สี่คนหาม แบกแคร่ เมื่อแน่นิ่ง ไม่ไหวติง ลาลับ ดับหายสูญ เป็นไปตาม กฏกรรม น่าอาดูร ธาตุสิ้นสูญ สลายร่าง อย่างเคยเป็น สามคนแห่ แน่แท้ คือไตรลักษณ์ เคยรู้จัก เมื่อครองตน เป็นคนเห็น อนิจจัง ทุกข์ขัง ช่างยากเย็น อนัตตา ทำหลีกเร้น ไม่ยอมยิน หนึ่งบนแคร่ ที่แท้ คือดวงจิต จะสดใส หรือมืดมิด ถูกผิดศีล กระทำชั่ว หรือดี เป็นอาจินต์ เมื่อสูญสิ้น คำตอบนั้น พลันแสดง อีกสองคน เดินตาม อย่างย่ามจิต ถูกหรือผิด จิตเจ้า ต้องแถลง ปาบที่ทำ ต้องใช้ชด จนหมดแรง บุญที่ก่อ จะแสดง ด้วยแรงบุญ
2 กันยายน 2547 16:21 น. - comment id 322048
ไม่รู้เรื่องเลย
2 กันยายน 2547 16:41 น. - comment id 322060
ชื่นชมในข้อเขียน และ แง่คิด เขียนสื่อออกมาได้ดีครับผม
2 กันยายน 2547 18:56 น. - comment id 322162
ช่างคิดช่างเขียนจังเลย
2 กันยายน 2547 22:52 น. - comment id 322380
สุดท้ายทุกคนต้องพบพาน คือสังขารไม่เที่ยงเยี่ยงฉะนี้ เกิดแก่เจ็บตาย เวียนวนมี ทุกชีวีมีวัฏจักรของวงจร
3 กันยายน 2547 00:13 น. - comment id 322455
กลอนแต่งได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ชื่นชมในผลงานคุณเสมอนะค่ะ
3 กันยายน 2547 06:43 น. - comment id 322579
มาอ่านเป็นกำลังใจให้ครับ เขียนได้น่าอ่านจังเลย
3 กันยายน 2547 12:09 น. - comment id 322859
แฝงแนวปรั๙ญาได้ออกมาอย่างน่าคิด คนที่มีชิวิตก็จะเดินไปตามพรหมลิขิตที่ กำหนดมา ตามดวงชะตาของแต่ละคน ๚ะ๛ size>
3 กันยายน 2547 15:47 น. - comment id 323064
นำมาปาฐกได้ดีเป็นที่ยิ่ง สี่คนหาม สามคนแคร่ หนึ่งคนบนแคร่ สองคนเดินตาม..คือบาป และ บุญ
5 กันยายน 2547 17:00 น. - comment id 324701
นำมาเขียนเปรียบเทียบได้ดีค่ะ...แวะมาทักทายกันค่ะ..