ขวาทับซ้ายกายตรงดำรงสติ สมาธิคงนิ่งไม่ติงไหว สงบจิตบริกรรมหมั่นทำไป ศรัทธาในพระธรรมที่ค้ำชู กำหนดใจให้ว่างละวางจิต กับความคิดสัดส่ายเพียงหมายรู้ บริกรรมตามติดเพ่งพิศดู ทุกอณูแห่งจิตเฝ้าติดตาม มีสติเตือนตนดังพลขับ ไล่ตามจับบริกรรมทุกคำถาม ตัดอารมณ์สุขทุกข์ที่คุกคาม ทั้งหักห้ามความคิดที่ติดตัว เพียงจิตหนึ่งที่พบสงบนิ่ง ดวงจิตยิ่งเบาบางจากทางชั่ว เป็นแนวทางวางชัดไม่ขัดกลัว ดุจดอกบัวพ้นน้ำในความจริง เฝ้าพินิจจิตนิ่งทุกสิ่งละ แลผัสสะสัมผัสแล้วตัดทิ้ง เหลืออารมณ์เพียงหนึ่งไว้พึ่งพิง กำหนดนิ่งบริกรรมทำอารมณ์ ให้เนิ่นนานแสนนานทุกการฝึก จิตสำนึกสมาบัติเร่งสะสม เหมือนน้ำนิ่งเรียบลื่นไร้คลื่นลม เรือจะจมน้ำได้อย่างไรกัน ขวาทับซ้ายกายตรงดำรงสติ สมาธิแน่วแน่ไม่แปรผัน บริกรรมจางหายละลายพลัน ดวงจิตนั้นสงบนิ่งในสิ่งเดียว --------------- (ไร้อันดับ)
30 เมษายน 2555 12:58 น. - comment id 1231651
1
30 เมษายน 2555 12:59 น. - comment id 1231652
หายใจเข้าพุงออก หายใจออกพุงเข้า
30 เมษายน 2555 13:02 น. - comment id 1231653
1,2 ยกป. กวนแระ ว่างล่ะดิ
30 เมษายน 2555 13:07 น. - comment id 1231655
ยกป. ว่าตามจริง หายใจเข้าพุงออก หายใจออกพุงเข้า อันนี้เป็นหลักการฝึกสติ และการหายใจที่ถูกต้องนะ หมั่นทำๆ ไว้ จะได้เคยชิน
30 เมษายน 2555 13:27 น. - comment id 1231658
เวลานั่งสมาธิ พอจิตใจว่อกแว่กไปคิดเรื่องอื่น...แปลกนะพี่ จะลืมตาอัติโนมัติเลยอ่ะ... แล้วก็หลับตาต่อ แล้วก็ลืมตาต่อ สมาธิ กระจาย
30 เมษายน 2555 13:34 น. - comment id 1231660
ฝน รู้ว่าจิตวอกแวก แสดงว่าเรายังมีสติ ครูบาอาจารย์ท่านให้ เริ่มบริกรรมใหม่ สมาธิ ท่านว่า เพียงแค่ ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ก็ได้บุญแล้วนะ
30 เมษายน 2555 14:15 น. - comment id 1231662
ปุถุชน คนกิเลส แม้รู้เหตุ และรู้ผล ยังตะกาย และว่ายวน ยากหลุดพ้น บนโลกีย์ เรียนมาก รู้ก็มาก แต่ก็ยาก ในวิถี ต้อยต่ำธรรมวิธี เหมือนบุญมี ..แต่กรรมบัง ! (ปทปรมะแท้ๆ) พยายามต่อไปนะเราเอ๋ย ...
30 เมษายน 2555 14:24 น. - comment id 1231663
คุณศรีสมภพ อย่างที่พระท่านว่า ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำ สมาธิ เป็นของกลางๆ หมายความว่า ทุกคน ทุกศาสนา สามารถศึกษาการทำสมาธิได้ครับ
30 เมษายน 2555 14:32 น. - comment id 1231664
หายใจเข้ารู้....หายใจออกรู้
30 เมษายน 2555 14:32 น. - comment id 1231665
10 กินไข่รู้....
30 เมษายน 2555 14:40 น. - comment id 1231666
ครั้งหนึ่งเคยนั่งทำสมาธิที่วัดอินทร์อ่ะ ไม่รู้พี่เคยไปป่าว..ในห้องที่มีหลวงพ่อโต อะไรไม่ว่า..ห้องนั้นเป็นห้องแอร์ไง..หลัง จากที่อ้อยไปไหว้พระมาทั้งหมด 8 วัด.. และวัดอินทร์นี่เป็นวัดสุดท้าย.. ไอ้ความที่เหนื่อยแล้วก็ร้อนด้วยจิ... พอมาเจอห้องแอร์เข้าไป...เป็นไงหล่ะ.. เรียบร้อย..สมาธิงี้ลึกสุดใจ..หลับในซิ.. หมดกันเล๊ยย...
30 เมษายน 2555 14:44 น. - comment id 1231667
คุณแบม อานาปานสติ ถือเป็นหนึ่งในอนุสติ 10 ที่ครูบาอาจารย์ท่านใช้ในการฝึกฝน และเป็นทางแห่งมรรคผลครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ สบายดีนะครับ
30 เมษายน 2555 14:50 น. - comment id 1231668
อ้อย การหลับคือการเข้าภวังค์อย่างหนึ่ง แต่เป็นการเข้าภวังค์โดยธรรมชาติ ไม่ได้เข้าภวังค์โดยสมาธิ ครูบาอาจารย์ ท่าว่าไว้ว่า สมาธิจะเกิด เมื่อเราเริ่มบริกรรม นับแต่คำแรกของการบริกรรมครับ ขอให้เจริญในธรรม ครับ ปล. เจ่เจ้ เคยพาไปไหว้หลวงพ่อโต วัดอินทร์ แล้วครับ
30 เมษายน 2555 14:53 น. - comment id 1231670
10 แบ่มแบ้ม ไข่หลวงตา ก็ไม่ละเว้นเลยนะ
30 เมษายน 2555 14:58 น. - comment id 1231671
วันละนิดละหน่อยค่อยๆ เก็บกันเน้อ นายนักสืบ
30 เมษายน 2555 15:00 น. - comment id 1231672
คุณกุ้งหญิง ถูกต้องที่สุดครับ วันละนิดละหน่อย ค่อยๆ เก็บ เหมือนหยอดกระปุก แต่สิ่งที่เก็บ ท่านว่า เอาไปใช้ ได้ถึงชาติหน้าเชียวนะครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ
30 เมษายน 2555 15:30 น. - comment id 1231675
............. เหมือนจะไม่ยาก แต่จริงๆยากนะ หลับตาทำจิตให้นิ่ง แต่จิตมันไม่นิ่ง คิดโน่นคิดนี่ พอรู้ตัวเอ้าเริ่มใหม่ เผลออีกแป๊บ ว่อกแว่กอีกแล้ว ...............
30 เมษายน 2555 15:40 น. - comment id 1231677
ฮ่า ดิน อาการเดียวกังเลย แม่บอกว่าเวลาฝนนั่งสมาธิ คิ้วจะกระตุก ตาจะยุบยิบๆ ตัวจะดุ๊กดิ๊กๆ แค่นับหนึ่งให้ถึงสิบ โดยไม่วอกแวก ยังไม่ถึงเลยอ่า
30 เมษายน 2555 15:42 น. - comment id 1231678
คุณdin ถ้าจะนับว่าสมาธิ เริ่มจากคำบริกรรมคำแรก ก็นับว่าไม่ว่ายาก เมื่อใจเราอยู่กับบริกรรม ไปเรื่อยๆ แต่พอทำจริงๆ ใจมักจะไม่อยู่กับคำบริกรรม มักคิดไปเรื่อยเปื่อย รวมทั้งอาการปวดเมื่อย ของร่างกาย ยิ่งทำให้ใจไม่เป็นสมาธิ เมื่อรู้ตัวว่าใจไม่นิ่งก็ดึงกลับ แล้วเริ่มต้นบริกรรมใหม่ ทำจนเกิดความชำนาญ ท่านว่าไว้ อย่างนั้นครับ
30 เมษายน 2555 15:49 น. - comment id 1231680
ฝน อาการที่ว่า ท่านเรียก ขันธมาร เป็น อุปสรรคในการทำสมาธิ เป็นมารที่มาขวางกั้นการทำความดี เป็นธรรมดา ของผู้ฝึกสมาธิครับ เมื่อเราทำบ่อยๆ อาการเหล่านี้ท่านว่า จะดีขึ้นหรือหมดไปครับ
30 เมษายน 2555 15:52 น. - comment id 1231681
อืม... เปลี่ยนจากท่านั่งเป็นท่านอนได้ป่ะคะพี่ แต่ไม่หลับนะ แค่นอนทำสมาธิอ่า
30 เมษายน 2555 16:15 น. - comment id 1231685
หลับตากะลืมตาเห็นเหมือนกันเลย บางทีลืมตายังเห็นแค่ภาพตรงหน้า แต่พอหลับตามากันเป็นร้อยๆเลยค่ะ สัจธรรมพระพุทธองค์ท่านบอกว่าผู้ ปฏิบัติเท่านั้นจึงจะสำเร็จเองได้ จะศึกษาจากตำรับตำราก็ไม่อาจบรรลุ ขอให้ผู้ใฝ่ธรรมจงถึงซึ่งนิพพานเทอญ
30 เมษายน 2555 16:58 น. - comment id 1231690
ธรรมสวัสดีค่ะคุณไร้อันดับ ทิ้งทางโลกทุกอย่างวางให้หมด กำหนดจิตพินิจคำธรรมตถา เจริญศีลสมาธิภาวนา เกิดปัญญาดับทุกข์สุขนิรันดร์ เจริญธรรมค่ะ
30 เมษายน 2555 17:18 น. - comment id 1231691
ประเดี๋ยวยุบประเดี๋ยวพองสมองวุ่น นี่ก็ทุนนั่นกำไรเริ่มไขว้เขว นั่นก็นายนี่ลูกน้องร้องโยเย สติเป๋จิตไม่ว่างทำอย่างไร ลงนั่งนิ่งขวาทับซ้ายใจหมายรู้ ทุกเรื่องราวพรั่งพรูคุมไม่ได้ แข้งหัวเข่าปวดเมื่อยถึงหลังไหล่ เลยหมดสิ้นกำลังใจไล่ไม่ทัน... สงสัยกิเลศหนาเกินไป
30 เมษายน 2555 18:52 น. - comment id 1231700
เราห่างเหินการทำสมาธิมานานมากจิงๆอ่ะ มีเวลาว่างยังคิดอยากทำนะ เพราะเราไม่ค่อยมีสมาธิเลยเดี๋ยวนี้อ่ะ การฝึกสมาธิคือการฝึกจิตที่ดีจิงๆ ใครทำใครได้เนาะ ปล.ไม่ต้องทำเผื่อเรานะ อิอิ
30 เมษายน 2555 21:45 น. - comment id 1231705
ฝน อริยาบทในการทำสมาธิ ทำได้ทั้ง 4 อริยาบท คือ ยืน เดิน นั่ง นอน อริยาบทนอน อาจใช้ท่าสิงห์ไสยาสน์ คือ นอนตะแคงขวา โดยดูจากปางพระ ประจำวันอังคารก็ได้ กล่าวกันว่า พระอานนท์ ทรงสำเร็จ มรรคผล ด้วย อริยาบทนี้นะ
30 เมษายน 2555 21:55 น. - comment id 1231706
คุณแจ้น ท่านว่า จิตนิ่ง จิตยิ่งมีพลัง เพราะดวงจิตได้พัก ได้หยุด ได้สงบ ไม่วิ่งวนไปมา ดังนั้น สมาธิ เป็นการเติมพลัง ให้กับจิตครับ การปฏิบัติ เป็นเรื่องของบุคคล ความสำเร็จ ก็เป็นเรื่องของบุคคล ดังเช่น การทานข้าว จะอิ่มหรือไม่อิ่ม ไม่มีใครรู้เท่าตัวเราครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ
30 เมษายน 2555 21:59 น. - comment id 1231708
หลับตาก้อ....อ่าง ตื่นมาก็......อ่าง อาการที่ว่า ท่านเรียก ขันธมาร อิอิ
1 พฤษภาคม 2555 17:24 น. - comment id 1231716
ดีใจ ที่คุณสนใจจริงจัง สมถะ นั้นเป็นฐานกำลังสมาธิ แต่วิปัสสนา เป็น สติ-ปัญญา สมถะ มีมาก่อนพุทธกาล แต่ วิปัสสนา คือ ที่พุทธองค์ค้นพบ และเป็นทางบรรลุถึงนิพพาน อาจารย์ดาบสทั้งสองของพุทธองค์ บรรลุฌานแบบสมถะได้สูงสุดแล้ว แต่ยังไม่ถึงอรหันต์ เพราะไม่รู้วิปัสสนา พระพุทธองค์เมื่อตรัสรู้แล้วตั้งใจมาบอกแก่พระอาจารย์ทั้งสองเพราะรู้ว่าอีกนิดเดียว ก็จะบรรลุได้ แต่ทั้งสองท่านสิ้นชีพไปก่อน พุทธองค์เสียดายมาก (ท่านว่าไปได้แค่ชั้นพรหม) - เล่ามาปะติดปะต่อตามที่ได้ฟังมาจากพระอาจารย์ ถ้ามีเวลาแบบต่อเนื่อง สัก สิบวัน ไปฝึกตามหลักสูตร โกเอนก้า จะได้ทั้งบุ๋นทั้งบู๊ (แบบอินเตอด้วยนะครับ)
1 พฤษภาคม 2555 08:56 น. - comment id 1231717
๑ คุณไร้อันดับ การหลับคือการเข้าภวังค์โดยธรรมชาติ แต่การเข้าภวังค์โดยสมาธิ แล้วดึงมาใช้พลังงานโดยสมาธิมันเฉียบคมกว่าเนอะ...ช่วงนี้ขี้เกียจสุด...ชอบเข้าภวังค์ธรรมชาติเป็นอาจิณ (หลับ)
1 พฤษภาคม 2555 08:58 น. - comment id 1231718
คุณวิมุตติยา สมาธิจิตนิ่งเพียงสิ่งหนึ่ง ละสิ่งซึ่งมากมายให้กลายกลับ ละนิวรณ์พร้อมเตือนการเลือนลับ สติจับอารมณ์ดุจคมทวน.... ขอให้เจริญในธรรมครับ
1 พฤษภาคม 2555 09:11 น. - comment id 1231719
1 พฤษภาคม 2555 09:13 น. - comment id 1231720
1 พฤษภาคม 2555 09:31 น. - comment id 1231722
คุณฤกษ์ ประเดี๋ยวยุบเดี๋ยวพองทดลองฝึก จิตสำนึกพิจารณามหาศาล ทั้งเจ็บหนอปวดหนอไม่รอนาน ขันธมารมีอยู่ได้รู้จริง เมื่อนั่งนิ่งกายตรงดำรงอยู่ สติรู้การกระทบพบทุกสิ่ง ตัดนิวรณ์มากมายทั้งหลายทิ้ง สู่ความนิ่งในจิตที่ติดธรรม... ขอให้เจริญในธรรมครับ ปล. อย่าลืมหาหลานให้ทางบ้านนะครับ
1 พฤษภาคม 2555 09:34 น. - comment id 1231723
จวว ห่างเหิน ก็กลับไปทำใหม่ได้ ไม่เสียหายอะไร การฝึกมีสติอยู่กับตัวเอง มีอะไรได้มากกว่าที่คิดนะ ลองๆ ทำดู เอาใจช่วยจ่ะ ปล. เรื่องอย่างนี้ ใครทำใครได้นะ
1 พฤษภาคม 2555 09:38 น. - comment id 1231724
28 31 32 ยกป. ร้องไห้อะไรกัน แต่เช้า สงสัยเมื่อคืนฝันร้ายซิ หรือว่าผีเข้ากันนะ แหม หลับก็อ่าง ตื่นก็อ่าง สงสัยอยากให้ติดอ่าง ละดิ
1 พฤษภาคม 2555 09:52 น. - comment id 1231728
คุณหลี่เหม่ยจิน การเข้าภวังค์โดยสมาธิแล้วนำพลังมาใช้ได้ เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติหลายคนต้องการ การนั่งสมาธิ แม้ไม่ต้องเข้าภวังค์ ถือว่าเป็นการเก็บสะสมพลังจิตเช่นกัน พลังจิตชนิดนี้ ก็สามารถนำไปใช้งาน ทั้งในชาตินี้และชาติหน้าได้ ครูบาอาจารย์ท่านว่าไว้ครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ
1 พฤษภาคม 2555 10:34 น. - comment id 1231738
อนุโมทนา สาธุ ครับ (ได้ยินมาว่า ท่านอานนท์ เพียรเร่งปฏิบัติให้ทันกาล เพื่อรับงานสำคัญ แต่ไปไม่ถึงอรหันต์สักที ในที่สุดก็ปล่อยละ จะเอนตัวนอน ก็สำเร็จ มรรคผล ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนตอนนั้นเอง)
1 พฤษภาคม 2555 10:55 น. - comment id 1231742
คุณDao พระอานนท์นั้น ตอนที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จปรินิพาน ท่านยังไม่สำเร็จมรรคผล แต่พระพุทธเจ้าได้ทำนายว่า หลังจากท่านเสด็จปรินิพานแล้ว พระอานนท์จะสำเร็จมรรคผล ท่านจึงได้เร่งทำความเพียรทางจิต เพื่อให้สำเร็จ แต่ไม่สำเร็จสักที จนเมื่อล้มตัวลงนอน ขณะที่เอนตัวลง ก็เกิดบรรลุในธรรมจนสำเร็จมรรคผลครับ ถือว่าท่านเป็นตัวอย่างในการบรรลุธรรม ด้วยอริยาบทนอนครับ ครูบาอาจารย์ท่านเล่าไว้อย่างนี้ครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ
1 พฤษภาคม 2555 13:32 น. - comment id 1231753
คุณไร้อันดับ ขอให้ประสบความสำเร็จในการนั่งสมาธิครับ ได้กุศลด้วยนะ ขอบอก เรื่องของพระอานนท์ ตอนนั้นเป็นช่วงหลังปรินิพพานของพระพุทธองค์ จะมีการสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งแรก เพื่อรวบรวมคำสอนให้เป็นระบบ บันทึกไว้ให้ชัดเจน ถ้าจำไม่ผิดประธานครั้งนั้นเป็น พระมหากัสสปะ พระอานนท์เป็นพระอุปฐากซึ่งอยู่ใกล้พระพุทธองค์มากที่สุด ทั้งยังเป็นผู้เลิศด้านปัญญา จำทุกเรื่อง ทุกคำสอนได้ทั้งหมด จึงมีข้อมูลมากที่สุด แต่พระที่จะเป็นคณะกรรมการสังคายนาครั้งที่ ๑ จะต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แต่พระอานนท์ยังไม่บรรลุ จนกระทั่งที่ท่านบรรลุด้วยการล้มตัวนอนนั่นแหละครับ การสังคายนาจึงเกิดขึ้นได้ ขอให้มีความสุขครับ
1 พฤษภาคม 2555 13:46 น. - comment id 1231754
พี่สืบ ... ฤทธิ์ ศรีดวง ดีจังที่ได้รู้ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ฝนจะไปหาข้อมูลต่อ อืม.... ท่านอนทำสมาธิ น่าจะเข้ากับบุคลิกฝนแฮะ
1 พฤษภาคม 2555 14:11 น. - comment id 1231758
คุณฤทธิ์ ช่วงนี้ผมเรียนสมาธิหลักสูตรหกเดือนอยู่ ต้องเรียนทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์เต็มวัน ตอนนี้เรียนมาได้เกือบสามเดือนแล้ว แต่ยังไม่ไปถึงไหน แต่จะพยายามต่อไปครับ พอได้มาเรียนสมาธิ ทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้น แล้วเกิดความมุ่งมั่นที่อยากจะเรียนให้จบ บอกตรงๆ ว่าดีใจที่ได้มาศึกษาเรื่องสมาธิ เรื่องพระอานนท์ ก็เป็นบทเรียนหนึ่ง ที่อ้างถึงเกี่ยวกับการฝึกอริยาบท ในการทำสมาธิครับ ขอบคุณสำหรับ ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับพระอานนท์ครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ
1 พฤษภาคม 2555 14:12 น. - comment id 1231759
แม่นแล้วครับทั้งท่านไร้ฯและท่านฤทธิ์ พระอานนท์ท่านไม่ถึงพระอรหันต์ในสมัยพระพุทธองค์ยังมีชีวิตอยู่ด้วยภารกิจคอยดูแลพระพุทธองค์ตลอดเวลา(ผู้อื่น) ไม่มีโอกาสดูตน เมื่อจำเป็นต้องใช้ท่านในการสังคายนาฯ ท่านก็ต้องเร่งบำเพ็ญเพียรอย่างไม่ลดละก็ยังไม่บรรลุจวนเจียนจะหมดเวลา (เพราะขัดกับวิธีปฏิบัติ) จนท่านปล่อยวางจะพักความเพียร เอนกายลง ก็บรรลุ ในขณะนั้น (ความจริง ยังไม่ถึงกับลงนอน -ตามที่พระอาจารย์เล่าให้ฟัง อิอิ)
1 พฤษภาคม 2555 14:27 น. - comment id 1231760
ฝน ปกติจิตคนจะสัดส่ายไปตามอารมณ์ การฝึกสมาธิ คือ การฝึกจิตให้ตั้งมั่น ในอารมณ์เดียว ทำให้จิตได้พัก และมีพลังเพิ่มขึ้น เรื่อง การทำสมาธิก็เป็นเรื่องน่าศึกษา เชื่อกันว่า ถ้าทำถึงระดับหนึ่งจะสามารถ ปิดอบายภูมิได้ ฟังแล้วน่าสนใจไหมล่ะ
1 พฤษภาคม 2555 14:33 น. - comment id 1231761
การปฏิบัติตามหลัก สติปัฏฐาน ทั้งกายา เวทนา จิตตา ธรรมา ให้มีสติรู้ตลอด ยืนเดินนั่งนอน เป็นอิริยาบทใหญ่ การเคลื่อนไหวของกายมีอิริยาบทย่อยสารพัด ถ้าตามรู้ตลอดในช่วงการปฏิบัติ จะได้สัมผัสอะไรๆดีๆแน่นอน ส่วนเวทนา ที่รู้ร้อนเย็นปวดเมื่อยฯลฯ ถ้าเป็นการใช้สติควบคู่กันไปกับกาย สำหรับจิตที่เป็นความคิดต่างๆนานา ก็ต้องตามรู้ให้มีสติจึงเป็นสัมมาสติได้ ส่วนเรื่องราวที่คิดไปเป็นธรรมาฯได้ด้วยสัมมาทิษฐิ ซึ่งเป็นข้อแรกขององค์มรรคเลย ขอให้บรรลุตามประสงค์นะครับ ขออนุโมทนาในกุศลที่ได้บำเพ็ญ
1 พฤษภาคม 2555 14:35 น. - comment id 1231762
ท่านี้ป่ะคะ ฮี่ๆ เอนค่ะเอน ท่านี้ ท่าถนัดฝนเลย
1 พฤษภาคม 2555 14:40 น. - comment id 1231763
คุณDao จริงๆ พระอานนท์ถือว่าเป็นพระที่ใกล้ชิด พระพระทุทธเจ้ามากที่สุดองค์หนึ่ง และทรงเป็นเลิศในหลายด้านด้วย ด้วยความที่ท่านเป็นเลิศในหลายด้าน ภาระท่านจึงมากมายทำให้สำเร็จมรรคผล ในภายหลัง ขอบคุณข้อมูลที่เพิ่มเติมครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ
1 พฤษภาคม 2555 14:51 น. - comment id 1231764
คุณDao เท่าที่ผมศึกษามา การฝีกทีครูบาอาจารย์ทั้งสอน มีสองสายใหญ่ๆ คือ สมาถะกับวิปัสสนา สมาถะ คือ ฝึกความตั้งมั่น วิปัสสนา คือ ฝึกสติ อย่างหลวงพ่อจรัญ จะเป็นตัวอย่าง ของการฝึกสติที่ดี โดยรู้อาการของกาย และนำมาพิจารณาตามหลักสติปัฏฐาน 4 ดังที่คุณได้กล่าวแล้ว ส่วนที่ผมฝีกตอนนี้ จะเน้นเกี่ยวกับสมาถะ คือ ฝึกความตั้งมั่นของจิต ซึ่งคงต้องยอมรับว่า ผมยังอ่อนอยู่มากครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดี และขอบคุณสำหรับคำพรดีดีครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ
1 พฤษภาคม 2555 15:02 น. - comment id 1231765
ฝน ใช่เลย ท่านี้แหละ จริงๆ ครูบาอาจารย์บางท่าน ก็บอกว่าท่านอนหงาย วางแขนข้างลำตัว ก็สามารถทำได้ ซึ่งอันนี้แล้วแต่จริตคน แต่หลักสูตรที่ศึกษา ท่านแนะให้ใช้ ท่าสิงห์ไสยาสน์ ซึ่งพี่ได้ทำหลังจากนั่งสมาธิ ปรากฎว่าได้ผลพอควรนะ อริยบท 4 คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ถือว่า การนั่งเป็นพิธีการที่สุด เพราะเป็นท่าที่พระพุทธเจ้า ใช้ในการชนะกิเลสมารทั้งปวง แต่ก็มีพระอรหันต์หลายองค์ ทรงสำเร็จด้วยอริยาบทต่างๆ ขอให้เจริญในธรรมครับ
2 พฤษภาคม 2555 01:14 น. - comment id 1231798
คุณ Dao สมถะ คือ ตัวสมาธิเพื่อให้จิตตั้งมั่น มีประสิทธิภาพ ในการกำจัดกิเลสอย่างกลาง เมื่อทำไปจนเกิดผลก็ทำให้เกิดความสงบสุข ส่วน วิปัสสนา คือ ตัวปัญญา มีประสิทธิภาพในการกำจัดกิเลส อย่างละเอียด เมื่อทำไปจนเกิดปัญญา ก็จะทำให้เห็นทุกข์ เมื่อเห็นทุกข์ ตัณหาและทิฏฐิ ก็จะหมดไป สำหรับอานิสงส์ของสมถะกับวิปัสสนาก็ต่างกัน คืออานิสงส์ของสมถะในชาติปัจจุบันนั้นทำให้ ได้อภิญญา อานิสงส์ของสมถะในชาติหน้านั้น ถ้าฌานไม่เสื่อม ก็ช่วยให้ได้ไปเกิดเสวยสุข อยู่ในพรหมโลก ตามอำนาจของฌานนั้นๆ ส่วนอานิสงส์ของวิปัสสนานั้น ในชาติปัจจุบัน ทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นผู้สิ้นจากอาสวะกิเลส ส่วนอานิสงส์ในอนาคตชาตินั้น ก็ทำให้ ผู้ปฏิบัติ ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ และตาย ในชาติอื่นๆ สมถะ ถือเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนา ถึงจะเกิดก่อนพุทธศาสนาก็ตามครับ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงใช้เป็นพื้นฐาน ของการบำเพ็ญเพียรทางจิต ดังนั้นครูบาอาจารย์ท่านจะสอน แตกต่างกันไป ตามจริตของผู้เรียนครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีดี ขอให้เจริญในธรรมครับ
3 พฤษภาคม 2555 08:14 น. - comment id 1231888
ผมก็สงสัยเรื่องตำราในเมื่อมีการสังคายนาโดยมีพระกัสปะเป็นประธานและได้บันทึกไว้แล้วทำไมจึงเอาตำราวิสุทธิมรรคของพระพุทธโฆษาจารย์มาสอนพระเณรอยู่ได้ด้วยมีผู้รู้หลายคนได้บอกว่าตำราของพระพุทธโฆษาจารย์ไม่ถูกต้องโดยเฉพาะเรืองปฎิจจสมุปบาทคร่อมสามภพสามชาติ
3 พฤษภาคม 2555 11:26 น. - comment id 1231906
คุณฤกษ์ พระพุทธโฆสะ เกิด เมื่อ พศ. 956 ได้ศึกษาจบไตรเพทในแนวลัทธิพราหมณ์ ต่อมาจึงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และได้บรรพชาอุปสมบทและได้ศึกษา พระพุทธพจน์จนแตกฉาน ได้แต่งปกรณ์ชื่อญาโณทัยขึ้นคัมภีร์หนึ่ง ต่อมาได้เดินทางไปลังกาและเขียนคัมภีร์ วิสุทธิมรรคในขณะที่อยู่ลังกานั่นเอง ถือว่าท่านเป็นปราชญ์ทางศาสนา ที่มีผู้ยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในอินเดีย และลังกาในขณะนั้น สำหรับเรื่องที่ว่าทำไมนำตำราวิสุทธิมรรค ของท่าน มาสอนพระเณร ทั้งๆ ที่มีมีผู้รู้ บางท่านกล่าวถึงตำราของท่านว่าไม่ถูกต้อง ในบางส่วนนั้น อันนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่จะรับไว้ทำการศึกษาต่อไปครับ ปล. ไม่นึกว่าคุณฤกษ์ ได้ศึกษา ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ นับถือๆ
3 พฤษภาคม 2555 12:37 น. - comment id 1231908
จะออกธุดงแล้วหรือสหาย
3 พฤษภาคม 2555 13:19 น. - comment id 1231912
สหาย ยกป. รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ยังไม่ธุดงค์ หรอก เพราะยังตัดได้ไม่หมด อีกอย่างกลัวเสือกับกลัวยุง ถ้าเจอเสือเข้าเสือมันคงส่ายหน้า บอกกินทีเดียวไม่หมด เก็บไว้นาน ก็จะบูดเสียก่อน ว่ามะสหาย
3 พฤษภาคม 2555 13:29 น. - comment id 1231913
ผมคิดของผมเองว่าลัทธิศาสนาพราห์มได้มอบให้ท่านพุทธโฆสะมาบ่อนทำลายโดยบวชเข้ามาเป็นพระในพุทธศาสนาจนประเทศอินเดียกลับไปถือศาสนาดั้งเดิมกันหมดเพราะตำราของท่านพุทธโฆสะนี่แหละ
3 พฤษภาคม 2555 13:59 น. - comment id 1231914
คุณฤกษ์ นักกฎหมายก็มีแนวคิดของนักกฎหมาย คิดอะไรได้เชื่อมโยงกันได้ตลอด เรื่องนี้ ผมขอผ่านครับ เพราะไม่มีข้อมูลครับ รอไว้มีเมื่อไหร่ ไว้มาเสวนากันต่อครับ ขอบคุณที่แสดงความคิดเห็นดีดี ขอให้เจริญในธรรมครับ
10 พฤษภาคม 2555 18:53 น. - comment id 1232777
ขออนุญาติแชร์ นะคะ ขอบคุณมากคะ
11 พฤษภาคม 2555 10:26 น. - comment id 1232839
คุณพี ขอบคุณที่เข้ามาทักทายครับ ขอให้เจริญในธรรมครับ