...ฉันจะก้าวเดินทางไหน ...มองเห็นหนทางแสนไกลอยู่ข้างหน้า ...เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า ..ทุกข์ทรมา ...เส้นชัย ข้างหน้าดูเหมือนไกลแสนไกล ...ยอดธงยังคงสะบัดพริ้ว ...ลมไล้โลมใบไม้ปลิวละลิ่วหล่น ...ผ่านเมืองเฟื่องฟุ้งคลุ้งมหาชน ...ผ่านความสับสนวุ่นวาย ...ยังคงเดินนับ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา .. ...ก้าวมั่นทุกครามิหวาดหวั่น ...แสงแดดแผดผ่าวร้าวชีวัน ...ก็มิพรั่น ยังเผชิญ เดินต่อไป ...ยังคงเดินนับ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา .. ...จากทิวาสู่ราตรีมีโสมฉาย ...ไร้ที่ซุกซอนพำนักกาย ...เดียวดายลำพัง ทั้งคืน ...จวบจนตะวันรุ่งอีกครั้ง ...มีพลังให้ก้าวเดินนับขอน ...มุ่งมั่นกำลังใจทุกบทตอน ...สะท้อน ชีวา ที่ท้าไป ...เสียงหวูดรถไฟดั่งลั่น ...ยิ้มพลันเรารู้ซึ้งถึงที่ใฝ่ ...แม้ไร้เบี้ยที่จะโดยสารไป ...แต่ก็ยัง โบกไม้ โบกมือ ให้ทุกคน ...ยังคงยืดอกพกความมุ่งมั่น ...สร้างฝันหยัดยืนมิได้บ่น ...ก้าวเดินต่อไป ต่อไป ด้วยสองเท้าตน ...เพื่อหวังสืบค้นหนทางธรรม ...กล่องกระดาษผุพังยังคงอยู่ ...หนังสือพิมพ์ยับยู่ ..ผู้คนไต่ถาม ...มีอะไรมากมายในนิยาม ...เหตุใดมิพรั่นคร้ามหวาดระแวง ...เพื่อนเอย ...จงฟัง ...อย่าหยุดยั้ง ซึ่งใจให้กำแหง ...ถึงต้องทุกข์มากท้นล้นแสดง ...ก็ใช่แล้งน้ำใจที่ได้มา ...หนึ่งร่มที่เพื่อนนำมามอบ ...กับกอรปเสบียงที่สรรหา ...น้อมรับเปี่ยมล้นพ้นอุรา ...กับไมตรีที่มีค่าเกินจำนรร ...ถึงแม้นจะเดินทางเพียงโดดเดี่ยว ...เลาะลัดเลี้ยวตามไพรสณท์ไร้คนผ่าน ...หรือผู้ร้ายโจรภัยจิตคล้ายมาร ...มิสะท้านขลาดกลัวหัวใจตรม
26 มิถุนายน 2546 18:54 น. - comment id 149777
แต่ละคนมีพรม เป็นที่ยืนของตน สำหรับสวดภาวนา โน่นแน่ะ โอผู้แสวงหาความปรีเปรม จงยืนนิ่งสงบบนพรมผืนนั้น สายตาน้อมลดลงต่ำ จดจ้องลงปลายพรม ปากร้องสรรเสริญ ปฐมบทเบิกโรงนำ ทิ้งโลกทั้งโลกไว้เบื้องหลัง จงหลุดออกไปจากโลกและทุกสรรพสิ่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่คือเป้าหมาย แล้วน้อมก้มคารวะ แล้วถ่อมน้อมตน เอาหน้าจรดผืนพรม นานเพียงใดที่เธอต้องยืน นานเพียงใดที่เธอต้องก้มลงต่ำ ยืนบนพรมสงบ ก้มลงสมาธิสงัด แต่อย่าก้มน้อมเหมือนเธอไม่มีวันลุกขึ้น เหมือนไม่มีสถานีให้ไปถึง จิตต้องสงบปีติเปรมปรีดิ์ พรมของเธอก็เหมือนที่นั่งชั้นสามของรถไฟ ในที่สุดเธอก็ต้องลงที่สถานีปลายทางของเธอ และพรมนั้นก็จะถูกปัดฝุ่นให้คนอื่นต่อไป เธอยืนเธอก้มน้อมสงบ บนพรม เธอนิ่งดั่งขุนเขาโบราณ ขุนเขาสงบอยูเช่นนั้น มันอยู่บนโลกที่กำลังหมุน ไม่ถูกหน่วงด้วยความกลัวใดใด เมื่อเธอกลัวเกรงพระองค์แล้ว ใดใดในหล้าใยเธอถึงต้องหวั่น รถไฟขบวนนี้จักขับเคลื่อน ด้วยโชนเชื้อไฟของเธอเอง มันจึงรุดหน้าไป เช้าแล้ว เธอยังอยู่ที่เดิม บนพรม ทว่าเธอยิ้ม ฉันไม่อยู่ตรงนี้ไปตลอดกาล เธอบอกตัวเอง เมื่อรถไฟไปถึงสถานี ฉันจะอยู่ที่อื่น ฉันต้องอยู่ในโลก ยามเข้าเฝ้าพระองค์ ฉันต้องละโลกทั้งใบ เพียงเพื่อเข้าสู่ กระแสธารธรรม
26 มิถุนายน 2546 18:56 น. - comment id 149779
... รถไฟ ตั๋วชั้นสาม คนทั่วๆไปสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ลำบากนัก ... ทุกหมู่เหล่า ทุกชนชั้น ล้วนมีปลายทางเดียวกัน ... ผู้ที่ขึ้นรถไฟได้ ต้องมีตั๋วโดยสาร ... ตั๋วบางคนได้มา เพราะดิ้นรนหา บางคนมีตั้งแต่เกิด พ่อแม่จัดสรรให้ ... บางคนมีตั๋วกำไว้แน่น ... บางคนปล่อยให้ตั๋วหลุดปลิวหายไป ... ชั้นหนึ่ง ชั้นสอง ชั้นสาม หรือตู้นอน ... มันก็ถึงปลายทางเวลาเดียวกัน ... แต่ความผาสุกในขบวนรถต่างกัน ... ผู้ที่เดินตามขอนรถไฟไปเรื่อยๆ ... ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลงทาง ... การเดินนับขอนไม้ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา..ซึ่งเดินบนไปเรื่อยๆนั้น ... ก็ย่อมไม่หลงทาง หากแต่จะเดินต่อไป ไม่หยุดยั้ง ... ตราบใดที่รถไฟซึ่งแล่นตามรางรถไฟ ไปได้ถูกทาง ... ไม่มีพรม..มีแต่กระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ ... กล่องกระดาษผุๆหนึ่งใบ ใส่สัมภาระที่สำคัญยิ่ง ... ในอุ้งมือ.. ไม่มีแม้แต่เศษเหรียญที่จะพอสำหรับค่าตั๋วรถไฟชั้นสาม ... มองไปหนทางข้างหน้า เส้นทางที่ทอดยาวไกล ... จะก้าวเดินไปอย่างไร ในเมื่อทุนรอนแต่เดิมไม่มีเลย ... ชะงักงันทุกครั้ง เมื่อมีสิ่งมากระทบโสตประสาทให้หวาดหวั่น ... แต่เมื่อคิดจะก้าวเดินแล้ว ย่อมไม่คิดถึงการถอยหลัง ... หยุดบ้าง เพื่อตั้งหลักและพิจารณา นั่นคือสิ่งที่ทำอยู่ ... เพียงลำพัง สองเท้า ..นับ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ..ขอนไม้ที่วางเรียงราย ... ข้ามสะพานสูง มุดลงถ้ำมืด เลาะเลียบภูผา ป่ารกชัฏ... ... เหน็บเนื้อหนาวสั่นท่ามกลางราตรีที่โดดเดี่ยว ... หวาดหวั่นทุกครั้งเมื่อสรรพเสียงของสัตว์ร้ายรุกเข้าใกล้ ... ยังคงเดินต่อไป กล่องกระดาษผุๆ กระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ ... เท้าเปล่า แต่ใจแกร่ง .. ศานติ..ปุถุชน
26 มิถุนายน 2546 18:58 น. - comment id 149781
ว้าว วันนี้เขาประกวดกลอนหรอคะ เนี่ยฉงฉัยระดับมืออาชีพแน่ๆๆๆๆเลย เก่งๆๆๆกานทั้งนั้น อิจฉานะคะ อิจฉา มาชมค่ะ
26 มิถุนายน 2546 18:59 น. - comment id 149782
การเดินทาง เมื่อไหร่ที่เริ่ม ... ป.ล. นับถือจังเก่งมาก
26 มิถุนายน 2546 19:11 น. - comment id 149798
ริมโขดโตรกผาสูงชัน น้ำตกไหลเชี่ยวกราก แมกไม้ร่มรื่นขจีเขียว ฉันคือนักเดินทาง รอมแรมไกลร่วม บนรถไฟขบวนนี้ โน่นแน่ะ โอกัปตัน หยุดรถมีคนเดินนับขอนไม้ รับเขาแล้วแล่นแล่นต่อไป โอคนเดินนับขอนไม้ หน้าต่างสองข้างฟาก เห็นไหมความสวยงาม ขุนเขาและแมกไม้ ลำธารและน้ำตก ทุกอย่างต้องจากไป ทิ้งไว้อยู่เบื้องหลัง ดุจเดียวกับชีวิต บนโลกอันแสนสั้น เมื่อเธอจากโลกไป ไม่ต่างกับวิวข้างทาง ที่เธอแล่นผ่านไป
26 มิถุนายน 2546 21:35 น. - comment id 149845
ขอบคุณค่ะ คุณฟ้าสวย ขอบคุณจ๊ะ ไอซ์ .. ปุถุชน ..(อีกสักรอบ).. ...ผู้คนมองผ่านหน้าต่างมาด้วยความสงสัย ...เดินช้า ช้า ค่อย ค่อย ก้าว อย่างมั่นใจ ...เดียวดายตามลำพัง ...โอ้ ! .. อัศจรรย์ใดในหล้าโลก ...หรือโศกโถมทับดับหฤหรรษ ...มากทุกข์ หลากเศร้า โรมเร้าชีวัน ...ก็เพื่อหนึ่งวิญญาณนั้น พร้อมทดสอบใจ ...แลมองท้องฟ้าแดงฉาน ...อัสดงตระการทาบทุ่งงามสรรพสาย ...รัตติกาลสยายปีกย่างกราย ...แต่ยังคล้ายมีเพื่อนร่วมทาง ...ปรายตามองเห็นเช่นจำแลง ...ภาพแสดงปรากฏรูปร่าง ...การค้นหามีวิธี-และวิถีทาง ...บ้างเยื้องย่างคาราวานบนผืนภพ ...ตัวเรายังคงต่ำต้อย ...ทุนน้อย เบี้ยน้อย ที่ประสบ ...คงก้าวเดินตามขอนคาคบ ...นับหนึ่งจบ แล้วเรียงใหม่ ซ้าย ขวา ...ดูเถิด..ภราดรทั้งมวล ...ที่ล้วนมีตั่วเดินทางถ้วนหน้า ...หากพานพบเห็นอัลมิตรา ...หวังว่าจะได้รับถึง ซึ่งไมตรี ...แม้เท้าจะระบมแตกเจ็บ ...กายหนาวเหน็บฝ่าพงหนามตามที่ ...รินเลือดหยาดหยดรดอินทรีย์ ...สองตายังปรี่มุ่งเส้นชัย ...ยังคงสมบัติดังเดิม ...มิเพิ่มเติม ทรัพย์ ศฤงคาร จากใครไหน ...หนึ่งลังกระดาษผุๆหนึ่งใบ ...อีกหนังสือพิมพ์เก่าๆไซร้ปูนอน ...เดียวดายครั้นกำเนิดบนโลกกว้าง ...อ้างว้างข้ามทุกถิ่นทุกสิงขร ...ทะเลทราย ทะเลน้ำ ตามบทจร ...แต่มิอ่อนใจล้า ...ยังกล้าเดิน ฯ
27 มิถุนายน 2546 01:31 น. - comment id 149874
การเดินทางที่ยาวไกล เดินไปไม่รู้ไม่เห็นไม่คำนึงถึงจุดหมาย ต่างคนต่างเดินโดดเดี่ยวเดียวดาย ตามสายทางชีวิตของตน ขันแข่งแย่งยื้อซื้อขาย อับอายเอิบอิ่มยิ้มย่องร้องไห้ไปกลับสับสน สรรพอารมณ์สังขารคลุกเคล้าคละปะปน วิสัยคน ระคนระคายไม่วายวาง เมื่อกล้าเดินตามหาความหมาย กล้าเผชิญดีร้ายกีดขวาง มุ่งมั่นฟันฝ่าผองภัยในหนทาง ใจสว่างท่ามกลางความมืดมน
27 มิถุนายน 2546 08:45 น. - comment id 149884
หนทางอาจยาวไกลแต่ไม่ไร้จุดหมาย อันตรายซากปรักอาจหักและขัดขวาง แต่ทุกสิ่งจะเข้าที่และเข้าทาง ถ้ายิ้มกว้างและพร้อมจะฝ่าฟัน หนึ่งน้ำใจไมตรีคงยังพอมีเหลือ มาจุนเจือคนแสนล้าแสนพร่าความฝัน เพื่อที่เขาจะได้ลุกขึ้นสู้และไม่ล้มกลางคัน เพื่อที่เขาจะได้มีวันถึงที่ฝันคือเส้นชัย
27 มิถุนายน 2546 09:24 น. - comment id 149892
ขอบคุณค่ะ คุณดาวศรัทธา คุณรยอร ...นับวนเวียน ...ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ...สองตรรกะ ที่เริ่มมีมาติดจากกาย ...หน้ามือ หลังมือ แบ่งเขตไว้ ...ให้ชวนคิดติดตามถึงเหตุผล ...มีด้านหน้า ด้านหลัง เสมอ ...สว่าง คละเคล้า ความมืดหม่น ...ครุ่นคิด วิเคราะห์ ถึงตัวตน ...จึงดั้นด้น ค้นหาทางเดิน ...หนทางข้างหน้าที่ยาวไกล ...จะมีจุดหมาย คือเส้นชัยข้างหน้า ...นานไหม เร็วไหม ใครกำหนดได้ในเวลา ...ก็ยังไม่รู้ว่า จะฟันฝ่าไปได้ไหม ...เป็นเพียงมนุษย์ ที่กล้าแกร่งด้วยแรงใจ ...แต่ไม่อาจ หยุดสังขารได้สักครา ...แต่ละวันที่เวียนผ่าน ...พบพาน สิ่งเลวร้าย ดีสุข คลุกทั่วหน้า ...เดินต่อไป เดินต่อไป เดินต่อไป ด้วยใจศรัทธา ...นับ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ด้วยตัวเอง
27 มิถุนายน 2546 09:35 น. - comment id 149894
เขียนอารายดี....แงๆๆๆ ไม่ชอบรถไฟชั้นสามง่ะ รถไฟชั้นสามหยามชีวิต ไม่มีสิทะเลือกที่นั่งหลังแข็ง อดหลับอดนอนร้อนกายคอแห้ง ตะโกนแข่งเสียงลมดังอื้ออึง เดินทางระหว่างแดนไกลบ้าน แรมผ่านบ้านเมืองเพื่อไปถึง จุดหมายปลายทางเคยคำนึง ไฟฝันดื้อดึงจะต้องไป จบมันกุดๆอย่างนี้เอง ไปล่ะ จะต้องไปต่อเรือ ยังไม่ถึงสักกะที
27 มิถุนายน 2546 13:11 น. - comment id 149924
ขอบคุณ มีคนกดปุ่มสต๊าด รถไฟเลยแล่นไม่หยุด คนอ่านได้ผลกำไร อิอิ
27 มิถุนายน 2546 15:26 น. - comment id 149946
:) ชาวหาด ไปเดินนับขอนกันดีกว่า คุณฤกษ์ อ่านให้เต็มอิ่มเลยค่ะ .. ...เธอจะพบดินแดนใหม่... ...งามสดใสกระจ่างสายตา... ...เธอจะรู้จะเห็นได้ด้วยตา... ...ว่าโลกใหม่มันงามอย่างไร... ...เธอจะได้ชมทุกอย่าง... ...ชวนประทับใจไม่รู้คลาย... ...ลอยล่องสู่ผืนธารกว้างไกล... ...ไปด้วยสายใยแห่งความใฝ่ฝัน.
29 มิถุนายน 2546 00:12 น. - comment id 150233
...ทุกก้าวย่างทางไกลคงไปถึง สักวันหนึ่งสิ้นสุดถึงจุดหมาย ตามหวังพาฝ่าฟันอันตราย หากไม่ร้ายแรงเกินที่เดินทาง... ................สวัสดีครับ.................
29 มิถุนายน 2546 03:09 น. - comment id 150266
ครับการเดินทางที่มั่นคง ชอบมากครับ ...ถึงแม้นจะเดินทางเพียงโดดเดี่ยว ...เลาะลัดเลี้ยวตามไพรสณท์ไร้คนผ่าน ...หรือผู้ร้ายโจรภัยจิตคล้ายมาร ...มิสะท้านขลาดกลัวหัวใจตรม
29 มิถุนายน 2546 10:41 น. - comment id 150303
คุณใบบอนแก้ว... ทุกก้าวย่างทางข้างหน้าเป็นดั่งหมาย มิล้ากายยังคงมั่นมิพรั่นขาม จากบันทึกที่ส่งมอบตอบนิยาม หวังเพียงความเป็นเพื่อนมิเลือนลืม หว่ออ้ายหนี่ ... :) เจ้าน้องชาย ยิ้มไว้นะ เอาใจช่วยอยู่เสมอ
30 มิถุนายน 2546 03:59 น. - comment id 150482
กำลังเศร้าครับอาจารณ์แต่งกลอนไม่ออกเลย แต่ถ้าว่างจะมาแวะเวียนนะครับ ขอบใจอาจารณ์ครับที่เป็นห่วง
30 มิถุนายน 2546 09:51 น. - comment id 150505
ยิ้มไว้นะคนดี ... หนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่ ขอให้มั่นใจและก้าวเดินต่อไป อย่าท้อนะ ...ไอ้มดแดง เอ๊ย น้องชาย