พอเย็นย่ำค่ำลงฉันคงเหงา ฟ้าจึงเศร้าเฉาไปไร้สดสี อากาศครึ้มซึมเงียบเฉียบสิ้นดี ทั่วท้องที่ทุกหนมัวหม่นไป เสียงจักจั่นพลันก้องรัวร้องลั่น แล้วเครือสั่นรันทดสลดใส่ ฟังยิ่งเศร้าเร้าจังดังร้องไห้ เหตุอันใดใยแมลงครวญแข่งกัน มองดวงจันทร์วันนี้แสนปี้ป่น เหลืองหมองมนปนแดงแล้งสุขสันต์ ดั่งเธอเศร้าเหงาใจได้ทั้งวัน เปรียบตัวฉันนั้นหดหู่แต่ผู้เดียว แม้ต้นไม้ใกล้ตาพาฉงน แปลกพิกลเหมือนคนมองจ้องไม่เหลียว คล้ายมีใครได้สิงสู่อยู่แล้วเชียว ใจห่อเหี่ยวเดียวดายตายทั้งเป็น
20 ธันวาคม 2546 10:13 น. - comment id 192933
ใช่ครับเมื่อพระอาทิตย์ตกดินลงเราก็มองอะไรไม่เห็นอยู่แล้วความมืดทำให้เราเปล่าเปลี่ยวแต่พอถึงวันรุ่งขึ้นพอพระอาทิตย์สาดแสงยามเช้าเราก็จะไม่เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไปและอาจได้พบกับเรื่องดีๆที่เข้ามาในชีวิตอีกด้วยนะครับ
20 ธันวาคม 2546 17:19 น. - comment id 193018
พุดว่าอากาศฤดูหนาวแห้งแล้งในอกใจมากค่ะ ค่ำเร็วหม่นมัวด้วยหมอกเมฆ และหากคนที่หนาวเนื้อไร้เนื้อห่มต้องห่มลมแทนยิ่งเศร้าไปกันใหญ่เลยค่ะ เอาเวลามาเขียนบทกวีนะคะ ก่อกองไฟเล็กๆผิงไฟก็ได้บรรยากาศหากต้องระวังเพราะใกล้บ้าน พุด..หาอะไรมาโรแมนติกได้ทั้งปีแหละค่ะ และไม่ว่าจะมีใครหรือไม่มี หัวใจพุดก็ชอบความดายเดียวเดียวดาย ร้างไร้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน พุด..ชอบหามุมหลบฝัน..เงียบๆในท่ามกลางผู้คน พุดรักและห่วงใยดวงใจพี่นกนะคะ และภาวนาให้หัวใจอบอุ่นขึ้นโดนเร็ววันค่ะ ด้วยรักและจริงใจ..
20 ธันวาคม 2546 17:26 น. - comment id 193022
คืนนี้พุดจะเขียนเรื่องให้พี่นกเป็นพระเอกสักเรื่องนะคะ ส่วนนางเอก..มิใช่พุดค่ะจะหาแบบสาวสวยแบบดารินทร์ ในเรื่องเพชรพระอุมาดีไหมคะ ขออนุญาตินะคะ..
20 ธันวาคม 2546 21:03 น. - comment id 193114
เมื่อค่ำลง ใจผมก็คิดถึงคนไกลเช่นกันครับ
21 ธันวาคม 2546 19:25 น. - comment id 193368
บทนี้ชื่นชอบมากมาย สุดที่จะบรรยายเอ่ยได้ เพราะเหมือนดั่งเช่นหทัย ที่ฉันนั้นเป็นไปในทุกวัน *-*กลอนบทนี้ไพเราะมากเลยค่ะ ชอบมาก โดนใจที่สุดเลยค่ะ*-*