ฉันเห็นแอ็ปเปิลลูกหนึ่งมีศรปักไว้ ฉันสงสัยใคร่รู้ใครฝึกยิงธนูมือฉมัง จึงหยิบมาดูและเพ่งพินิจแล้วหลับตา ฉันแลเห็นลูกศรพุ่งเข้ามาพุ่งเข้ามา พุ่งราวกับเป้าหมายของมันคือฉันนั่นเอง ด้วยความตื่นตระหนกสุดใจกลัว ต่ออานุภาพพลังขับเคลื่อนแห่งธนูศร ฉันถึงกับต้องรีบลืมตาแล้วเห็น ศรปักลงตรงกลางลูกแอ็ปเปิลในอุ้งมือฉัน . แล้วฉันหลับตาอีกครั้ง ฉันเห็นศรธนูค่อยค่อยถอยออก ถอยออกจากลูกแอ็ปเปิล มันกำลังถอยหลังอย่างดงามสุดพรรณนา เป็นภาพที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต การถอยหลังของศรธนูวิจิตรพิศดาร พลันยินเสียงมันพุ่งถอยหลังแหวกอากาศ แล้วหยุดกึกที่คันธนูของพลธนูผู้หนึ่ง ฉันเห็นแววตาแห่งความมุ่งมั่น ฉายความรู้สึกมั่นใจเต็มอัตราศึก ฉันคิดในใจและพูดกับตัวเอง บุรุษหนุ่มผู้นี้คงไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดา อาจเป็นผู้กล้าอัศวินอารีผู้ทรงธรรม แววตาของชายหนุ่มมิได้กร้าว แต่ซ่อนไว้ด้วยความสุขุมสงบขรึม และเต็มไปด้วยความนอบน้อมถ่อมตน .. อีกคราที่ฉันลืมตา ภาพชายหนุ่มกำลังง้างคันธนู อันตรธานหายไปสิ้น เหลือแต่ศรธนูปักแอ็ปเปิลในอุ้งมือ
31 สิงหาคม 2545 02:36 น. - comment id 71745
ปรัชญามาอีกแล้ว........ อิอิ
31 สิงหาคม 2545 08:46 น. - comment id 71805
อย่างที่บอกใน ถนนนักเขียน อยากมีแววตาอย่างนั้นจัง
31 สิงหาคม 2545 14:32 น. - comment id 71864
อิอิ ไม่ได้ปรัชญาสักกะหน่อย ธนรัฐ ชอบปรัชญาเหรอ อิ อิ อ่านออกเป็นปรัชญาอยู่เรื่อยเลย อิอิอิ ไม่รู้ว่าเป็นหรือเปล่า มันแล้วแต่ ผู้อ่านจะคิด ผู้เขียนก็เขียนไปแล้วอิอิ ------------------------------ แววตาแบบนั้นมันทำอยากน่ะ หลอกสายตาไม่ได้ แววตาคือหน้าต่างของดวงใจ
2 กันยายน 2545 19:51 น. - comment id 72469
คำถามคือ ทำยังไงให้ตาไม่ยิ้ม
3 กันยายน 2545 10:42 น. - comment id 72665
ตอบคำถาม : ปิดตาลงครับ หรือหลับตา