๏ ปัญหาฤๅเป็นเหตุ............อันทุเรศร้อนทุรน เหลือที่จะรู้ทน....................ท้นแล้วอกฟกระอา ฯ ๏ หากลี้แลหากเร้น ...........ไม่แก้เข็ญข้อกังขา ปล่อยยุ่งเกินปัญญา............กว่าแก้ไขให้กลุ้มคลาย ฯ ๏ ปัญหาคือปลายเหตุ.........ให้เล็งเลศที่หลากหลาย เหตุการณ์ใดหากกลาย.......เป็นเหตุร้ายรีบหักลง ฯ ๏ สาเหตุที่สาหัส.................หากรีบปัดแลรีบปลง จำกัดเขตจำกรง.................วงระวังวุ่นร้ายวาย ๏ ปัญหาไม่เป็นเหตุ...........ให้ทุเรศร้อนทุราย แก้เสียกันก่อนสาย............คลายร้อนอกฟกระอา ฯ ๏ อย่าลี้แลอย่าเร้น.............รีบแก้เข็ญข้อกังขา ปมใหญ่ใช้ปัญญา...............ถ้าแก้ไขทุกข์ก็คลาย ๚
18 มิถุนายน 2546 18:07 น. - comment id 148004
ปัญหามากหนักความคิด ต้องพิชิตเผชิญไข มองดูจากต้นเหตุไกล ค่อยค่อยแก้ไขจนหมดทาง... อิอิ .......................................................... ;)
18 มิถุนายน 2546 19:54 น. - comment id 148040
ปัญหาที่เป็นเหตุ ปฎิเสธนั้นไม่ได้ ต้องแก้อยู่ที่ใจ ดับทุกข์ไซร้ใช้ปัญญา ทุกข์ทนไม่เป็นสุข ควรเร่งรุกสู้ฟันฝ่า ความดีที่มีมา สร้างคุณค่าด้วยดวงใจ...ฯ มาร่วมชื่นชมบทกลอน..และแนวทางในการแก้ปัญหาค่ะ..
18 มิถุนายน 2546 20:37 น. - comment id 148046
เห็นด้วยคุณวฤก มองไปแล้วแสนขัดใจ ไม่รู้มาจากไหน ช่างปั่นป่วนล้วนฮึดฮัด ท่าทีที่กร้าวร้าว ซ่อนไว้ให้บำบัด เป็นผู้ใหญ่แล้วชีดชัด ยังทำหลอกว่าทารก ให้ป้านี้งงงวย ปลอบใจด้วยไม่สะทก กลับผันมาจ้วงจก เหมือนเข่นฆ่าให้อาสัญ ขอบอกเพียงเท่านี้ เจ็บฤดีไปเป็นวัน ถูกเด็กมารำพัน แล้วเย้ยหยันให้เจ็บใจ
19 มิถุนายน 2546 09:47 น. - comment id 148146
:-)