สุรีย์เผาพสุธาฟ้าแดงฉาน รุ่มร้อนปานเปลวอัคคีที่สุมขอน เปรียบดั่งไฟเสน่หาและอาวรณ์ ที่ร้าวรอนเผาใจเราให้เศร้าตรม สุรีย์จรลับเหลี่ยมฟ้าราตรีกลบ แสงจันทร์ลบร้อนไอดินที่สะสม แต่ทำไมเมื่อเธอจรใจยิ่งตรม ไฟรักถมรมให้ใจยิ่งไหม้ฮือ
11 มีนาคม 2547 10:42 น. - comment id 228921
ฝากน้ำมาให้ 1 ตุ่ม ค่ะ ท่านมังกร เขียนดีจังนะคะ
11 มีนาคม 2547 12:17 น. - comment id 229001
ได้ยินเสียงคร่ำครวญ โหยหวนก้องท้องทุ่งนา นั่นเสียงร่ำไห้ใครกันเล่าหนา พร่ำเพรียกเรียกหาผู้ใด ? โศกร่ำอยู่เดียวดาย ฟูมฟายเหมือนจะขาดใจ น้ำตาพรั่งพรูรินไหล ใจจะขาดรอน แหงนมองท้องฟ้า ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ท่ามกลางเลือดที่เจิ่งนอง ท่วมกองพื้นปฐพี
11 มีนาคม 2547 12:50 น. - comment id 229022
กลอนไพเราะมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ แถมความหมายก็ดี แต่บทนี้แจมไม่ถูกติดไว้ก่อนนะค่ะ อิอิ
11 มีนาคม 2547 13:49 น. - comment id 229063
สุรีย์ลับจับฟ้าเวลานี้ ดวงฤดีเศร้าทนสุดหม่นหมอง ฟากฟ้าไกลไร้คนเคยเคียงครอง น้ำตานองหม่นไหม้ใจระทม.......ฯ กลอนเพราะมากค่ะ..ให้ความรู้สึกที่ดี..แต่เศร้าจัง..!!! แวะมาทักทาย...และให้กำลังใจกันค่ะ..