ควันฟุ้งคลุ้งขจาย บ่มิวายมิรู้สิ้น บดบังเมฆายิล ระร่างรักระเริงรอน มองฟ้าไม่เห็นฟ้า ด้วยเพราะว่าเงาสลอน ก้อนเมฆถมึงมรณ์ สิขจรจะก้องไกล นภาสิร่อนรัก ใจเคยพักฤไฉน จูบฟ้าฤจูบใด ถวิลในห้วงอารมณ์ คลื่นลมฟะฟอดฟัน ระดรมรันได้เสพสม ฟ้ากว้างร้าวระทม ให้ตรอมตรมอุราราน ณ ห้วงแห่งภวังค์ ใจก็พังมลายผ่าน เจ็บลึกทุกสถาน เมื่อวันวานร้าวในทรวง ใครเลยที่ได้พบ ได้ประสบทะลุล่วง ใจนี้ที่เคยหวง ฤกร่อนกลวงอยู่ภายใน โศกเศร้าให้สลด ทุกข์ระทดประโลมไล้ กายาน่าหลงใหล ชวนความใคร่ได้อิ่มเอม - -
30 สิงหาคม 2546 22:06 น. - comment id 164483
คลื่นเมฆเสกเงารัก ลอยทายทักไปทั่วหล้า มิเหน็ดเหนื่อยกายา คงมุ่งหน้าแต่ลอยชาย ผ่านฟ้ากี่ฟากฟ้า มิเห็นค่าลบเลือนหาย เลิกคิดสนิทกาย ไม่คงอยู่กับผู้ใด แวะเอาเมฆมาแจมค่ะน้องจ๋า
30 สิงหาคม 2546 23:12 น. - comment id 164506
เป็นกลอนที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยจ๊ะ บทแบบนี้ความสามารถพี่ไม่ค่อยถึงเลยขอคอมเม้นท์เป็นคำพูดแทนกลอนแล้วกันนะจ๊ะน้องจ๋า
31 สิงหาคม 2546 16:09 น. - comment id 164566
~ พี่ดอกแก้ว เมฆานภาเกลื่อน ลอยเลื่อนสู่ห้วงแห่งหน กายาร้าวระรน ให้หลุดพ้นจากห้วงโลกีย์
1 กันยายน 2546 11:56 น. - comment id 164631
นภาผ่องสิหมองใจ...เหลียวใดบ่ได้พาน เคยเคียงก็เบี่ยงบาน...ลืมสัญญเคยมี ไปแล้วจึ่งไปลับ...ไม่กลับยังถิ่นที่ ตัดใยสิ้นไมตรี...พอที ณ คำลวง