรือเปล่าครับ ผมรับรอง ความปลอดภัยขอให้มีความสุขครับ คุณ ผู้หญิงไร้เงา ขอบคุณ สำหรับทุกน้ำใจที่มอบให้ ขอบคุณน่ะครับ คุณเป็นคนที่ให้กำลังใจทุกคนด้วยความจริงใจด้วยดี ขอบคุรครับ คุณ ผลิใบฯ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ ที่คุณเข้ามาอ่านงาน ของผมอย่างจริงจัง ครั้งแรกสำหรับงานที่คุณเข้ามาอ่าน ซาบซึ้ง แล้วกรุณาอธิบายข้อด้อยเด่นในการใช้ ภาษาไทย ผมมันคนการศึกษาไม่สูงครับ เรียนบนดินกินข้าวแกง วันๆนึงแทบจะไม้ได้เขียนหนังสือเลย ด้วยซ้ำไป มีที่เข้ามาเขียนในไทยโพเอมนี่แหละครับ เป็นที่ฝึกอ่าน หมั่นเขียน เรียนรู้ดูอารมณ์ ผมเขียนเพราะผมอยากเขียน ผมชื่นชมนักเขียนหลายท่านเพราะผลงาน การสื่ออารมณ์ ไม่ใช่จาก การแสดงความคิดเห็น มากเข้าว่า อย่างไรก็ตาม ผมขอบพระคุณมากครับ สำหรับคำชี้แนะ ถ้าทำอย่างที่คุณ ผลิใบเรื่องการดูรายละเอียดคำเอกคำโท คำเป็น คำตาย ครุ หรือลหุ ก็ตาม สมัยเรียนผมได้แค่เกรด 1 ในวิชาภาษาไทย ครับ กราบขออภัยด้วยที่บางครั้งการใช้คำ อาจจะแบบว่า ตามใจตัวเองไปหน่อย ขอบพระคุรสำหรับคำชี้แนะครับ อ้อ อีกอย่าง เรื่องชวนผมเขียนกลอนเพื่อเวป ผมจะเขียนเมื่อใจอยากเขียนครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ คุณ ดุ่ยดอนเมือง สวัสดีครับ อยู่แถวไหนครับ ว่างๆมาคุยกันน่ะ จะขอปันโปรแกรมไปใช้บ้าง ขอบคุณครับ
2 พฤศจิกายน 2547 10:28 น. - comment id 362152
เห็นรูปก็เหงาแล้วนะคะ อ่านกลอนแล้วเหงายิ่งขึ้นไปอีก แวะมาทักทายด้วยความคิดถึงอั๊บ
2 พฤศจิกายน 2547 12:18 น. - comment id 362218
ลูกไม่ช่วยคลายเหงาบ้างเลยเหรอจ๊ะ กลอนเพราะจัง อ่านแล้วเคลิ้มจริงๆ
2 พฤศจิกายน 2547 13:40 น. - comment id 362246
คุณเรไร..อภัยไปพึ่งอภัย..ขุ่นจิตใจและสมาธิการวาดฝันเปล่าๆ..เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง และดูยังเยาว์กว่าคุณ..สวัสดีครับ
2 พฤศจิกายน 2547 18:05 น. - comment id 362424
ใจเหว่ว้า ว้าเหว่ ว่าใจเศร้า มีเพียงเงา เราตรม ระทมหมอง ส่งใจทอด สอดคิดซึ้ง ถึงเนื้อทอง ตะโกนก้อง กู่ได้ เพียงในใจ** มาร่วมว้าเหว่ด้วยคนนะคะ ยามนี้เหมือนจะเหงา แต่ไม่เหงานะ สวัสดีค่ะ ลงชื่อ..กอกก
3 พฤศจิกายน 2547 12:31 น. - comment id 362858
เหงา อะไรมาคะ พี่ต่อ อิ อิ นั่นแน่ รู้น๊า ว้าเหว่ เหงาใจ ใช่ไหม อิ อิ แวะมาแซว แซ๊ว แซว ค่ะ อิ อิ..
4 พฤศจิกายน 2547 21:50 น. - comment id 363958
คราวนี้ที่แล้วมาแซว คราวนี้เอากลอนมาฝากค่ะ อิ อิ .......ตัวฉันแสนเหว่ว้า ในใจ ด้วยจิตคิดอาลัย พี่นี้ พี่มาอยู่ห่างไกล ไม่พบ กันแฮ เหมือนพี่มาหลบลี้ ไม่ย้อน คืนมา....