ดุจกังหันสวาท
แก้วประเสริฐ
"กังหันย่อมผ่านพลิ้ว......ตามลม
ชีวิตล้วนขื่นขม................ยากสล้าง
มากไว้แต่สิ่งตรม............ นำสู่ ใจเอย
มีรักย่อมเคว้งคว้าง...........ทุกข์ให้สุขตามฯ.”
กังหันย่อมผ่านพลิ้วระลิ่วลม
ชีวิตขมบ่มสร้างกลางลิขิต
มอบไว้แต่สิ่งตรมภิรมย์คิด
รักสู่จิตเคว้งคว้างกลางสิ่งเจือ
เมื่อรักเผยลอยลมบ่มสิ่งฝัน
สุดจะพรั่นหันเหด้วยเล่ห์เหลือ
หมุนแกว่งไกวมิคล้ายในก้อนเกลือ
ฝากแต่เยื้อพลิกห้วงผ่านยวงใย
สิ่งที่มอบคลุกเคล้าโลมเฝ้าชื่น
อวลระรื่นหมุนสลับกลับหวั่นไหว
พลิ้วไปตามห้วงนั้นพลันแกว่งไกว
ทอดทิ้งไว้หมดแล้วแนวสร้างพนอ
ฝากแต่เพียงสิ่งหลังครั้งผ่านคิด
หลากชีวิตผ่านเศร้าจนเฝ้าท้อ
สักวันหนึ่งหวานซึ้งถึงคนรอ
ที่เคยก่อสิ่งหอมย้อมหนทาง
ไปดีเถิดแม่นางฉันวางแล้ว
งามเพริศแพร้วลอยลมบ่มสะสาง
เหลือเพียงวันฉันเพ้อละเมอคราง
หวานหนีร้างยากกลับนับนิรันดร์
ช่วยสร้างปลูกฝากไว้หลายสิ่งนัก
ใยมาหักหนีร้างกลางสุขสันต์
ดุจกังหันต้องลมล่มกลางครัน
คอยนับวันเธอพรากจากเฝ้ารอ
สวาทรักรมทุกข์ทิ้งสุขแพร้ว
สิ้นสุดแนวสดใสยากใฝ่ขอ
หวนเข้าสู่ในโลกวิปโยคพอ
ทิ้งสิ่งพนอฝากไว้เมื่อไร้ใจ
ต่างคนเดินเถิดหนาอ้าที่รัก
เงาประจักษ์ฝากไว้ไร้สดใส
ดุจคมหนามกรีดผ่านฝากซ่านใน
แผลเก่าไล้ลูบห้วงที่ล่วงพราว
ขอลาก่อนที่รักประจักษ์แล้ว
แม้เพียงแนวซ่อนสุขทนทุกข์ร้าว
ฉันจะเดินในทางเพื่อสร้างดาว
ให้เลิศสกาวพิศมัยห่างไกลพิษ
กังหันลมขมขื่นต้องฝืนไว้
ม่านไฉไลผ่านไปคล้ายลิขิต
ยากถอยหลังคืนกลับนับสิ่งคิด
หวังสถิตย์สร้างใหม่ให้คนมอง
ดุจเดือนดาวพร่างฟ้านิจจาเจ้า
รักคอยเย้าสับสนระคนหมอง
สักวันหนึ่งหวนมาหาสิ่งปอง
เหลือละอองสุดคว้ามาแนบใจ.
*แก้วประเสริฐ.*