งามประเทืองสู่เบื้องปลายคำโคลง แลกลอนแจงนิราศสุนทรภู่ ๏ วางกลอนวอนว่าไว้............วันวาร ลุยี่สิบหกจาร..........................ฝากไว้ ระลึกวันเลือนกาล....................คำเอ่ย...เอื้อนเฮย ฝากพี่ฝากผองไซร้...................ซื่อซ้ำคำครู ๚ ๏ *นิราศแรกแจกเรื่อง *นิราศเมืองแกลง* พ.ศ.แถลง.สองพันสามร้อยห้าสิบหนา(พ.ศ.2350) นิราศพระบาท แต่งในคราสเดียวกันมา(พ.ศ.2350) เจ็ดหนึ่ง(พ.ศ.2371)ว่า..สุวรรณมาศ..นิราศภูเขาทอง ๚ ๏ นิราศเจ้าฟ้า_เณรพัด..นี้..ปีเจ็ดห้า (พ.ศ.2375) นิราศอิเหนาปีเดียวครา พาแซ่ซ้อง (พ.ศ.2375) นิราศสุพรรณบุรีปีเจ็ดเก้า เข้าโคลงคลอง(พ.ศ.2379) แปดห้าพ้อง..กลอนปราชญ์..นิราศพระประธม (พ.ศ.2385) ๚ ๏ จำนรรจ์ ...**รำพันพิลาป**...อาบความเศร้า (พ.ศ.2385) เคยเนา..นิราศเมืองเพชรบุรี...ที่หลบขม ส่งมือ..นิราศสุดท้าย..ปลาย คารม ชื่นชม..ปีเก้าสอง.. ประคองกลอน (พ.ศ.2392) ๚ ๏ รวมนิราศเก้า(9) เรื่องเฟื่องสมัย ฝากแดนไทยแผ่นดินแม่แลอักษร ส่วนนิราศพระแท่นดงรังเจ็ดหก (พ.ศ.2376)กลอน สามเณรกลั่น ร่วมหมื่นพรหมสมพัตรสร ผู้แต่งกัน ๚ ๏ ท่านครูภู่ เพียงช่วยแจงแต่งแก้ไข บางตอนให้ สวยงามความ สมฝัน จึงเรียนมาตามตำราอย่าว่าครัน ทั้งนี้นั้น ขอขอบคุณ การุณย์ความ ๚ กราบพ่อครูท่านเจ้ากรมอาลักขณ์*ภู่* พระสุนทรโวหาร...เรียกสามัญว่า **สุนทรภุ่** นั้น ชื่อเดิมว่า *ภู่* เกิดวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ เวลา๘:๐๐ น ตรงกับ วันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘. ณ บริเวณ ฝั่งธนบุรี ใกล้กับพระราชวังหลัง ...ในแผ่นดินของ พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ หลังสร้างกรุงเทพฯ (กรุงรัตนโกสินทร์) แล้ว ๔ ปี เป็นกวีไทยที่มีชื่อเสียงและความเป็นเอกในเชิงกลอน .มีบรรดาศักดิ์สุดท้ายเป็นพระสุนทรโวหาร รับตำแหน่งเป็นเจ้ากรมอาลักขณ์ เมื่ออายุ ๖๕ ปี และ ถึงแก่กรรม ปีเถาะ ปี พ.ศ. ๒๓๙๘ สิริ รวมอายุได้ ๗๐ ปี ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๔ ท่านได้รับเกียรติจากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ องค์การยูเนสโก(UNESCO) ได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม โดยยกลำดับขึ้นเป็นหนึ่งในกวีเอกโลก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ รัฐบาลไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการฉลอง ๒๐๐ ปี กวีเอกสุนทรภู่ขึ้น นับว่าท่านเป็นกวีสามัญคนเดียวที่ได้รับการสดุดียกย่องอย่างสูง งานที่มีชื่อเสียง มิเพียงบทละครเช่น พระอภัยมณี ฯลฯ แต่นิราศ ทั้ง ๙ เรื่อง ตามลำดับนี้ คืองานชิ้นงามมีคุณค่า ในการบันทึกภาพประวัติศาตร์ ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรมไว้ใน ลีลาบทกลอน ของท่านอย่างงามที่สุด * ๑...นิราศเมืองแกลง*(พ.ศ.๒๓๕๐) ๒...นิราศพระบาท (พ.ศ.๒๓๕๐) .๓...นิราศภูเขาทอง .(พ.ศ.๒๓๗๑) ๔ ..นิราศเจ้าฟ้า...(พ.ศ.๒๓๗๕) ๕...นิราศอิเหนา..(พ.ศ.๒๓๗๕) ๖....นิราศสุพรรณบุรี..(พ.ศ.๒๓๗๙) ๗...นิราศพระประธม ...(พ.ศ.๒๓๘๕) ๘....**รำพันพิลาป**.....(พ.ศ.๒๓๘๕) .๙...นิราศเมืองเพชรบุรี..(พ.ศ.๒๓๙๒) ทิกิ_tiki เวลาบันทึก ๒๓:๕๐ คืนพระเสาร์ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ท่านที่ต้องการค้นคว้าข้อมูลทั้งหมด ที่ รวบรวมข้อมูลของทั้งหมดได้ที่ http://www.thaipoem.com/web/boarddata.php?id=3292
26 มิถุนายน 2555 17:01 น. - comment id 167946
6 มกราคม 2549 12:55 น. - comment id 175548
มีชีวิตอยู่หายใจได้ไม่นาน ทนดักดานมีชีวิตได้คิดใหม ที่ทนอยู่ทำหาแดกแบกโง่ไป มันยังไงแย่งกันแดกแปลกจังคน
12 มีนาคม 2550 15:16 น. - comment id 199531
อยากรุ่ว่าสนทรภ่
6 กรกฎาคม 2551 21:20 น. - comment id 262962
นิราศเริ่มแต่งในสมัยไหนค่ะ
4 สิงหาคม 2551 13:10 น. - comment id 263570
27 มิถุนายน 2547 01:12 น. - comment id 290393
^__^... แวะมาเยี่ยม..ไม่ได้เข้ามาซะนานเลย...
27 มิถุนายน 2547 01:34 น. - comment id 290403
๑...นิราศเมืองแกลง*(พ.ศ.๒๓๕๐) เมืองแกลง คือ เมืองระยอง ในปัจจุบันนี้ นาย ธนิต อยู่โพธิ์ ทำเชิงอรรถไว้ใน ประวัติ สุนทรภู่ ว่า...สุนทรภู่ ไม่เคยเห็นหน้าบิดา มาเลย ทราบว่า บวชอยู่ที่ วัดป่ากร่ำ จึงตั้งใจเดินทางไปโดยเรือประทุน ...โดยต้องมี คนแจวเรือ และ คนนำทาง รวมไป สี่คน เมื่อ เดือน ๓ (กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๔๙) เวลาประมาณ เที่ยงคืน ส่วน สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์สันนิษฐานไว้ในประวัติ สุนทรภู่ ว่าไปเมื่อ เดือน ๗ คือ มิถุนายน ปี พ.ศ.๒๓๕๐ แล้วกลับมากรุงเทพฯ ในเดือน ๙ คือเดือน สิงหาคม ในปีเดียวกัน การเดินทางคือ นั่งเรือไปบางปลาสร้อยชลบุรี แล้วฝากเรือไว้ จากนั้นก็เดินเท้า ไปเมืองระยอง ผ่านความลำบาก ทุกกันดาร ผ่านหนองมน บางพระ ศรีราชา บางละมุง นาเกลือ จอมเทียน ห้วยพะยูน ห้วยโปง ห้วยพร้าว สุนักกระบาก ดงทึบ ทับ ปากช่อง และ ถึงระยองเป็นเวลา ๔ วัน ๓ คืน ปัจจุบัน ใช้รถยนต์โดยสารประมาณ สามชั่วโมงช่วงนั้น เท้าบวมอักเสบ ต้องนอนพันสามวันสามคืน จึงต่อไปยังเมืองแกลง ใช้ปากถามทางไปตลอด จาก นาตาขวํย บ้านแลง บ้านพง ทุ่งกระทอลอ หาดบ้านเพ เลียบหาดสวนสน ถึงบ้านแกลง แหลมทองหลาง(ปัจจุบันคือสวนแก้ว) ตัดเข้าป่าลัดไปบ้านกร่ำ สิบสามวันเต็ม จึงถึงพบบิดาตน จากนั้นก็ท่องเทียวในบริเวณนั้นหลายแห่ง ถือเป็น วัตถุดิบในการเขียนนิทานในระยะต่อมา เจ็ดเดือนที่ อยู่เมืองแกลง ในระยะอายุ ๒๑ ปี นั้น ก็ได้เขียนนิราศเรื่องแรก คือ นิราศเมืองแกลงนี้ ใน ปี พ.ศ. ๒๓๕๐ นิราศเมืองแกลง... โอ้สังเวชวาสนานิจจาเอ๋ย จะมีคู่มิได้อยู่ประคองเชย ต้องละเลยดวงใจไว้ไกลตา.... ฯลฯ
27 มิถุนายน 2547 09:58 น. - comment id 290449
อ่านรายละเอียดในคอลัมน์ อ่านแผ่นดิน ท้องถิ่นเรา เขียนโดย สุจิตต์ วงษ์เทศ ในมติชนสุดสัปดาห์ 11-17 มิ.ย. หน้า 78 บ้านสุนทรภู่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดอยู่บ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง อย่างที่ตำราเรียนเขียนบอกไว้ใช้สอนในโรงเรียนทั่วประเทศแล้ว คนทั่วไปก็เชื่อถืออย่างผิด ๆ มาช้านาน...
27 มิถุนายน 2547 12:57 น. - comment id 290509
คารวะครูกลอนด้วยครับ............ นำเสนอดีหลือเกิน ทั้งผู้เขียนและผู้ตอบ... ขอบคุณที่ให้สารัตถกวีศรีแผ่นดิน....
27 มิถุนายน 2547 13:08 น. - comment id 290520
คารวะครูกลอนด้วยครับ............ นำเสนอดีหลือเกิน ทั้งผู้เขียนและผู้ตอบ... ขอบคุณที่ให้สารัตถกวีศรีแผ่นดิน.... จาก : suprapai รหัส - วัน เวลา : 294949 - 27 มิ.ย. 47 - 12:57 อ่อ ตอบที่เห็นนั้น ของข้าพเจ้าเองค่ะ แต่เข้าตอบ ตอนหลุด logged_in ไปแล้วน่ะคะ จะพยายามสรุปที่มาเช่นนี้แต่เมื่อคืน เขียนแล้วก็ไป เขียนอีกบทอย่างใจอยากเขียนน่ะค่ะ ขอบคุณ ให้ นิยาม ชอบคำ สารัตถกวีศรีแผ่นดิน ค่ะ
27 มิถุนายน 2547 13:09 น. - comment id 290521
^__^... แวะมาเยี่ยม..ไม่ได้เข้ามาซะนานเลย... จาก : ..ยาสีฟัน.. รหัส - วัน เวลา : 294821 - 27 มิ.ย. 47 - 01:12 ยาสีฟัน ดีใจที่เมื่อคืนเข้าไปอ่านบทวาด้วย ชีวิตมีประโยชน์ เป็นอย่างไร ไปแล้ว ดีใจด้วยที่ ช่วยกระตุกใจร้อนวัยรุ่นไว้ได้บ้างค่ะ
27 มิถุนายน 2547 13:12 น. - comment id 290523
อ่านรายละเอียดในคอลัมน์ อ่านแผ่นดิน ท้องถิ่นเรา เขียนโดย สุจิตต์ วงษ์เทศ ในมติชนสุดสัปดาห์ 11-17 มิ.ย. หน้า 78 บ้านสุนทรภู่ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดอยู่บ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง อย่างที่ตำราเรียนเขียนบอกไว้ใช้สอนในโรงเรียนทั่วประเทศแล้ว คนทั่วไปก็เชื่อถืออย่างผิด ๆ มาช้านาน... จาก : รหัสสมาชิก : 7746 - ยโส รหัส - วัน เวลา : 294887 - 27 มิ.ย. 47 - 09:58 ถูกแล้วค่ะ งาน คุณ ชมนาด เสวิกุลที่พิมพ์ ประวัติชีวิตและผลงาน ของ สุนทรภู่ เมือปี 2533 อาจดุเชย แต่ มีสาระข้อมูลถูกต้องส่วนใหญ่ ด้วยระบบ การค้นข้อมูล ด้วยระบบ สาระนิพนธ์ เป็นการช่วยยกระดับการเขียนประวัติ วรรณคดี แบบนั่งเทียน ยกเมฆ ไปได้ เป็นอย่างดี ขอบคุณ ที่พวกเรา จะใช้วิชาการอันร่ำเรียนมาเป็นประโยชน์ ต่อสังคมและประเทศชาติค่ะ
27 มิถุนายน 2547 14:22 น. - comment id 290559
อนึ่งเล่าเข้าที่ศรีไสยาสน์ อย่าประมาทหมั่นคำนับลงกับหมอน เป็นนิรันดร์สรรเสริญเจริญพร คุณบิดร มารดา คุณอาจารย์ ของครูกลอนสุนทรภู่ จากสวัสดิรักษา ใช้ปฏิบัติก่อนนอนทุกวันไม่ว่าจะอยู่ที่ใด
27 มิถุนายน 2547 15:02 น. - comment id 290585
http://music.kapook.com/newmusicstation/play.php?id=3335 ที่จริงก็รัก รักเธอตลอดมา แต่ไม่รู้ทำไม ไม่มีน้ำตาให้เธอเท่าไหร่ ที่เธอบอกลา ก็บ้าแทบขาดใจ แต่ไม่รั้งเธอไว้ เหมือนไม่เป็นไรอย่างนี้ * ก็เจ็บจะตาย แต่ไม่ใช่คนสำออย ไม่อยากให้ใครต้องคอย มาเวทนาห่วงใย ก็เจ็บจะตาย แต่ต้องทำเป็นเข้าใจ ยอมให้เธอนั้นไป ทั้งที่ใจยังรัก รักเธอเหลือเกิน อย่ามาถาม ฉันเป็นอะไรไหม อย่ามาพูดอะไร ฉันกลัวตัวเองห้ามใจไม่อยู่ คนเราตอนแพ้ ไม่ค่อยจะน่าดู ไม่อยากให้เธอรู้ ฉันจึงต้องทนเก็บไว้ (*) ขอให้รู้ว่าเสียเธอไปก็เสียใจอยู่แล้ว ก็เจ็บอย่างนั้น มันจึงต้องพักให้ใจมันเข้มแข็ง -------------------------------------- กำลังอารมณ์นี้ครับพี่ สมองม่ะทามงานเลยอ่ะ นึกคิดอารายม่ะออกครับ ขอแค่อ่านนะครับพี่
27 มิถุนายน 2547 15:58 น. - comment id 290609
อนึ่งเล่าเข้าที่ศรีไสยาสน์ อย่าประมาทหมั่นคำนับลงกับหมอน เป็นนิรันดร์สรรเสริญเจริญพร คุณบิดร มารดา คุณอาจารย์ ของครูกลอนสุนทรภู่ จากสวัสดิรักษา ใช้ปฏิบัติก่อนนอนทุกวันไม่ว่าจะอยู่ที่ใด จาก : รหัสสมาชิก : 4068 - ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ รหัส - วัน เวลา : 295000 - 27 มิ.ย. 47 - 14:22 ขอบคุณมากค่ะ คุณฤกษ์ขา คืองานของท่านสุนทรภุ่ใน เพลงยาวสุภาษิต นั้น มี 3 เรื่อง คื อ สวัสดิรักษา 1 เล่มสมุดไทย แต่งในรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2367 เพลงยาวถวายโอวาท 1 เล่มสมุดไทย แต่งในรัชกาลที่ 3 ปีพ.ศ.2373 และ สุภาษิต สอนหญิง 1 เล่มสมุดไทย แต่งในรัชกาลี่ 3 ประมาณ พ.ศ. 2380 หรือ พ.ศ. 2383 คัดลอกจากที่เดียวกัน แหะ แหะ เป็นโรคติต่อคุณฤกษ์เลย ว่าอานแล้วง่วงน่ะอิอิ จะหลับเพราะให้กราบหมอนเนี่ย
27 มิถุนายน 2547 16:06 น. - comment id 290612
ขอให้รู้ว่าเสียเธอไปก็เสียใจอยู่แล้ว ก็เจ็บอย่างนั้น มันจึงต้องพักให้ใจมันเข้มแข็ง -------------------------------------- กำลังอารมณ์นี้ครับพี่ สมองม่ะทามงานเลยอ่ะ นึกคิดอารายม่ะออกครับ ขอแค่อ่านนะครับพี่ จาก : รหัสสมาชิก : 7555 - เมกกะ รหัส - วัน เวลา : 295026 - 27 มิ.ย. 47 - 15:02 คนเราบางครั้งก็กินยาขม กินน้ำใบบัวบก กินยาหม้อต้มสักยี่สิบหม้อให้ปรับธาตุในร่างกาย ให้ทรหด อดทน ถามดูเถิด มันต้องฝึกเสียของรักไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำใจได้ว่า ไอ้ความรัก เนี้ย มันเป็นอารมณ์ในตัวเรา ไปยึด ภาพ เสียง สัมผัสที่เห็น ปรุงแต่งว่าเลิศวิไลงาม นุ่ม ละไม เสนาะ น่ายึดมั่นไว้เป็ฯของเรา ไปดีกว่า
27 มิถุนายน 2547 21:38 น. - comment id 290722
อ่านแล้วเพราะค่ะ แถมได้ความรู้อีกด้วยอ่ะนะ...อิอิ
27 มิถุนายน 2547 22:52 น. - comment id 290754
ทั้งหมดทั้งปวง เป็นความจริงที่เราอาจจะหลงลืมไป ขอบคุณทิกิครับที่นำมาให้ฟื้นความจำกันอีกครั้ง
27 มิถุนายน 2547 23:13 น. - comment id 290772
อ่านแล้วเพราะค่ะ แถมได้ความรู้อีกด้วยอ่ะนะ...อิอิ จาก : รหัสสมาชิก : 6812 - atm รหัส - วัน เวลา : 295179 - 27 มิ.ย. 47 - 21:38 ดีค่ะ การให้ความรู้ต่อกันเป็นสารัตถะประโยชน์ เป็นกุศลในการพูดคุยพบปะติดต่อกัน ด้วยผู้มีความรู้ หรือ มีข้อมูลที่ดีก็ให้ ผู้ที่มีข้อมูลน้อย ล้วนแต่เป็นประโยชน์ เป็นสาระ ให้แก่ชีวิตค่ะ ขอบคุณคุณแอมค่ะ ทิกิ
28 มิถุนายน 2547 02:08 น. - comment id 290832
ทั้งหมดทั้งปวง เป็นความจริงที่เราอาจจะหลงลืมไป ขอบคุณทิกิครับที่นำมาให้ฟื้นความจำกันอีกครั้ง จาก : รหัสสมาชิก : 4309 - ลำน้ำน่าน รหัส - วัน เวลา : 295213 - 27 มิ.ย. 47 - 22:52 ลำน้ำน่านเพื่อนรัก...เกลอกวี ของคุณทิกิ_tiki เราต่างเรียนรู้ ดูเห็น แต่เป็นไม่ค่อยจำ ก็ธรรมดา เมื่อเรามีเวลา การมา ท่องปากเปล่าให้แก่กัน ก็เป็นสามัญวิสัยของกวี เช่นคุณ ฤกษ์ ชัยพฤกษ์ เธอมาท่องให้ฟัง ...แม้ว่าตัวตนจะออกไปนอกเขตประเทศแล้ว แต่บทกวีท่านสุนทรภู่ ก็จะตามไปทุกหนทุกแห่ง อย่างสุภาษิต สอนหญิง มากมายหลายบทที่สะกดให้ทิกิ อดทน เข้มแข็งมาตลอดชีวิต ...จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู ไม่ควรขึ้นก็อย่าขึ้นถึง มึง-กู คนจะหลู่ ล่วงลาม ให้ ขามใจ ๚ หรือ เกิดเป็นหญิง ก็ให้เห็นว่าเป็นหญิง อย่าทอดทิ้ง กิริยา อัชฌาศัย เป็นหญิงครึ่ง ชายครึ่ง ไม่พึงใจ คนเขาไม่ สรรเสริญ..เจริญนิยม ๚ หรือ อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี เหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ ๚ หรือ จะนุ่งห่มให้พอสมศักดิ์สงวน ให้สมควรรับพักตร์สมศักดิ์ศรี จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย์ ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกินฯ หรือ...... ............. แต่ผ้าขาดยังไม่ปราถนาเย็บ ไม่คิดเก็บวางผลัดไว้บนเรือน ฯ เหล่านี้ ก็ล้วนแต่เก็บรับประทับใจไว้เป็นหลักการดำรงชีวิต ดำเนินชีวิตที่ดีทั้งสิ้นนะคะ ขอบคุณลำน้ำน่านที่มาเยี่ยมภาคดึกค่ะ ทิกิ_tiki
28 มิถุนายน 2547 02:14 น. - comment id 290834
ทิกิ ขออนุญาติ สรุปบท นิราศไว้เพียงเรื่องเดียว เท่านั้น ด้วย มีเรื่องอื่นต้องดูแล อีกหลายอย่างในขณะนี้นะคะ ขอฝากพี่น้องไว้เท่านั้ก่อน ขอบคุณคะ
28 มิถุนายน 2547 19:49 น. - comment id 291072
นิราศเรื่องเล่าไว้ เป็นโคลง ไปสุพรรณโดยตรง แต่งแต้ม ด้วยมีเจตจำนง เล่นแร่ เป็นเรื่องเหลวไหลแย้ม เชื่อแล้วไม่มี
28 มิถุนายน 2547 23:34 น. - comment id 291144
เล่าเพิ่มอีกสักหน่อยสิคะ คุณชัยชนะ น่าสนใจจริง โคลงของคุณ เยี่ยมมาก
29 มิถุนายน 2547 20:07 น. - comment id 291483
ขอบันทึกไว้ตรงนี้สักนิด ว่าด้วย เรื่องนิราศสุดท้ายของ ท่านสุนทรภู่ ว่าน่าจะเป็นเรื่องนิราศลพบุรี ตามหลักฐานสมุดไทย สามเล่ม (จริงๆต้องมีห้าเล่ม) ในหอสมุดแห่งชาติ ด้วยเชิงกลอนนิราศตลอดจนการย้อนความหลังนั้น น่าจะเป็นท่านสุนภรภู่เอง ในยุคสมัย รัชกาลที่ ๔ ข้อมูลนี้ยังไม่ได้รับการรับรองหรือ ตีพิมพ์ แต่อย่างใด จึงเป็นข้อสันนิษฐานให้ผุ้รักการศึกษาสืบค้นต่อไป ทิกิ_tiki
27 พฤศจิกายน 2547 16:43 น. - comment id 379253
:-] ..
13 มกราคม 2548 21:20 น. - comment id 405516
โอ คุณลักษมณ์ มาอ่านด้วยหรือคะ
26 มิถุนายน 2549 15:42 น. - comment id 414640
แวะมานำกลอนไปลงที่หน้าอื่น จึงเห็นคน บี มาตอบไว้ ขอบคุณ โลกมนุษย์ก็แย่งยื้อกันเฉกนี้ร่ำไป
3 กรกฎาคม 2549 11:13 น. - comment id 414647
ชอบมากๆข้าพเจ้าขอคารวะท่านสุนทรภู่ กรุณารับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด
3 กรกฎาคม 2549 11:19 น. - comment id 414648
โอ๊ยๆซึ้งจังเลย
15 กันยายน 2549 12:57 น. - comment id 414772
หนูเป็นหลานสุนทรภู่ คนที่ 398 จริงๆ แต่ตอนนี้แม่ย้ายมาอยู่ที่เกาะสมุยแล้วคะ..