คืนฝนพรำฉ่ำน้ำค้าง ใจอ้างว้างคิดโหยหา เศร้าเหงาทุกวันเวลา สายลมพากายาปลิว ชีวิตติดชะงัก คือกับดักล่อเร้นริ้ว พาใจลอยหวิวหวิว แลละลิ่วแผ่นฟ้าไกล บ้าจิตกามตัณหา กิเลสหนา ฤๅไฉน มองเหม่อมองเงาใคร เป็นอะไรไปแล้วตน ปัญหารุมล้อมกรอบ ชีวิตมอบในวังวน เหตุจิตยอมจำนน ถูกเปิดค้นโดยมือใคร - -
16 พฤศจิกายน 2546 23:56 น. - comment id 182287
? เคยสับสนเมื่อนานมา ค้นหาคำตอบให้ตนเองเสมอ เท่าที่เคยพบเจอะเจอ อาจเผลอว่าเหตุอันใด จนเมื่อถึงวันสิ้นสุด ยังจุดสิ้นความสงสัย คงใกล้ถึงวันปราชัย สิ้นใจจบกรรมนำพา .. นะ คิดแบบนี้ ค่ะ
17 พฤศจิกายน 2546 00:09 น. - comment id 182291
พี่ อัลมิตรา ขอบคุณ นะคะ
17 พฤศจิกายน 2546 01:05 น. - comment id 182307
กลอนพริ้วดีค่ะ
17 พฤศจิกายน 2546 02:50 น. - comment id 182335
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม
17 พฤศจิกายน 2546 12:28 น. - comment id 182389
ก็คล้าย ๆ กันทั้งนั้น เวลาฝนพรำอยู่คนเดียว เปลี่ยว..วังเวง เลือดลมรุอะร้อน...จิตเตลิด โบราณจึงเตือนสติไว้ว่า อยู่คนเดียวให้ระวังความคิด อยู่ท่ามกลางมิตรให้ระวังวาจา การควบคุมความคิด ต้องใช้สมาธิ....ใครจะว่าหลวงพ่ออิสระมุนี อย่างไรไม่สน ธรรมมะของท่านประเสริฐ... ยังใช้ได้...ขอบอก
17 พฤศจิกายน 2546 13:43 น. - comment id 182421
อารมณ์อย่างนี้เป็นกันทุกคน ไม่นานก็หายจ๊ะ
17 พฤศจิกายน 2546 18:08 น. - comment id 182510
วังเวงและสับสน ในทุกคนที่พบเห็น วังเวงทุกเช้าเย็น ทุกคนเป็นเหมือนเช่นกัน ***เป็นธรรมดาของโลกหละค่ะ งานนี้***