*กาพย์น้อยลอยฟ้า...แก้วประเสริฐ.* โอ้กาพย์เอ๋ยกาพย์น้อย เจ้าล่องลอยสู่แดนสรวง แบบเจ้าเคล้าพุ่มพวง แวววับดวงล่วงธานี คำที่ห้าประดับสาม ยุรยาตรตามมิหมองศรี ร้อยส่งรับราตรี ห้าสามนี้ซิพุ่มพวง แบบสองต้องบรรจง ไม่ปลิดปลงแบบหนึ่งล่วง ย่างกรายตามหมายดวง วรรคสี่หวงไม่รับกัน วรรคหน้าห้าประดิษฐ์ สามหลังคิดรับหกพลัน ท้ายสองรับเสกสรร ไม่รับท้ายร่ายลำนำ. แบบหนึ่ง กา กา กา กา ก่า กา กา ก่า กา กา กา กา กา กา กา ก่า กา กา ก่า กา กา กา แบบสอง กา กา กา กา ก่า กา กา ก่า กา กา กา กา กา กา กา ก่า กา กา กา กา กา กา กาพย์นี้ไพเราะเหลือ ทั้งเอื้อเฟื้อเยื่อสัมพันธ์ ทุกอย่างต้องเสกสรร สูงต่ำล้ำย้ำเสนอปอง อีกทั้งเล่นคำฉันท์ สร้างรำพันสุดสนอง ครุลหุไม่ต้องมอง แต่ควรมีสันสฤตนำ ใกล้แล้วดวงแก้วนี้ ต้องจรลีมิอาจหัน ฝากไว้ไมตรีกัน ก่อนจะสิ้นซึ่งลมปราณ หากสลายไม่มาเยือน เปรียบเสมือนขอลากัน น้อมกรอภิวัน ฝากลิขิตสถิตย์กลอนไทย.* * แก้วประเสริฐ.*
23 พฤศจิกายน 2555 20:47 น. - comment id 1251554
กาพย์น่ะ ไม่ขำ แต่มาขำตรง ลอยฟ้า นี่แหล่ะ 5555
23 พฤศจิกายน 2555 21:04 น. - comment id 1251555
คุณ อัลมิตรา ขอบใจมากจ้ายอดหญิง เมื่อสองวันเรา เกือบจะไม่ได้พบกันแล้วในชาตินี้นะ เพราะ หายใจไม่ออกตาเหลือกไปเลยล่ะ ดีนะได้ ยาหม่องน้ำจีน "โปซำออง" เขามาชะโลม ให้เกือบตายแน๊ะ เลยนึกว่าจะทำอะไรดีฝาก ไว้ในบ้านไทยกลอนอันเป็นที่รัก เห็นคนถาม มามากก็เลยเขียนไว้ ก่อนจะไม่ได้เขียนจ้า รักยอดหญิงมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
23 พฤศจิกายน 2555 21:29 น. - comment id 1251556
จะรีบช็อคตามเสธหนั่นทำไมกันล่ะ .. หายใจได้ ก็หายใจต่อไปเหอะ ..
24 พฤศจิกายน 2555 08:13 น. - comment id 1251567
คุณลุงดูแลสุขภาพนะคะ ขอให้แข็งแรงๆค่ะ
24 พฤศจิกายน 2555 13:24 น. - comment id 1251596
คุณ อัลมิตรา ยอดหญิงผมเองก็ยังอยากหายใจ แต่ตอน นั้นมันหายใจสั้นลง สั้นลงแทบจะขาดใจ แต่ืคน ยังไม่ถึงที ก็รู้สึกร้อนๆวูบๆวาบๆ แล้วก็ค่อยดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อยๆจ้า รักยอดหญิงมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
24 พฤศจิกายน 2555 13:26 น. - comment id 1251597
คุณ เพียงพลิ้ว หลานรักจ้าลุงพยายามแล้วจ้า แต่มัน ถึงคราวจะเป็นก็เป็นเองแหละ รักหลานเรา มากๆเสมอจ้า แก้วประเสริฐ.
24 พฤศจิกายน 2555 14:15 น. - comment id 1251604
ลุงแก้ว มอบสิ่งดี ๆ กับบ้านกลอนไว้เยอะ รักษาสุขภาพนะคะ ยังอยากอ่านงานดี ๆ นาน ๆ
24 พฤศจิกายน 2555 14:38 น. - comment id 1251613
คุณ ร้อยฝัน ด้วยที่ลุงมาเล่นในเวปนกลอนนี้เป็นเวปฯ แรกที่เล่นกลอนอย่างแท้จริง จึงเกิดสัมพันธ์ รักใคร่ ฉนั้นสิ่งใดที่คิดว่าดีมักจะนำมาให้ พวกเราพิจารณากันเองเอง หาใช่ว่าจะอยาก เด่นอยากดังไม่ เรื่องเด่นดังนี้ผ่านมาในชีวิต การงานมากเสียแล้ว ในเมื่อรักในสิ่งใดย่อม จะยึดติดหวงแหนสิ่งนั้นเป็นเงาตามตัวจะ เห็นได้ว่า ชื่อนี้ใช้มาตลอดตั้งแต่การเล่น ในเวปฯนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนเกิดคำ ว่า แก้ว ตามมาอีกมากมายจ้า รักหลานเรา มาเสมอ ขอให้มีความสุขในครอบครัวอย่า ได้มีอุปสรรคใดๆมาทำลายความสุขหลาน ของลุงจ้า รักมากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 พฤศจิกายน 2555 11:05 น. - comment id 1251632
ป๋าอย่าเพิ่งปลงชีวิตเลย ต้องขอไว้ก่อน เดี๋ยวจะหาว่าไม่ขอ เหมือนพระอานนท์ไม่ขอพระพุทธเจ้า หมั่นหายใจเข้าไว้ถ้าไปถูกก็จะไปเยี่ยมแล้วละ อิอิ
25 พฤศจิกายน 2555 13:23 น. - comment id 1251635
คุณ ฤกษ์ (รูปหล่อ) สวัสดีครับ ผมเองไม่ได้ปลงหรอกครับ แต่รูปมันจะปลงเองซิแย่หน่อย ขอบคุณที่ จะมาเยี่ยม แค่เอ่ยคำนี้ผมก็ซึ้งใจมากแล้ว ครับ รักมากๆเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 พฤศจิกายน 2555 19:16 น. - comment id 1251661
คุณลุงแก้วประเสริฐคะ อะไรที่ว่าอายุไมยืน ทักไม่เข้าใจค่ะ ถ้าคุณลุงประเสริฐ อายุไม่ไม่ ทักทายคนนี้ก็อาอยู่นั่งอยู่กับที่แน่นอน หรือไม่ก็ยืนอยู่ไม่สุข เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ อยูที่ว่าเราทำวันนี้ให้ดีพอหรือยัง ถ้ายัง ก็ เพิ่มค่ะ เพิ่มเท่าที่คนรอบข้างจะพึงพอใจ แต่ ถ้าเค๊าไม่พอใจก็ ยุบหนอพองหนอ เหมือนอึ่งอ่างอ่ะค่ะ พองลมแล้วก็หุบ(ท้อง)ลม คุณลุงว่าไงคะ 555คุณลุงอย่าว่าทักทายติงต๊องนะคะ ทักพุดตามภาษาชาวบ้านอ่ะค่ะ ผิดพลาดสิ่งใดช่วยคุณคุณแนะนำด้วยค่ะ...ขอบคุณค่ะ
25 พฤศจิกายน 2555 19:20 น. - comment id 1251662
5555 คุณลุงแก้วประเสริฐทักตอบผิกกระทู้อ่ะค่ะ ขอโทษอย่างสูงค่ะเดี๋ยวเปลี่ยนใหม่
25 พฤศจิกายน 2555 19:24 น. - comment id 1251663
ขอแก้ข้อเขียนค่ะ อายุยังไม่ยืน หทักทายคนนี้อายุก็ยังยืนหรือไม่ยื่น กับสิ่งไม่แน่ไม่นอนในอนาคต
25 พฤศจิกายน 2555 19:42 น. - comment id 1251666
ข้อความที่ทักทายอ่านตะกี๊หายไปแว๊วอ่ะคร่าะ ขอโทษนะคะ
25 พฤศจิกายน 2555 20:20 น. - comment id 1251669
คุณ ทักทาย หลานเอ๋ย ชีวิตคนเราหาจีรังไม่ ย่อมวนเวียน ดุจคล้ายกงล้อ แหละ เมื่อมีเกิดเพราะมีภพที่ เหมาะสมกับกรรมของเรา เกิดแล้วก็ย่อมมีรูปเป็น เครื่องบ่งชี้ด้วยบุพกรรมนำทาง ไม่ว่าเป็นคน หรือเป็นสัตว์ก็ตามแรกจะเป็นแค่ก้อนเลือดเล็ก ๆเท่านั้น เมื่อได้รับสิ่งเหมาะสมก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ไปตามสภาพของสถานที่เกิด เกิดแล้วก็ย่อม เสวยเวทนาคืออารมณ์ แล้วก็ย่อมหมุนไป ตามวิถีชีวิต แล้วมาแก่ เจ็บ แล้วก็ตายเพราะ ด้วยตัณหาความอยากด้วยเราไปยึดมั่นถือ มั่นในสิ่งที่ชอบนั่นเอง ด้วยการรับรู้สัมผัสด้วย อายนะทั้ง 6 ทราบถึงประสาทต่างๆได้ เมื่อ รับรู้สัมผัสแล้วก็จะมีการปรุงแต่งอารมณ์เรา เรียกว่าสังขาร จึงเกิดมีวิญญาณขึ้นมาเสวย กรรมนั้นๆจ้า ที่ว่าอายุไม่ยืนนั้นมีเหตุดังนี้ คือ กรรม สองวงจรชีวิตที่เรียกว่ากรรมพันธุ์ ยกเว้นตายก่อนอายุขัย เป็นปัีจจัยเป็นต้น ฉนั้นชีวิตจะสั้นหรือยาวก็ด้วยความดีที่ เราทำประกอบกับกรรมพันธุ์อีกด้วยจ้า เอาเท่านี้แหละ ลุงเองไม่ค่อยใส่ใจเท่า ไหร่ในเรื่องนี้เพราะเป็นไปตามวิถีชีวิต ดัง พุทธพจน์ที่ว่า มรณัง สุขัง การกำหนดรู้ความ ตายเป็นอารมณ์ทำให้เกิดจิตใจกล้าแข็ง และเป็นไปด้วยความไม่ประมาท จ้า เอาล่ะ เพียงเท่านี้ ขอให้หลานเราจงมีธรรมเป็น สรณะ เป็นที่พึ่งในการหมั่นสร้างความดีจ้า รักเสมอ หากผิดไปอภัยด้วย แก้วประเสริฐ.
25 พฤศจิกายน 2555 20:21 น. - comment id 1251670
คุณ ทักทาย ไม่เป็นไรจ้าคนเราเกิดมามีทั้งผิดและถูก การลืมเราตั้งต้นใหม่ได้หากเรามีศรัทธาจ๊ะ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
25 พฤศจิกายน 2555 20:35 น. - comment id 1251672
น้อมรับค่ะ คุณลุง หลานจะนำไปปฏิบัติ์ค่ะ :) ถือว่าเป็นเกีรยติอย่างยิ่งที่คุณลุงชี้แนะคำพุธทศาสนา ก่อนไปต่างประเทศหลานว่าจะไปบวชชีพราห์มเช่นกันค่ะ วัดใกล้ๆบ้านคะ แล้วจะขนบุญพระธรรมมาฝากคุณลุงด้วยนะคะ
25 พฤศจิกายน 2555 23:20 น. - comment id 1251678
คุณ ทักทาย ขออนุโมทนาด้วยครับที่หลานจะไปบวช ชีพราห์ม แต่การบวชนี้แม้จะแทรกในศาสนา พราห์มไว้ก็ตาม แต่โน้มมาทางศาสนาพุทธ ข้อปฏิบัติเช่นเดียวกับบวชชีในพุทธศาสนา ข้อสำคัญเรา ต้องทำใจเราให้สะอาดหมดจด จากสิ่งภายนอก สวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิทำ จิตให้ว่างจากโลกภายนอก จะได้กุศลยิ่งนะ ในเมื่อกล่าวถึงจิต ก็จะบอกให้ ว่าที่อยู่ของจิต นั้นอยู่ที่ใด น้อยคนจะรู้ พอดีผมรู้ก็จะบอกให้ อันแรก ควรรู้หน้าที่ของจิตก่อน จิต จะมีอาการอยู่ไม่นิ่งจะเที่ยวสอดส่ายไป ในสภาวะโลกโลดแล่นไปตามอารมณ์ของ เรา คือจะไม่อยู่นิ่ง แต่มีที่หนึ่งที่จิตจะอยู่นิ่ง เพราะเป็นที่อาศัยรวมจิตไว้ เจตสิก เอ่ยจิตต้องรู้เจตสิกด้วย เพราะเกิด คู่กันเปรียบดังเงาของเรานั่นเอง เจตสิก มีหน้าที่คอยจำจดบันทึกสิ่งที่ จิตไปค้นหา พบมา เพราะจิตนั้นจะไม่จดจำอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่ต้องการรู้ ต้องการเห็น ต้องการ เข้าใจในลักษณะสภาวะโลกธรรม เมื่อมัน รู้ก็จะแค่รู้แล้วจะลืมไปหมด จึงต้องเป็น หน้าที่ ของเจตสิกที่คอยติดตามไปเรื่อย เพื่อจดจำบันทึกเอาไว้ เมื่อเจตสิกรู้แล้วส่งไปไหน เมื่อเจตสิก รู้แล้วจะส่งไปที่ ใจ เพราะใจเป็นประธาน เป็นใหญ่กว่าสิ่งใดๆในสภาวะร่างกายของ เรา จึงต้องรับรู้สภาวะการณ์ต่างๆโดยมี เจตสิกเป็นตัวรายงานให้ทราบ ทราบแล้ว จะไปไหน ใจทราบแล้วจะส่งไปที่สังขาร สังขารนี้คือหนึ่งใน ขันธ์ห้ืา คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ สังขารจะมี หน้าที่ปรุงแต่งสภาวะธรรมต่างๆทั้งสิ้นตาม เวทนา คืออารมณ์ความรู้สึกของคนเราเกิด จากอวิชาคือความไม่รู้จริง ที่ไปเห็นใน รูป ของอายตนะภายในและภายนอก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และ รูป รส กลิ่น เสียง โผสทัพพะ ธรรมมารมย์ อารมณ์ เรานี้ถูกครอบงำโดย ตัณหา อันมี โลภะ โทสะ และโมหะ ทำให้เกิดอุปาทาน คือ ความยึดมั่น ถือมั่น ในอารมณ์ของเราเป็น บ่อเกิดทำให้ต้องหลงวนเวียนในโลกนี้ อันมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นอนันตา ซึ่งมี อนิจจัง ทุกขังเป็นอาหารให้มัน เมื่อเรานั่งสมาธิไม่ต้องไปหวังอะไร อย่าไปติดยึดมั่น ปล่อยให้โล่งๆๆวางใจ ตามสบาย ก็จะได้กุศลอย่างมหาศาล นี่ไม่ได้พูดถึงฌานนะ เอาเป็นแค่รู้หรือ พยายามให้ได้ อุปจารสมาธิ ก็เพียงพอ อย่าไปถึงฌานต่างๆเลย พูดไปก็ไม่จบ และยาวเกินไป เพียงเท่านี้หากเรานั่งสมาธิให้จิต ใจเป็นประภัสสร สงบ เยือกเย็น แค่เพียง ช้างกระดิกหู เราก็ได้กุศลมากกว่าไป ทำบุญทานใดๆทั้งสิ้นจ้า ขอให้จงเจริญ ในทางธรรมและประสบผลสำเร็จได้ไม่ มากก็น้อยจ้า อ้อเกือบลืมไปที่อยู่ของจิตคือ ที่ทรวงอกระหว่างลิ้นปีของเรา แต่อย่า ไปเพ่งนะให้เพียงรู้ไว้เท่านั้นเองจ้า อีกประการหนึ่งเมื่อนั่งสมาธิจิตรวมตัว กันแล้วจะบังเกิดภาพหลอนต่างๆ เป็นคน บ้าง เทวดาหญิงชายบ้าง ภูตผีปีศาจบ้าง ซึ่งจะทำให้สมาธิแตก ให้มีสติตลอดเวลา ในการนั่งสมาธิ และกำหนดว่าที่เห็นนี้คือ สิ่งหลอกลวงไม่จริง เป็นภาพหลอนเป็น อุปาทานที่คอยหลอกหลอนเรา มีสตินึก ไว้เท่านี้ อาการต่างๆก็จะหายไปเอง ไม่ ต้องไปกลัวมัน มันทำอะไรเราไม่ได้หรอก เป็นภาพหลอนเท่านั้น บางทีอุปาทาน หลอนเราให้ได้ยินเสียงต่างๆนาๆ ก็ว่า มันคืออุปาทานหาได้จีรังใดๆไม่ จำเอาไว้ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
26 พฤศจิกายน 2555 00:37 น. - comment id 1251679
แก้วประเสริฐเลิศล้ำ รู้ธรรมล้ำลึก หมายมองตรองตรึก ระลึกฝึกกล้า มรณะ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ธรรมะ ธรรมดา มรรคานิพานัง... เห็นฝั่งนฤพาน !
26 พฤศจิกายน 2555 13:35 น. - comment id 1251708
คุณ ศรีสมภพ ขอบคุณที่แจ้งมา ยังหรอกครับยังห่างไกล อีกมาก ที่รู้นะพอจะรู้ได้บ้าง วางหรือก็พอวางได้ แต่หลักใหญ่เท่านั้น ส่วนปลีกย่อยคือ อนุึสัยกิเลส ยังค้นหาไม่ค่อยได้จ้า เพราะมันซ่อนอยู่ในใต้ จิตสำนึกเป็นรากฝอยที่กระจัดกระจายไปทั่ว สภาพจิตของเรา พูดแล้วเหมือนแกล้ง ยิ่งทำ เท่าใดมันยิ่งแกล้งเราเท่านั้นครับ ขอบคุณ นึกว่าเอามะพร้าวมาฝากขายก็แล้วกันนะครับ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
27 พฤศจิกายน 2555 05:20 น. - comment id 1251747
27 พฤศจิกายน 2555 13:24 น. - comment id 1251771
คุณ พจนาฯ ขอบใจจ้า แก้วประเสริฐ.
28 พฤศจิกายน 2555 09:56 น. - comment id 1251798
สวัสดีค่ะครูแก้วประเสริฐ ขอให้ครูสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกเราไปอีกนานๆนะคะ
28 พฤศจิกายน 2555 13:45 น. - comment id 1251801
คุณ อนงค์นาง สวัสดีจ้าศิษย์เรา ขอบใจมากนะพยายาม อยู่เหมือนกัน แต่อายุมากแล้วช่างเถอะ อะไร เกิดก็ย่อมเกิดแหละ รักศิษย์เราเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 ธันวาคม 2555 02:24 น. - comment id 1251994
สวัสดีค่ะลุงแก้ว... แวะมาเยี่ยมค่ะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ คิดถึงเสมอค่ะ....
3 ธันวาคม 2555 13:34 น. - comment id 1252012
คุณ กุหลาบขาว (ไวท์โรสส์) สวัสดีจ้า ลุงรำลึกคิดถึงหลานเสมอ ไม่ ได้เจอกันนานแสนนาน คนเราที่มีไมตรีที่ดี ต่อกันย่อมมิอาจจะลืมเลือนมิตรภาพไปได้จ้า ลุงเองระยะนี้บอกตรงๆว่าค่อนข้างแย่ แต่ช่าง เถอะเป็นไปตามอายุขัยที่ทุกๆคนมิอาจจะหลีก เลี่ยงได้ ขอความเจริญพูลสุขจงมีแก่หลานเรา ตามใจปรารถนาด้วยนะ รักมากเสมอ แก้วประเสริฐ.
3 ธันวาคม 2555 19:33 น. - comment id 1252028
4 ธันวาคม 2555 14:40 น. - comment id 1252056
คุณ คิดถึงเธออยู่เสมอ ขอบคุณมากครับ ผมก็เช่นเดียวกันรำลึก นึกถึงเธออยู่ว่าเหตุใดยังไม่เข้ามาเยี่ยมอีกทั้ง ที่เรายังคิดถึงกันอยู่เสมอ ขอบคุณ รักเสมอ แก้วประเสริฐ.