เพลงยาว กาพย์ กรุงเทพฯ แห่งกรุงสยาม

เอกมาศ

               กาพย์...พระมหานครแห่งกรุงสยาม
	
                       แลมืดช้าเป็นพัลวัน       แลค่ำลงหลังสนธยา
    มวลหมู่นกหนูสกุณา                          มิเข้ารังแลลาอยู่คราคืน
    พระจันทร์เจ้าพลี้พลี้	                 หลบหลี้หลังตะวันตื่น
    เมฆานั้นก็ลาแลลืม	                 คล้ายคนสะอื้นคลายคลื่นซัดทราย
    แลปรากฎเป็นอัศจรรย์	                 ค่ำครานั้นจันทร์มิส่องแสงฉาย
    ใกล้ทุ่มยามแสงแผ้วมิจืดจาย            กลับแสงส่องอำพรายอยู่ลับตา
    ฟ้าไกลอยู่แสงแดงแดง	                 หมู่แมลงมิแซมพฤกษา
    ทานตะวันนั้นก็หลบสุริยา	                 โอ้ว่านี้หนาช่างอัศจรรย์	
....
                    อมรสถานกรุงเทพฯ	   วิมานเขตนิเวศสวรรค์
    สองศตวรรษอมรกรุงตั้ง	                     กรุงรัตนโกสินทร์พิมานเมือง
    บรมสถานบุราณราช	                       โยธาชาติ พลไพร่ให้ปลดเปลื้อง
    ตั้งสถานกรอบกรุงจนรุ่งเรือง	       ชาติชนสยามชนพึ่งใบบุญ
....
              ครั้นแล้วสองร้อยปีล่วง	       ทุกข์ทั้งปวงเคยมีมิเกื้อหนุน
    ชะตากรุงครั้งใหม่ไม่การุณ	        สยามชนคงชีพดังหลบหลีบ
    แลปรากฎเป็นพิบัติยุค	                       สิ้นสุดดับดวงประทีป
    คร่าตัวตายให้กลบกลีบ	                     เกสรชบาช่วงสนธยาเย็น
    แลปรากฎเช่นนี้นา	                        กรุงศรีอยุธยายุคยากเข็ญ
    คล้ายจะรอให้วายเวร	                      คล้ายดังองค์ดำเนินชาย
    มัวฟ้ามืดมัวชั่วทิวา	                       ราตรีกาลรุ่งกว่าเพลาไหน
    มนุษย์นี้อยู่คืนหรือกระไร	                   ดังค้างคาวอยู่ถ้ำต่ำสกุล
    แลปรากฎเช่นหมอกควัน	                  จางจากจันทร์ดั่งสถุน
    ทิพากรแสงแรงรุน	                       คล้ายองค์ทรงเกรี้ยวกราด
    มาสเดือนที่สามแลสี่	                      ร้อนฉะนี้เป็นวิปลาส
    ดังสุมเพลิงในเตาตาด	                     รุ่มเร้าเผาชีวาว่าเพลิงจุล
    ฆาตกรฆาตกรรม	                        เบือนบังความคราคุ้น
    ไฉนว่าน้ำมีดินสินเป็นทุน	        ประชาราษฎร์กลับคร่าชีวาวาย
    อีกปลอกลอกทองพระประติมา	     ทั่ววัดวาอารามตามเลื่อมใส
    แลปลิดชีพองค์สังฆาลัย	                     ด้วยบุตรองค์พระโคดมเป็นปาจิตตีย์
    องค์เอยก็องค์สม	                         คู่ชมสังคมเป็นศักดิ์ศรี
    แต่งงานดังอยู่กันชั่วชีวี	                     ล่วงมาสเดือนกลับเลือนคำ
    ลูกแม่พรากออกจาก	                      พรากชีวาตจากคืนค่ำ
    เอื้องเหนือแสนระกำ	                      กับเงินตราที่ตราใจ
    ทั่วทิศสยามศก		               ตกต้องเป็นเมืองกิเลศัย
    ไฉนเลยว่าเมืองไทย	                      อยู่ตั้งตนแต่ชนเดียว
    คำคนอ้ายพวกวิจิตรฯ	                     คราคิดเพียงประเดี๋ยว
    ล้อมกรอบสยามเลยเทียว	                  เพื่อตนแลพ้องปกครองไทย
    ตายตกชีพมิเคยได้ดี	                     ไล่หนีจากแผ่นดินนี้ไซร้
    สยามประเทศไทย	                       มิได้เป็นของไทยแต่ชนเดียว...
........................
        สงวนสิทธิ์....
           เป็นเพียงความจากความคิดคนเดียวไม่เกี่ยวข้องกับใคร จะพาดพิงใครก็ขออถัยมา ณ ที่นี้   และจะวิเคาระห์วิจารณ์อะไรก็ไม่ว่าครับ....
เพราะจะไม่เปลี่ยนแนวทางมันไม่ใช่..ความคิดที่ถูกและผิด มันเป็นเพียงความรู้สึกผ่านอักษร...และสิ่งที่มครวิจารณ์ก็ไม่ผิดครับ  เป็นเพียงสิ่ง สะท้อนเท่านั้น
กวีเป็นกวี  แต่ก็เป็นสื่อแห่งมวลชนเช่นกันไม่ใช่แต่ไพเราะสถานเดียว....ขอบคุณครับ 				
comments powered by Disqus
  • เอกมาศ

    8 กรกฎาคม 2547 13:50 น. - comment id 294943

    ขอโทษครับ.....ที่จัดเรียงไม่สวยสะอาดตานะครับ...ได้แค่นี้ครับ....ไม่มีเวลาไว้มีเวลาจะปรับปรุงครับ.....
    ........อยากเห็น ข้อบทวิจารณ์  ครับ  ขอบคุณ
  • ลอยไปในสายลม ไม่ลอกอินค่ะ

    8 กรกฎาคม 2547 13:58 น. - comment id 294951

    เนื้อหาใช้ได้ค่ะ คิดว่าไม่มีพาดพิงนะคะ เพราะที่บอกมาก็จริงทุกประการ
  • Robert TingNongNoi

    8 กรกฎาคม 2547 13:59 น. - comment id 294952

         
    ตรงใจครับ
     ชอบมาก
    size>
    
  • ลี่...ชวนมาเยือน

    8 กรกฎาคม 2547 14:00 น. - comment id 294954

    เยี่ยมจริงๆ ค่ะ  ^_^
    ...............................
    ลี่...ผู้มาเยือน
  • ผู้หญิงไร้เงา

    8 กรกฎาคม 2547 19:33 น. - comment id 295108

    ยอดเยี่ยมจริง  ๆ เลยค่ะ ชื่นชมในผลงานนะค่ะ
  • atm

    8 กรกฎาคม 2547 21:19 น. - comment id 295235

    เพราะมากค่ะ แต่งได้ดีมากๆเลยค่ะพี่เอกมาศเจ๋งจิง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน