สายลมแรงแกว่งไม้ให้ใบกวัด เหงาตวัดกวัดใจให้กายหมอง เงียบสงัดกัดอารมณ์ให้จมกอง น้ำตานองละอองหลั่งดั่งขาดใจ เสียงขลุ่ยผิวแผ่วไกลจากชายป่า เหมือนเห่ช้าอารมณ์ยามลมไหว คิดถึงแม่เคยเห่กล่อมในอู่ไกว โอ้แม่จ๋าลูกเหงาใจอยู่ในเมือง เพลงความหลังหลั่งมาคราอดีต ช่วงชีวิตเคยผ่านมาห่มผ้าเหลือง ช่วงเวลาหนึ่งแสงหมดจรดแสงเรือง ความขุ่นเคืองที่ขุ่นข้นก็พ้นใจ ผ่านชีวิตเบ็ดเสร็จ21ฝน ความเป็นคนข่นข้นค้นไม่ไหว ขอบเขตห้วงจักรวาลอันกว้างไกล เส้นสุดท้ายสิ้นที่ใจอยากให้มี มโหรีชีวิตยามจิตดับ เสียงขานขับบรรเลงเพลงภูตผี สิ้นตัวกูของกูที่กูมี ฟังเพลงนี้ให้บันเทิงบนเชิงตะกอน
24 เมษายน 2546 00:34 น. - comment id 130568
นานๆ จะได้มาฝากฝันฝากกลอนสักที มาแบบหนักหน่วงเอาการเหมือนกันนะครับ แง่คิดปรากฎงดงาม ตามเนื้อหา เรื่องจริงก็คงจักเป็นเช่นนั้น เหมือนกันครับ
24 เมษายน 2546 12:29 น. - comment id 130751
หนักหน่วง แต่มิเคยเหนื่อยอ่อนที่จะอ่าน
24 เมษายน 2546 12:32 น. - comment id 130753
ขอบคุณสำหรับคำนิยามครับพี่ ผมแต่งเตือนตัวเองครับ เสพเพลงมากไปกะจะให้คลายเหงาแต่กลายว่าเหงาเป็นเงาตามตัว
24 เมษายน 2546 13:11 น. - comment id 130773
**..ขอคารวะ.. เก่งมากครับ
24 เมษายน 2546 20:15 น. - comment id 130937
พี่...น้องหมียังคอย...แม้จะมีแค่กำลังใจน้อยๆ แต่หมีจะปลอบกายปลอบพุง ให้อุ่นใจ...คิดถึงพี่นะ