ขอฟ้า ขอฝน กลอนกลบท มยุราฟ้อนหาง ก่อนก่อนมา ฟ้าร้องก้องคึกคึก หมั่นหมั่นนึกเร่งฝนหล่นซู่ซู่ ซ่าซ่าดังฟังกราวพราวพรูพรู ชื่นชื่นชูฉ่ำจิตนิตย์เนืองเนือง แสนแสนห่าบ่าไหลให้หนักหนัก ร้อนร้อนนักเคืองขุ่นหนุนเนื่องเนื่อง เห็นเห็นฝนหล่นปรายคลายเคืองเคือง ค่อยค่อยเปลื้องโกรธา ฮาเฮเฮ เดี๋ยวเดี๋ยวนี้มีฝนหม่นครึ้มครึ้ม ชักชักขรึมเครียดใจไขว้เขวเขว แหยงแหยงฝนบนฟ้าบ่าเทเท เดินเดินเตร่ดูน้ำย้ำตรองตรอง หวิวหวิวไหวให้พรั่นหวั่นมากมาก ยุ่งยุ่งยากแล้วผู้อยู่หมองหมอง หลายหลายคนขนทรัพย์สรรพกองกอง เร็วเร็วต้องหนีน้ำทำลนลน ฟังฟังฟ้ามาร้องก้องถี่ถี่ เหมือนเหมือนมีอสูรน้ำพร่ำบ่นบ่น โปรดโปรดด้วยช่วยข้าคราจนจน ขอขอฝนอย่าร่วงฟ้าข้ากลัว กลัว (เขียนขณะได้ยินเสียงฟ้าร้อง บ่ายของวันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ครับผม) หมายเหตุ: กลอนกลบท มยุราฟ้อนหาง มีปรากฏทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง สิริวิบูลย์กิตติ์ ของ ท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) แหละในประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ผมศึกษาแบบแผนและตัวอย่าง จากหนังสือกวีนิพนธ์ชื่อ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น ครับผม
10 ตุลาคม 2554 07:36 น. - comment id 1210850
ณ.เวลานี้ ขอฟ้า ขอฝน ให้ผ่านพ้นไปเร็วๆ
10 ตุลาคม 2554 13:46 น. - comment id 1210888
โอ..ฝนจ๋า ..อย่ามานะ ได้โปรดละขณะนี้ มนุษย์น้ำช้ำเหลือที่ หากปรานี ..จงหนีหาย ค่อยมาใหม่ ..เข้าใจนะ
15 ตุลาคม 2554 09:53 น. - comment id 1211258
สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน เมื่อวานตอนหัวค่ำ แถวบ้านผมฝนถล่มครับ ใจมิได้ห่วงน้ำจะท่วมบ้านหรอก เพราะเตรียมการรับมือไว้ในระดับหนึ่ง แต่ห่วงผู้ประสบอุทกภัยอยู่ก่อนแล้วทุกๆท่านเป็นอย่างมาก น้ำเก่ายังไม่ลด นี่ฝนก็ยังมิขาดฟ้า เทวดาหนอเทวดา ช่างไม่ปรานีมนุษย์บ้างเลย ดูข่าวทุกวัน เศร้าจิตทุกวันครับผม สวัสดีครับ คุณพจนา/หนังสือ ห้ามฝนคงห้ามยากเต็มทีครับ ตอนนี้เตรียมแรงรับสถานการณ์ ช่วยเหลือกันเต็มความสามารถดีกว่ากระมังครับผม สวัสดีครับ คุณศรีสมภพ เมื่อวานตอนได้ยินเสียงฟ้าร้อง ผมถึงกับเขียนกลอนปลอบใจตัวเองว่า ฝนจะซู่พรูใหย่...ก็ไม่แปลก ฟ้าจะแตกน้ำจะนอง...ไยต้องตื่น ธรรมชาติอาจสร้างและล้างกลืน มนุษย์ฝืนตามใจ...ฝืนได้ฤา จากนั้น ก็นั่งฟังฝนกระหน่ำ พร้อมๆกับทำใจไปด้วยครับผม