ชนบทอันไกลลิบ ดาวระยิบเต็มท้องฟ้า ต้องแสงแห่งจันทรา งามล้ำค่ากว่าสิ่งใด เมืองหลวงนั้นไร้ดาว ด้วยเพราะพราวสีสันไฟ ดาวหม่นอัปค่าไป มีดอกไม้มาทดแทน บทเพลงแห่งดารา สาบสูญมากว่าปีแสน บทเพลงแห่งแว่นแคว้น ใครหวงแหนแลดูมัน
16 เมษายน 2547 14:57 น. - comment id 247875
** ใช่ค่ะ ในเมือง มองดาวแล้วไม่สวย ไม่สมกับเป็นดาวเลย ** ... กลอนน่ารักมากเลยค่ะ ให้แง่คิดด้วย ..
16 เมษายน 2547 17:10 น. - comment id 247938
แหงนมองดาวบนฟ้า หลากคำถามประดั่งมา หมายคิดถาม นั่นใช่มั๊ย ที่เพื่อนร่วมโลกมองเห็นเป็นนิยาม ขอบฟ้าข้าม ..ยังเด่นดาวพราวดวงเดียวกัน
16 เมษายน 2547 18:25 น. - comment id 247991
มาดูดาวด้วยคน กลอนเพราะค่ะ อ่านแล้วดาวสวยขึ้น
16 เมษายน 2547 19:45 น. - comment id 248036
เดี๋ยวนี้..ลืมมองดูดาวไปแล้วค่ะ คงเพราะมีตึกสูง....เสียดฟ้า...ทำให้มองไม่เห็น อยากจะออกไปนอกเมือง...สูดบรรยากาศชนบทบ้าง
17 เมษายน 2547 13:00 น. - comment id 248334
ดวงดาวอยู่ไหนหนา เที่ยวตามหาดาวอยู่ไหน หมอกควันลอยผ่านไกล บดบังไว้หมู่ดวงดาว ไมตรีก็แล้งร้าย มองทางใดล้วนอื้อฉาว เมืองฟ้าราคีคาว ทิ้งเรื่องราวกลับบ้านนา คงจะอยู่ไม่ได้แล้ว ทุกสิ่งไม่ชินตา แม้แต่ดวงดาราไม่เห็นหน อิอิ ....