ฉันอยู่ในเกลียวเมฆที่เสกแพร ท่ามดวงแดล้อห่มของลมทุ่ง มาจะร้างแรมไพรหมายผดุง ให้มาลีหอมฟุ้งสุดคุ้งธาร อีกดอกปีปบุษบงแทนมงกุฏ แด่วีรบุตรแกร่งกร้าวผู้ห้าวหาญ อีกดอกพุดพิชญยา ฟ้าประทาน มาสวมร้อยเป็นสังวาลใต้ลานโพธิ์ อีกช่อดวงบุษบันกระสันสร้อย ก็จะคล้อยธารเคลื่อนให้เลื่อนโล้ สู่สวนขวัญแดนศิลป์ ถิ่นชงโค จันทร์กะพ้ออักโขโยทะกา มะลิวัลย์แต่งแต้มมาแซมถ้อย ก็จะร้อยด้วยใจหาญปานบุหงา ระบัดใบรังสิมันตุ์ทั้งนาคา บรรโลมหล้าระบายเมืองให้เรืองราย ซากุระร่วงโรยจะโชยชื่น ดุจใจชื้นชื่นฉ่ำระส่ำสาย ประหนึ่งเพียงเวียงแววแก้วกำจาย ให้อวลอายบาทรถปรากฎมี โอแก้วขวัญพราวสายจะพรายแสง โดยฤทธิ์แรงแห่งรักในศักดิ์ศรี ณ จันทร จรกระจ่าง พร่างไมตรี ดั่งมาลีห้อยละหวนนวลน้องนาง ในคืนค่ำดาวรุ้งของทุ่งหญ้า จะเริงแสงแจรงหล้าจวบฟ้าสาง แพรพิรุณผ่องแพรวแก้วรางชาง ระบายบางย่างเหยียบอย่างเยียบเย็น บนดวงจันทร์ดวงโตอันโอฬาร ก็จะผ่านฝันหลอนซ่อนทุกข์เข็ญ อันล่อลวงหน่วงซ้ำความลำเค็ญ เพื่อวิญญูรู้เห็นสิ่งเป็นมา ฉันมาเพื่อขอมอบคำขอบคุณ ที่โลกหมุนวันเลื่อนให้เคลื่อนหา ให้ผ่านพัดทุ่งหวังศรีลังกา ในบ้านไม้ หันตรา นิทรารมณ์ (ในบาทรส สกุณา นิทรารมณ์)
15 พฤษภาคม 2555 15:39 น. - comment id 1233807
งานงดงาม มากค่ะ ชื่นชมด้วยดวงใจเลย
15 พฤษภาคม 2555 15:41 น. - comment id 1233809
แวะมาชื่นชมครับ
15 พฤษภาคม 2555 16:33 น. - comment id 1233828
กลอนไพเราะมากค่ะ
16 พฤษภาคม 2555 14:06 น. - comment id 1234014
มาเถิดหนาคนดีมีความหวัง ณ.ลานโพธิ์ใบบังกำแพงเก่า หรือชงโคจามจุรีมีเลือกเอา จะแกร่งกร้าวเพียงใดอายอย่างเดียว ต้องอับอายชาวโลกเขาโขกสับ เพราะต้องก้มคำนับพวกสีเขียว ปฏิวัติรัฐประหารง่ายจริงเชียว ประชาธิปไตยบิดเบี้ยวพวกเขาทำ เขาเก่งกล้าสามารถปราชญ์ทุกเรื่อง เป็นนายกนามกระเดื่องให้ขันขำ เป็นอำมาตไม่วายทำระยำ มากความโลภครอบงำด้านเหลือทน ปริญญาด๊อกเตอรเซ่อกันหมด ถูกรถถังทับกดจนปี้ป่น มีประชาธิปไตยในอ่างวน เหล่าผู้คนสวมครุย...ถูกหุยฮา ต้องเรียนนายร้อยเท่านั้นถึงมีโอกาศเป็นนายกได้บ่อยที่สุดไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง