๏ พระพายโบกโยกโยนหญ้าโอนอ่อน ลู่กอผ่อนเอนพลิ้วลมลิ่วผัน คลื่นหญ้าคล้อยทยอยถัดลัดหลั่นกัน เสียงครืนครั่นคล้ายคลื่นคืนเคลียทราย แดดสีทองส่องทาบอาบดอกหญ้า ดังทองทาทับไว้ในแดดฉาย ยามไกวล้มร่มทับอับสีพราย วะวับหายแล้วผันสุพรรณโลม ตฤณชาติขาดหายมาตายจาก เหลือเพียงซากเสื่อมไปในเพลิงโหม คนเห็นว่าค่าน้อยด้อยเสื่อมโทรม ไม่เลอโฉมเลยปราบให้ราบเตียน พระพายพัดสะบัดโบกกระโชกกระชาก เซาะเศษซากหญ้าซัดฉวัดเฉวียน ฟ่องฝุ่นคล้ำดำติดสะอิดสะเอียน เคยระเมียรมาล้มถล่มทลาย แดดสีทองส่องมาก็พร่าหม่น เหมือนอาบบนหล่มตมให้จมหาย ที่เคยล้อทอแสงแข่งประกาย ก็มากลายหมองหม่นมืดมนไป โอ้ทุ่งหญ้าคราแล้งก็แห้งเหือด ระอุเดือดด้วยปลิดชีวิตขัย เกิดโดยฝนแล้วหม่นหมองในกองไฟ คงเป็นไปชั่วกาลนานนิรันดร์ ๚
25 พฤศจิกายน 2544 11:43 น. - comment id 20872
กดผิด ... กลายเป็นโพสท์ .... เอ้า..เขียนใหม่ จะเข้าหน้าแล้วแล้ว ภาพหนึ่งที่มักจะเห็นในหน้านี้ คือการเผาทุ่งหญ้า ..(บางส่วนเกิดจากไฟป่า)
25 พฤศจิกายน 2544 12:44 น. - comment id 20886
อิสานเราลำบากอีกแล้วครับ
25 พฤศจิกายน 2544 13:28 น. - comment id 20891
ภาษาสวยงามมาก ชอบจัง บทนี้ (วฤก แก้ไขบทกลอนนี้แล้วใช่เปล่า สังเกตุได้จาก ชื่อผู้แต่งหายไป)
25 พฤศจิกายน 2544 14:11 น. - comment id 20899
ใช่ครับ ...ผมใส่รูปดอกหญ้าเข้าไป เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ ถึงชื่อหาย แต่ ชื่อคนโพสท์ยังอยู่ครับ ดอกคูณ
26 พฤศจิกายน 2544 04:02 น. - comment id 21030
บทกลอนสวยดีครับ... ดูลงตัว เป็นตัวอย่างแก่น้องๆ ดีจังเลยจ้า