๏ จักเขียนกลอนอ้อนสาวก็คราวหลาน ยามเขียนหวานมดตอมรายล้อมทั่ว มีคนแหน็บเจ้าชู้ดูน่ากลัว เลยเจียมตัวมิกล้าท้าประจัญ คราเขียนเศร้าเหงาจิดเพราะพิษรัก คล้ายอกหักท่ามโลกอันโศกศัลย์ มีคนแซวแนวกลอนอ้อนรำพัน กลกลอนนั้นขุดบ่อไว้ล่อปลา กลอนการเมืองเรื่องยุ่งมิมุ่งเขียน หวั่นพวกเกรียนป้ายปาดวาดมิจฉา สร้างพวกพ้องแบ่งพงศ์แยกหงส์กา คนระอาเลิกผ่านเยือนบ้านกลอน บทอัศจรรย์เนื้อกลอนมานอนคิด อยากลิขิตการณ์กล..ไร้คนสอน ใครสามารถสอนหมดทุกบทตอน จักขอวอนขอจดบทอัศจรรย์ จักเขียนกลอนอ้อนสาวก็คราวหลาน รักสุดกาลเทียมฟ้าก็น่าขัน เขียนกลอนเศร้าก็ประจำบทรำพัน แล้วจักหันเขียนงาน..กลการณ์ใด??๚ะ๛
5 กรกฎาคม 2555 22:22 น. - comment id 1237380
หัวอกเดียวกันครับ
6 กรกฎาคม 2555 07:53 น. - comment id 1237406
ซ่อมแล้ว อัญเชิญมาบ่นต่อได้
6 กรกฎาคม 2555 10:01 น. - comment id 1237427
นี่เค้าเรียกว่ายังไม่สิ้นมุขนะกรว่า ^^ แต่เค้าเรียกว่าบ่น เห็นด้วยกะพี่อิม
6 กรกฎาคม 2555 10:32 น. - comment id 1237442
พี่พุด..ก็วนวนซ้ำซ้ำค่ะ แต่.. สัญญาเดิมที่รักรจนาทำให้ ยังเวียนว่ายในสายธารน้ำหมึกนี่แหละอิอิ
6 กรกฎาคม 2555 10:37 น. - comment id 1237446
บินมาไกลหลายหมื่นลี้ ยอดกวีฤๅมีหมด เขียนหลากก็มากบท คงจะหมด ..แค่วันนี้ เดี๋ยวมันก็มาเอง..
6 กรกฎาคม 2555 12:18 น. - comment id 1237470
เหตุหมดมุขอาจขลุกแลครุ่นคิด หรือด้วยพิษซ่อนเร้นเช่นไฉน ซุ่มแอบซ่อนซ้อนเงื่อนหรืออย่างไร หรือเป็นเพียงช่วงในใจบั่นทอน อาจมีบ้างบางคราเวลาหนึ่ง หากเป็นช่วงขาดซึ่งจุดหมายอ้อน หากเจาะจงดวงใจใครบังอร มุขอาจมีเว้าวอนหวานเกินใคร
6 กรกฎาคม 2555 12:33 น. - comment id 1237475
อาจไม่มีค่าพอให้มองเห็น มิได้เป็นส่วนหนึ่งของครึ่งไหน แค่วงกลมขาดเสี้ยวที่เรียวใบ แค่กลิ้งไปตามประสายถากรรม ตกหลุมพรางผูกมัดเขาจัดฉาก คอยฉุดลากกระชากพาช่างน่าขำ อยากจะลืมคำโป้ปดรสพระธรรม ที่พร่างโปรยน้ำคำมานำทาง ว่าเธอมีใจเผื่อมาเพื่อฉัน ความผูกพันเจือปรุงแต่รุ่งสาง ผ่านสายเสียงเพลงคีย์วจีวาง ผ่านสายรักเลือนรางแล้วร้างลา เราห่างกันเกินไกลในรู้สึก กับทีท่าฝังลึกแห่งรู้สา ยังมีเธอชัดฉายในสายตา กับคืนวันปรารถนานิทรารมณ์ .....................16%....................... ฉันจะดูแลเธอ ด้วยชีวิตและด้วยจิตใจ
6 กรกฎาคม 2555 12:35 น. - comment id 1237476
6 กรกฎาคม 2555 13:36 น. - comment id 1237487
หมดมุก แต่ยังไม่หมดมุข นี่นาคุณบินเดี่ยว ขอมุขขำ ๆ บ้างสิคะ
6 กรกฎาคม 2555 13:48 น. - comment id 1237489
ขออนุญาตกล่าวเป็นภาษาอีสานนะครับ อิอิ "เฮียนคนครู จี๋ปูคนวาด หนังสือก้อม ต่างคนต่างมี ก้อนขี้ซี ก้อนน้อยก้อยใหญ่ ก้อนขี้ไก่ ก้อนแหลวก้อนแข่น สาแหลว" จับอักขระมา สี่สิบสี่ ตัวอักษร ร้อยเรียงกลอนหลากแบบแนบคมศิลป์ แต่ทว่าคนนั้นทั้งแผ่นดิน มากกว่าศิลป์สี่สิบสี่ที่มีอยู่ จะซ่อนกลซ่อนกลอนบทตอนใด ก็ไม่ไหวเอาใจได้ทุกผู้ สู้เขียนตามแนวตนให้คนดู จะได้รู้แนวทางแบบอย่างตน จะกลอนบทสดใหม่กลอนไหนช่าง ล้วนสรรค์สร้างจากใจให้เกิดผล จะกลอนลายเซียนเขียนเกินคน ก็กลอนกลฉันทลักษณ์อักษรเดียว อิอิ ฟื้นว่า แนวกลอนแบบไหนก็เพราะทั้งนั้นแหละครับ เพราะถ้าเสพแบบใจกลางๆ ไม่มีอคิตเอนเองไป กลอนอะไรก็เพราะทั้งนั้นครับ ใช้ใจอ่านใจของคนแต่งที่ใส่มากับกลอน..
6 กรกฎาคม 2555 15:11 น. - comment id 1237511
ชอบอ่านแต่ไม่มีมุกเขียน..หมดมุกแล้วถ่อมตัวจัง
6 กรกฎาคม 2555 16:57 น. - comment id 1237527
แหม แหม แหม...
7 กรกฎาคม 2555 11:30 น. - comment id 1237593
ชอบมาก ๆ เลยครับ เพราะมาก โดนสุด ๆ
7 กรกฎาคม 2555 19:54 น. - comment id 1237631
13 กรกฎาคม 2555 20:00 น. - comment id 1238352